สามวันต่อมา
วันนั้นหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พี่หมอก็รีบขอตัวกลับทันทีราวกับกลัวว่าถ้าอยู่นานจะถูกฉันจับกินตับอย่างนั้นแหละ มิหนำซ้ำเมื่อสองวันก่อนยังให้พนักงานส่งของเอาเสื้อผ้ามาส่งคืนให้แทนที่จะเอามาคืนเองด้วย
ส่วนกางเกงชั้นในก็ซื้อใหม่ให้เสร็จสรรพทั้งยังซื้อยี่ห้อที่แพงกว่าให้ด้วย วาสนาลอตเต้ชัดๆ ที่ได้ใส่ชั้นในของพี่หมอ
ฉันเองก็อยากได้บ้างอ่าาา
“มานั่งหน้ามึนอะไรตรงนี้ครับคุณเพื่อน” ลอตเต้ดูดน้ำลำไยและนั่งลงข้างฉันด้วยท่าทางอารมณ์ดี
“ลำไยหวานร้อยอีกละ ระวังเบาหวานจะถามหานะ”
“ถ้าได้ตายไปพร้อมกับความสุขฉันก็ยินดี”
ก็ถูกของมัน ถ้าต้องมานั่งอมทุกข์ก่อนตายชีวิตจะไปมีความหมายอะไรล่ะ
“คืนนี้ไปไหม”
“ไปไหน”
“กินเลี้ยงไง นี่พวกรุ่นพี่ยังไม่ได้บอกเหรอว่าจะนัดทีมรับน้องเลี้ยงฉลองกัน”
จะว่าไปตั้งแต่งานรับน้องเสร็จก็เหมือนจะไม่ได้กินเลี้ยงกันเลยจริงๆ นั่นแหละ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก็ปรากฏว่าเห็นข้อความที่พี่สิบทิศส่งทิ้งไว้ แต่เนื่องจากปิดเสียงแจ้งเตือนทำให้ไม่ได้ยินตอนเขาส่งข้อความมา
สิบทิศ : [เย็นนี้พี่นัดพวกทีมงานรับน้องกินเลี้ยงที่ร้านเดิม มาด้วยนะครับเฮดว๊าก]
“แกไปป่ะ” ฉันหันไปถามไอ้เต้
“ไปดิ”
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงออกไป ฉันเองก็ไม่ไปสังสรรค์นานแล้ว
ตกเย็น
หลังจากเลิกเรียนมาถึงคอนโดฉันก็รีบอาบน้ำทันที วันนี้อากาศร้อนจนแทบจะเผาไหม้ได้เลย ประกอบกับอีกหนึ่งชั่วโมงต้องไปตามนัดงานเลี้ยงด้วย
ใส่อะไรไปดีนะ
ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่เหมาะกับการไปร้านเหล้า จะให้ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ชุดไหนดีนะ...
หาอยู่สักพักใหญ่สุดท้ายก็ได้ชุดที่ต้องการ
ฉันเลือกใส่เป็นเสื้อครอปสีดำขนาดพอดีตัวเปิดช่วงล่างโชว์เอวคอด กับกางเกงลายพรางขายาวพร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมปล่อยตรงลงมาโดยไม่ลืมเกี่ยวกับใบหูหนึ่งข้างโชว์ต่างหูที่อุตส่าห์ไปเจาะมาตั้ง 3 รู ทำเอาโดนแม่ด่าไปยกใหญ่
‘เจาะขนาดนี้ไม่ไปเจาะจมูกแล้วหาสายจูงมาด้วยเลยล่ะ’
ตอนนั้นฉันเกือบบ้าจี้ตามไปเจาะจมูกละ แต่ดันกลัวเจ็บไงเลยไม่ทำ
ครืด ครืด ครืด
ระหว่างกำลังแต่งตัวจู่ๆ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามา พอกดรับสายถึงได้รู้ว่าเป็นเบอร์ใหม่พี่สิบทิศ
(เสร็จหรือยังให้พี่ไปรับไหม)
“ไม่เป็นไรค่ะ เต้บอกจะมารับแล้ว”
วันนี้ฉันขี้เกียจบิดมอเตอร์ไซค์ไปแล้วคิดว่าจะดื่มด้วยก็เลยจะพึ่งพาวาสนาเพื่อนช่วยแบกกลับมา
(เต้ยังไม่ออกมารึเปล่าบอกให้ตรงไปที่ร้านเลยก็ได้นะ พอดีพี่อยู่ใกล้ๆ คอนโดรินแล้ว)
พูดขนาดนี้แล้วถ้าฉันปฏิเสธไปอีกก็คงไม่ดี งั้นไปกับพี่สิบทิศก็ได้มั้ง
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวรินลงไปรอด้านล่างนะคะ”
(ได้สิ พี่กำลังขับรถเข้าไป)
ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าคาดอกสีดำ ก่อนจะหยิบกุญแจห้องและคีย์การ์ดเดินลงมา พอมาถึงหน้าคอนโดพี่สิบทิศก็ขับรถเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักพลันรัดเข็มขัดนิรภัย
“แต่งตัวไปแบบนี้ พวกนั้นแซวแย่”
“ทำไมเหรอคะ มันไม่ดีเหรอ” ฉันว่าชุดนี้ก็เริ่ดอยู่นะ
“มันสวยมากต่างหากล่ะ เหมือนวันนี้จะแต่งหน้าด้วยใช่ไหม”
“โอ๊ะ ดูออกด้วย”
ฉันเพิ่งโดนเจ้เลย์พี่สาวของลอตเต้ป้ายยาบลัชออนอันใหม่มาก็เลยทดลองใช้นิดหน่อย แต่ตอนแต่งหน้าฉันก็ว่าตัวเองลงเครื่องสำอางเบามากแล้วนะไม่คิดว่าพี่สิบทิศจะสังเกตเห็นด้วย
ติ้ง!
ระหว่างคุยสัพเพเหระตามประสาคนที่ไม่ได้คุยกันนาน โทรศัพท์ของฉันก็มีข้อความแจ้งเตือนเข้า เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความของสีน้ำ
สีน้ำ : [วันนี้พี่หมอเลิกงานเร็ว มาวาดรูปเป็นเพื่อนหนูด้วย น่ารักไหมคะ]
น้องส่งข้อความมาบอกพร้อมกับแนบรูปภาพที่พี่หมอวาด ซึ่งมันเป็นรูปของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวเจ็ดแปดขวบกำลังยืนดมดอกไม้
สีน้ำ : [สวยไหมคะพี่ริน]
ไอริน : [สวยมากค่ะ พี่หมอวาดรูปเก่งจัง]
ไม่เพียงเท่านี้นะ น้องยังส่งภาพถ่ายตอนที่พี่หมอกำลังก้มหน้าตั้งใจวาดรูปให้ฉันด้วย
เห็นแล้วใจเต้นชะมัดเลย เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่กำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง
“คุยกับใครเหรอริน”
“น้องสาวค่ะ” ฉันเปิดรูปถ่ายนั้นอีกครั้งก่อนจะกดเซฟรูปเก็บไว้ในเครื่อง
“รินมีน้องสาวด้วยเหรอ พี่ก็คิดว่ามีแต่น้องชายเสียอีก”
“เปล่าค่ะ เด็กคนนี้รินรู้จักกับเขาเมื่อครึ่งเดือนก่อนแต่แกน่ารักเราก็เลยสนิทกัน”
“อ๋อ พี่ก็นึกว่าเรามีน้องสาวอีกคน”
ฟังพี่สิบทิศพูดจบฉันก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรทำเพียงยิ้มบางให้เขาก่อนจะละสายตาก้มมองรูปภาพที่เพิ่งเซฟไว้อีกครั้ง
ดูดีจัง...
ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึงร้านที่นัดหมายไว้ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น
ร้านแห่งนี้ไม่เชิงเป็นร้านเหล้า 100 เปอร์เซ็นต์ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีดนตรีสดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บรรยากาศภายในร้านก็ค่อนข้างชิล สามารถมานั่งฟังเพลงผ่อนคลายพร้อมกับจิบเบียร์เบาๆ ได้
แต่ฉันมาร้านนี้ทีไรไม่เคยเบานะเมาเละทุกที แล้วทุกครั้งที่เมาก็ไม่ได้น่ารักน่าหยิกด้วย ฉันเป็นประเภทเมาแล้วเพื่อนอยากจะถีบหัวส่งเสียมากกว่า ไม่ก็สับคอให้มันหลับๆไปเลย
“เชรดตัวตึงมาแล้วว่ะ”
ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปถึงไอ้พวกเพื่อนในคณะที่แสนจะปากหมาก็เอ่ยแซวเป็นอันดับแรก
“วันนี้น้องไอรินของเราจะสร้างตำนานอีกไหมนะ”
“กูเตรียมกล้องรอละ”
“พวกมึงก็นะ เก็บปากไว้กินข้าวบ้างเถอะ” พี่สิบทิศออกโรงปกป้อง
แต่ไม่จำเป็นหรอกเพราะฉันโดนแซวจนชินละ ไม่โกรธด้วยออกจะสนุกด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะสร้างตำนานอะไร หวังว่าจะไม่ได้กระโดดขึ้นไปบนเวทีแล้วเต้นท่าสะพานโค้งก็พอ
ฉันกวาดสายตามองหาลอตเต้ซึ่งตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่เห็นหัวมันเลย
“ลอตเต้ล่ะ” ฉันหันไปถามไอ้กล้าเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุด
“ไปเข้าห้องน้ำ”
“อ้อ แล้วมันนั่งไหน”
พอไอ้กล้าชี้ฉันก็เลือกเดินไปหาที่นั่งข้างลอตเต้ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวพอดี ราวกับไอ้เพื่อนตัวดีรู้ว่าฉันชอบนั่งกับมันก็เลยจองที่ไว้ให้
ที่มาร้านเหล้าแล้วเลือกนั่งข้างเต้ตลอดไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่เพราะเวลาเมาแล้วฉันชอบเลื้อยก็เลยหาที่เกาะที่ไว้ใจได้จะได้ไม่เลื้อยไปไกล
นั่งได้ไม่นานลอตเต้ก็เดินกลับมา วันนี้ไอ้คุณชายก็หล่อจัดเต็มเหมือนเดิม
“ทำไมพี่สิบทิศไปรับมึงได้วะ”
พอนั่งลงก็ขยับเก้าอี้เข้ามากระซิบข้างหูฉันทันที
“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบอกอยู่แถวนั้นพอดีเลยจะแวะรับ” ฉันกระซิบตอบ
“อะแฮ่ม! พวกมึงสองคนอ่ะจะกระซิบกันอีกนานไหมยกแก้วดิ” ไอ้พี่โจ๊กเริ่มเปิดวง ซึ่งแน่นอนว่าพี่มันล็อกเป้าฉันอีกตามเคย
แต่วันนี้ฉันไม่ยอมโดนมอมเหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ
“โห่พี่โจ๊ก เป็นพี่ก็ต้องโชว์หมดแก้วเป็นตัวอย่างให้ดูก่อนดิ หรือว่าพี่ป๊อด”
รายนี้รักศักดิ์ศรีเสียยิ่งกว่าอะไรดี อย่าไปหยามเขาเด็ดขาดเพราะเขาจะไม่มีทางเปิดช่องว่างให้เราหยามได้เลย เหมาะแก่การถูกมอมเหล้าสุดๆ
“มึงกินข้าวยัง” ฉันหันไปกระซิบถามไอ้ลอตเต้
