งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นแล้ว

1993 คำ
สามวันต่อมา วันนั้นหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พี่หมอก็รีบขอตัวกลับทันทีราวกับกลัวว่าถ้าอยู่นานจะถูกฉันจับกินตับอย่างนั้นแหละ มิหนำซ้ำเมื่อสองวันก่อนยังให้พนักงานส่งของเอาเสื้อผ้ามาส่งคืนให้แทนที่จะเอามาคืนเองด้วย ส่วนกางเกงชั้นในก็ซื้อใหม่ให้เสร็จสรรพทั้งยังซื้อยี่ห้อที่แพงกว่าให้ด้วย วาสนาลอตเต้ชัดๆ ที่ได้ใส่ชั้นในของพี่หมอ ฉันเองก็อยากได้บ้างอ่าาา “มานั่งหน้ามึนอะไรตรงนี้ครับคุณเพื่อน” ลอตเต้ดูดน้ำลำไยและนั่งลงข้างฉันด้วยท่าทางอารมณ์ดี “ลำไยหวานร้อยอีกละ ระวังเบาหวานจะถามหานะ” “ถ้าได้ตายไปพร้อมกับความสุขฉันก็ยินดี” ก็ถูกของมัน ถ้าต้องมานั่งอมทุกข์ก่อนตายชีวิตจะไปมีความหมายอะไรล่ะ “คืนนี้ไปไหม” “ไปไหน” “กินเลี้ยงไง นี่พวกรุ่นพี่ยังไม่ได้บอกเหรอว่าจะนัดทีมรับน้องเลี้ยงฉลองกัน” จะว่าไปตั้งแต่งานรับน้องเสร็จก็เหมือนจะไม่ได้กินเลี้ยงกันเลยจริงๆ นั่นแหละ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ก็ปรากฏว่าเห็นข้อความที่พี่สิบทิศส่งทิ้งไว้ แต่เนื่องจากปิดเสียงแจ้งเตือนทำให้ไม่ได้ยินตอนเขาส่งข้อความมา สิบทิศ : [เย็นนี้พี่นัดพวกทีมงานรับน้องกินเลี้ยงที่ร้านเดิม มาด้วยนะครับเฮดว๊าก] “แกไปป่ะ” ฉันหันไปถามไอ้เต้ “ไปดิ” ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงออกไป ฉันเองก็ไม่ไปสังสรรค์นานแล้ว ตกเย็น หลังจากเลิกเรียนมาถึงคอนโดฉันก็รีบอาบน้ำทันที วันนี้อากาศร้อนจนแทบจะเผาไหม้ได้เลย ประกอบกับอีกหนึ่งชั่วโมงต้องไปตามนัดงานเลี้ยงด้วย ใส่อะไรไปดีนะ ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่เหมาะกับการไปร้านเหล้า จะให้ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนไปเฉยๆ ก็กระไรอยู่ ชุดไหนดีนะ... หาอยู่สักพักใหญ่สุดท้ายก็ได้ชุดที่ต้องการ ฉันเลือกใส่เป็นเสื้อครอปสีดำขนาดพอดีตัวเปิดช่วงล่างโชว์เอวคอด กับกางเกงลายพรางขายาวพร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมปล่อยตรงลงมาโดยไม่ลืมเกี่ยวกับใบหูหนึ่งข้างโชว์ต่างหูที่อุตส่าห์ไปเจาะมาตั้ง 3 รู ทำเอาโดนแม่ด่าไปยกใหญ่ ‘เจาะขนาดนี้ไม่ไปเจาะจมูกแล้วหาสายจูงมาด้วยเลยล่ะ’ ตอนนั้นฉันเกือบบ้าจี้ตามไปเจาะจมูกละ แต่ดันกลัวเจ็บไงเลยไม่ทำ ครืด ครืด ครืด ระหว่างกำลังแต่งตัวจู่ๆ ก็มีสายปริศนาโทรเข้ามา พอกดรับสายถึงได้รู้ว่าเป็นเบอร์ใหม่พี่สิบทิศ (เสร็จหรือยังให้พี่ไปรับไหม) “ไม่เป็นไรค่ะ เต้บอกจะมารับแล้ว” วันนี้ฉันขี้เกียจบิดมอเตอร์ไซค์ไปแล้วคิดว่าจะดื่มด้วยก็เลยจะพึ่งพาวาสนาเพื่อนช่วยแบกกลับมา (เต้ยังไม่ออกมารึเปล่าบอกให้ตรงไปที่ร้านเลยก็ได้นะ พอดีพี่อยู่ใกล้ๆ คอนโดรินแล้ว) พูดขนาดนี้แล้วถ้าฉันปฏิเสธไปอีกก็คงไม่ดี งั้นไปกับพี่สิบทิศก็ได้มั้ง “ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวรินลงไปรอด้านล่างนะคะ” (ได้สิ พี่กำลังขับรถเข้าไป) ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าคาดอกสีดำ ก่อนจะหยิบกุญแจห้องและคีย์การ์ดเดินลงมา พอมาถึงหน้าคอนโดพี่สิบทิศก็ขับรถเข้ามาพอดี “สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักพลันรัดเข็มขัดนิรภัย “แต่งตัวไปแบบนี้ พวกนั้นแซวแย่” “ทำไมเหรอคะ มันไม่ดีเหรอ” ฉันว่าชุดนี้ก็เริ่ดอยู่นะ “มันสวยมากต่างหากล่ะ เหมือนวันนี้จะแต่งหน้าด้วยใช่ไหม” “โอ๊ะ ดูออกด้วย” ฉันเพิ่งโดนเจ้เลย์พี่สาวของลอตเต้ป้ายยาบลัชออนอันใหม่มาก็เลยทดลองใช้นิดหน่อย แต่ตอนแต่งหน้าฉันก็ว่าตัวเองลงเครื่องสำอางเบามากแล้วนะไม่คิดว่าพี่สิบทิศจะสังเกตเห็นด้วย ติ้ง! ระหว่างคุยสัพเพเหระตามประสาคนที่ไม่ได้คุยกันนาน โทรศัพท์ของฉันก็มีข้อความแจ้งเตือนเข้า เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความของสีน้ำ สีน้ำ : [วันนี้พี่หมอเลิกงานเร็ว มาวาดรูปเป็นเพื่อนหนูด้วย น่ารักไหมคะ] น้องส่งข้อความมาบอกพร้อมกับแนบรูปภาพที่พี่หมอวาด ซึ่งมันเป็นรูปของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุราวเจ็ดแปดขวบกำลังยืนดมดอกไม้ สีน้ำ : [สวยไหมคะพี่ริน] ไอริน : [สวยมากค่ะ พี่หมอวาดรูปเก่งจัง] ไม่เพียงเท่านี้นะ น้องยังส่งภาพถ่ายตอนที่พี่หมอกำลังก้มหน้าตั้งใจวาดรูปให้ฉันด้วย เห็นแล้วใจเต้นชะมัดเลย เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ โดยเฉพาะเวลาที่กำลังตั้งใจทำอะไรบางอย่าง “คุยกับใครเหรอริน” “น้องสาวค่ะ” ฉันเปิดรูปถ่ายนั้นอีกครั้งก่อนจะกดเซฟรูปเก็บไว้ในเครื่อง “รินมีน้องสาวด้วยเหรอ พี่ก็คิดว่ามีแต่น้องชายเสียอีก” “เปล่าค่ะ เด็กคนนี้รินรู้จักกับเขาเมื่อครึ่งเดือนก่อนแต่แกน่ารักเราก็เลยสนิทกัน” “อ๋อ พี่ก็นึกว่าเรามีน้องสาวอีกคน” ฟังพี่สิบทิศพูดจบฉันก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรทำเพียงยิ้มบางให้เขาก่อนจะละสายตาก้มมองรูปภาพที่เพิ่งเซฟไว้อีกครั้ง ดูดีจัง... ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึงร้านที่นัดหมายไว้ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงเย็น ร้านแห่งนี้ไม่เชิงเป็นร้านเหล้า 100 เปอร์เซ็นต์ ที่นี่เป็นร้านอาหารที่มีดนตรีสดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บรรยากาศภายในร้านก็ค่อนข้างชิล สามารถมานั่งฟังเพลงผ่อนคลายพร้อมกับจิบเบียร์เบาๆ ได้ แต่ฉันมาร้านนี้ทีไรไม่เคยเบานะเมาเละทุกที แล้วทุกครั้งที่เมาก็ไม่ได้น่ารักน่าหยิกด้วย ฉันเป็นประเภทเมาแล้วเพื่อนอยากจะถีบหัวส่งเสียมากกว่า ไม่ก็สับคอให้มันหลับๆไปเลย “เชรดตัวตึงมาแล้วว่ะ” ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปถึงไอ้พวกเพื่อนในคณะที่แสนจะปากหมาก็เอ่ยแซวเป็นอันดับแรก “วันนี้น้องไอรินของเราจะสร้างตำนานอีกไหมนะ” “กูเตรียมกล้องรอละ” “พวกมึงก็นะ เก็บปากไว้กินข้าวบ้างเถอะ” พี่สิบทิศออกโรงปกป้อง แต่ไม่จำเป็นหรอกเพราะฉันโดนแซวจนชินละ ไม่โกรธด้วยออกจะสนุกด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะสร้างตำนานอะไร หวังว่าจะไม่ได้กระโดดขึ้นไปบนเวทีแล้วเต้นท่าสะพานโค้งก็พอ ฉันกวาดสายตามองหาลอตเต้ซึ่งตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่เห็นหัวมันเลย “ลอตเต้ล่ะ” ฉันหันไปถามไอ้กล้าเพื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุด “ไปเข้าห้องน้ำ” “อ้อ แล้วมันนั่งไหน” พอไอ้กล้าชี้ฉันก็เลือกเดินไปหาที่นั่งข้างลอตเต้ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่ที่เดียวพอดี ราวกับไอ้เพื่อนตัวดีรู้ว่าฉันชอบนั่งกับมันก็เลยจองที่ไว้ให้ ที่มาร้านเหล้าแล้วเลือกนั่งข้างเต้ตลอดไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่เพราะเวลาเมาแล้วฉันชอบเลื้อยก็เลยหาที่เกาะที่ไว้ใจได้จะได้ไม่เลื้อยไปไกล นั่งได้ไม่นานลอตเต้ก็เดินกลับมา วันนี้ไอ้คุณชายก็หล่อจัดเต็มเหมือนเดิม “ทำไมพี่สิบทิศไปรับมึงได้วะ” พอนั่งลงก็ขยับเก้าอี้เข้ามากระซิบข้างหูฉันทันที “ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบอกอยู่แถวนั้นพอดีเลยจะแวะรับ” ฉันกระซิบตอบ “อะแฮ่ม! พวกมึงสองคนอ่ะจะกระซิบกันอีกนานไหมยกแก้วดิ” ไอ้พี่โจ๊กเริ่มเปิดวง ซึ่งแน่นอนว่าพี่มันล็อกเป้าฉันอีกตามเคย แต่วันนี้ฉันไม่ยอมโดนมอมเหมือนครั้งที่แล้วหรอกนะ “โห่พี่โจ๊ก เป็นพี่ก็ต้องโชว์หมดแก้วเป็นตัวอย่างให้ดูก่อนดิ หรือว่าพี่ป๊อด” รายนี้รักศักดิ์ศรีเสียยิ่งกว่าอะไรดี อย่าไปหยามเขาเด็ดขาดเพราะเขาจะไม่มีทางเปิดช่องว่างให้เราหยามได้เลย เหมาะแก่การถูกมอมเหล้าสุดๆ “มึงกินข้าวยัง” ฉันหันไปกระซิบถามไอ้ลอตเต้ “กินไก่ทอดไปละ มึงก็รีบแดกก่อนจะถูกมอมเหอะ” เป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ ระหว่างที่ทุกคนกำลังเริ่มทยอยดื่มฉันก็รีบหาอาหารกระแทกปาก