“กินไก่ทอดไปละ มึงก็รีบแดกก่อนจะถูกมอมเหอะ”
เป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเริ่มทยอยดื่มฉันก็รีบหาอาหารกระแทกปาก เพราะขืนกินเบียร์ตอนท้องว่างได้เมาตั้งแต่ยังไม่ถึงสิบแก้วแน่
“ไอ้เต้ มึงกับไอรินนี่ยังไงวะ แค่เพื่อนจริงดิ”
คนทั้งโต๊ะราวสิบกว่าคนต่างหันมองหน้าฉันและลอตเต้ซึ่งตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าของพี่โจ๊ก พี่มันมองหน้าพวกเราสลับกันพลันเลิกคิ้วขึ้นเป็นการบอกว่า กูรอคำตอบอยู่นะ ซึ่งไอ้ลอตเต้และฉันเจอคำถามนี้เป็นประจำจนขี้เกียจตอบ
บางครั้งก็บอกว่าเป็นแฟนกันไปเลยจะได้หมดปัญหา จนมีช่วงหนึ่งที่ลอตเต้กำลังดังเพราะได้ตำแหน่งเดือนมหาลัย ฉันเริ่มกลายเป็นขี้ปากของคนอื่นจนมีข่าวลือแปลกๆ ว่าฉันตามตื๊อลอตเต้จนได้มาเป็นเพื่อนกัน บางคนก็หาว่าฉันแอ๊บแมนเพื่อจับผู้ชาย
ฟังแล้วโคตรทึ่งเลย
แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ คำพูดคนพวกนั้นไม่ได้ทำให้ฉันอิ่มท้อง ดังนั้นฉันไม่แคร์แต่อย่าล้ำเส้นกันก็พอ
ซึ่งถามว่ามีไหม คำตอบคือมี!
ฉันเคยโดนผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบไอ้ลอตเต้มากมาหาเรื่อง ถึงขั้นปล่อยลมยางรถฉันเลย บอกแล้วว่ายุ่งกับอะไรก็ยุ่งได้แต่ถ้ามายุ่งกับลูกรักฉันเท่ากับตาย
พอฉันรู้ว่าเป็นฝีมือใครฉันก็ไปแหกหน้ายัยนั่นกลางโรงอาหารของคณะทันที ไม่ได้ลงมืออะไรหรอกแค่ไปวีนให้ยัยบ้านั่นเสียหน้า
หลังจากนั้นนางก็ไม่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกเลย และแน่นอนว่าเหตุการณ์นั้นทำให้จำนวนคนที่แอนตี้ฉันเพิ่มขึ้น
หาว่าฉันไม่มีมารยาทบ้างล่ะ กร่างบ้างล่ะ แต่โดยรวมแล้วก็มีแต่พวกเก่งแต่ปากเท่านั่นแหละที่เป็นแอนตี้ ซึ่งฉันก็ขี้เกียจสนใจ
“เอ้าตอบมาเร็วดิวะ สรุปยังไงกูเห็นพวกมึงสนิทกันขนาดนี้เป็นแค่เพื่อนหรือว่า...”
“หยุดความคิดสกปรกของมึงไปเลยไอ้พี่โจ๊ก ผมกับไอรินเป็นแค่เพื่อนกัน” ไอ้เต้เริ่มโมโหแล้ว
มันไม่ชอบให้ใครมาคิดเรื่องต่ำตมกับมัน โดยเฉพาะทำให้ความสัมพันธ์อันแสนบริสุทธิ์ของเราต้องแปดเปื้อนให้พวกนั้นเอาไปคิดเรื่องอย่างว่า
และเมื่อกี้สายตาไอ้พี่โจ๊กที่มองมาก็ทำให้ลอตเต้มั่นใจว่ามันมีแต่เรื่องใต้หว่างขาอยู่ในหัว
“ใจเย็นดิวะ เดือดไปได้กูขอโทษละกัน”
“เออผมรับคำขอโทษ แต่ทีหลังก็ระวังหน่อยถึงยังไงไอรินมันก็เป็นผู้หญิง”
ฉันมองหน้าลอตเต้ด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อนฉันมันจ๊าบว่ะ เดี๋ยวนี้รู้จักปกป้องกันแล้วด้วย
“เลิศมากเพื่อนรัก สมมงเพื่อนสนิทฉัน”
“แน่นอน คนที่ด่าและหาเรื่องแกได้มีแค่ฉันก็พอ”
เหมือนจะรู้สึกดีที่ถูกปกป้องนะ แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้นแหละ