เพราะขืนกินเบียร์ตอนท้องว่างได้เมาตั้งแต่ยังไม่ถึงสิบแก้วแน่ “ไอ้เต้ มึงกับไอรินนี่ยังไงวะ แค่เพื่อนจริงดิ” คนทั้งโต๊ะราวสิบกว่าคนต่างหันมองหน้าฉันและลอตเต้ซึ่งตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าของพี่โจ๊ก พี่มันมองหน้าพวกเราสลับกันพลันเลิกคิ้วขึ้นเป็นการบอกว่า กูรอคำตอบอยู่นะ ซึ่งไอ้ลอตเต้และฉันเจอคำถามนี้เป็นประจำจนขี้เกียจตอบ บางครั้งก็บอกว่าเป็นแฟนกันไปเลยจะได้หมดปัญหา จนมีช่วงหนึ่งที่ลอตเต้กำลังดังเพราะได้ตำแหน่งเดือนมหาลัย ฉันเริ่มกลายเป็นขี้ปากของคนอื่นจนมีข่าวลือแปลกๆ ว่าฉันตามตื๊อลอตเต้จนได้มาเป็นเพื่อนกัน บางคนก็หาว่าฉันแอ๊บแมนเพื่อจับผู้ชาย ฟังแล้วโคตรทึ่งเลย แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ คำพูดคนพวกนั้นไม่ได้ทำให้ฉันอิ่มท้อง ดังนั้นฉันไม่แคร์แต่อย่าล้ำเส้นกันก็พอ ซึ่งถามว่ามีไหม คำตอบคือมี! ฉันเคยโดนผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบไอ้ลอตเต้มากมาหาเรื่อง ถึงขั้นปล่อยลมยางรถฉันเลย บอกแล้วว่ายุ่งกับอะไรก็ยุ่งได้แต่ถ้ามายุ่งกับลูกรักฉันเท่ากับตาย พอฉันรู้ว่าเป็นฝีมือใครฉันก็ไปแหกหน้ายัยนั่นกลางโรงอาหารของคณะทันที ไม่ได้ลงมืออะไรหรอกแค่ไปวีนให้ยัยบ้านั่นเสียหน้า หลังจากนั้นนางก็ไม่มาให้ฉันเห็นหน้าอีกเลย และแน่นอนว่าเหตุการณ์นั้นทำให้จำนวนคนที่แอนตี้ฉันเพิ่มขึ้น หาว่าฉันไม่มีมารยาทบ้างล่ะ กร่างบ้างล่ะ แต่โดยรวมแล้วก็มีแต่พวกเก่งแต่ปากเท่านั่นแหละที่เป็นแอนตี้ ซึ่งฉันก็ขี้เกียจสนใจ “เอ้าตอบมาเร็วดิวะ สรุปยังไงกูเห็นพวกมึงสนิทกันขนาดนี้เป็นแค่เพื่อนหรือว่า...” “หยุดความคิดสกปรกของมึงไปเลยไอ้พี่โจ๊ก ผมกับไอรินเป็นแค่เพื่อนกัน” ไอ้เต้เริ่มโมโหแล้ว มันไม่ชอบให้ใครมาคิดเรื่องต่ำตมกับมัน โดยเฉพาะทำให้ความสัมพันธ์อันแสนบริสุทธิ์ของเราต้องแปดเปื้อนให้พวกนั้นเอาไปคิดเรื่องอย่างว่า และเมื่อกี้สายตาไอ้พี่โจ๊กที่มองมาก็ทำให้ลอตเต้มั่นใจว่ามันมีแต่เรื่องใต้หว่างขาอยู่ในหัว “ใจเย็นดิวะ เดือดไปได้กูขอโทษละกัน” “เออผมรับคำขอโทษ แต่ทีหลังก็ระวังหน่อยถึงยังไงไอรินมันก็เป็นผู้หญิง” ฉันมองหน้าลอตเต้ด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อนฉันมันจ๊าบว่ะ เดี๋ยวนี้รู้จักปกป้องกันแล้วด้วย “เลิศมากเพื่อนรัก สมมงเพื่อนสนิทฉัน” “แน่นอน คนที่ด่าและหาเรื่องแกได้มีแค่ฉันก็พอ” เหมือนจะรู้สึกดีที่ถูกปกป้องนะ แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้นแหละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม