ได้โอกาสชวนขึ้นห้อง

1756 คำ
“อะ เอ่อ...” อยากจะบ้าตายพูดอะไรไม่ออกเลยฉัน “เธอไม่เป็นอะไรนะ” เป็นค่ะ ตอนนี้เป็นคนที่หน้าชามาก พี่หมอช่วยทำแกล้งไม่รู้จักแล้วปล่อยฉันไปให้พ้นๆ ได้ไหมคะ “คนรู้จักของพี่เหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าฉันสลับกับพี่หมอก่อนจะเอ่ยถามเขา “อืม เป็นคนรู้จักของน้องสาวน่ะ” ดูห่างเหินจัง แต่ช่างเถอะเขาพูดแบบนี้ก็แปลว่าจำฉันได้ ในสถานการณ์แบบนี้ฉันควรดีใจหรือเสียใจดีนะที่เขาจำได้ เฮ้ออ “เจตฝากบอกว่าเธอไม่สบายอยู่ ให้รีบพักผ่อนแล้วอย่าลืมกินยา” “ค่ะ” ทั้งสองคนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก็บอกลากัน ซึ่งไม่นานผู้หญิงที่ดูน่าจะเป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับฉันก็เดินจากไป “เธอไปนั่งทำอะไรตรงนั้นเหรอ” “คือหนู...” “เอ้ยที่พื้น..” พะ พื้น!!! ฉันได้ยินดังนั้นก็ไม่สนห่าเหวอะไรทั้งนั้นรีบกระโจนออกจากข้างถังขยะแล้งพุ่งเข้าไปกอดพี่หมอทันที นี่อย่าบอกนะว่ามีไอ้หนูยักษ์นั่นอีกแล้ว “นะ นะ หนูอีกแล้วใช่ไหม” อย่าหาว่ากระแดะเลยนะที่เห็นหนูแล้วกรี๊ด แต่ฉันไม่ถูกโฉลกกับเจ้านั่นจริงๆ ตอนเด็กฉันเคยถูกขังในห้องเก็บอุปกรณ์กีฬาในโรงเรียน ตอนนั้นในห้องอับชื้นมากแล้วก็มีแค่ฉันที่ติดอยู่ เดิมทีก็ไม่ได้คิดอะไรกะว่าอีกสักพักพวกเพื่อนๆ เรียนวิชากีฬาเสร็จก็คงมาเปิดประตูให้ แต่จู่ๆ ก็มีกองทัพหนูที่ไหนก็ไม่รู้บุกเข้ามา พวกมันอยู่ใกล้ฉันมากแล้วมีบางตัวพยายามจะปีนขึ้นมาบนร่างกายฉันด้วย นับแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็กลายเป็นพวกกลัวหนูไปโดยปริยาย “ใจเย็นๆ พี่แค่จะบอกว่าที่พื้นเธอทำโทรศัพท์ตกไว้” โทรศัพท์เหรอ ฉันรีบหันกลับไปดูก็เห็นโทรศัพท์ของตัวเองตั้งเขลงอยู่บนพื้น พอหันกลับมาอีกทีก็เห็นใบหน้าหล่อๆ ของพี่หมอจ้องหน้าฉันแล้ว แถมยังใกล้แค่นี้เอง... “ขะ ขอโทษค่ะ” พอดึงสติกลับมาได้ฉันก็รีบปล่อยมือและถอยห่างออกมา พี่หมอปัดรอยยับที่เสื้อเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ฮู้ว โล่งอกไป “เธอพักอยู่ที่นี่เหรอ” เขาว่าพลางทอดสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งสภาพฉันตอนนี้เรียกว่าชิลเกินไปจะได้ไหมนะ ทั้งเสื้อตัวใหญ่ที่แอบขาดเป็นรูอยู่ที่แขน ผมเผ้ารุงรังไม่เป็นทรงตามฉบับนักบิดรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ชอบใช้หวี แล้วยังมีอีคีบแตะสีเหลืองอ๋อยคู่นี้อีก ทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วยนะ “ไอริน” “ขะ คะ?” เอ๊ะเดี๋ยวนะ! “เมื่อกี้พี่เรียกชื่อหนูเหรอ” “อื้ม เห็นสีน้ำบอกว่าเธอชื่อไอรินใช่ไหม” ดีใจจังที่เขาจำชื่อฉันได้ “ค่ะ แล้วเมื่อกี้พี่หมอถามว่าอะไรนะคะ” “พักอยู่ที่นี่เหรอ” “ค่ะ แล้วพี่หมอล่ะมาทำอะไรหรือว่ามาส่งแฟน” นี่แหละเขาว่าถ้าอยากรู้ก็ให้ถามออกไปเลย ไม่ต้องมานั่งอมพะนำแล้วคิดเองเออเองอยู่ “ไม่ใช่แฟนพี่ แฟนเพื่อนน่ะพอดีมันติดผ่าตัดด่วนแล้วสัญญาว่าจะไปรับแฟนที่มหาลัย มันไม่อยากให้แฟนรอเก้อก็เลยให้พี่ไปรับแทน” “อ๋อแบบนี้นี่เอง แต่พี่หมอก็เป็นคนดีจังนะคะ” ถ้าเป็นฉันไม่ไปรับให้หรอก มีปัญญานัดแต่ไม่มีปัญญารับผิดชอบคำพูด ถึงเหตุผลจะฟังขึ้นแต่ก็ต้องหาวิธีแก้ไขเองสิไม่ใช่เดือดร้อนคนอื่น จะมองว่าฉันใจแคบก็ได้นะ แต่นี่แหละคือ ไอริน “พอดีผ่านทางนั้นพอดีก็เลยแวะรับให้ ถ้าพี่ไปทางอื่นก็คงไม่ได้ใจดีแบบนี้หรอก” พอจบประโยคบรรยากาศระหว่างเราสองคนก็เงียบลง ฉันกำลังคิดว่าจะยกเรื่องอะไรมาคุยกับเขาต่อดี อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว “ว่าแต่พี่หมอ...” “คุณระวัง!!!” สิ้นเสียงตะโกนได้ไม่ถึงสามวินาที ร่างพี่หมอก็ถูกทำให้เปียกปอนไปทั้งตัวด้วยน้ำที่...เอ่อ เหมือนจะค่อนข้างสกปรกด้วย ที่ฉันมั่นใจเพราะมันยังมีคราบฝุ่นลอยติดมากับน้ำอยู่เลย ดูแล้วเหมือนกับน้ำที่กำลังใช้ทำความสะอาดห้องยังไงก็ไม่รู้ “เอ่อ ดะเดี๋ยวหนูช่วยค่ะ” อย่าว่าแต่เขาอึ้งเลย ฉันเองก็อึ้งเหมือนกัน ฉันรีบใช้มือช่วยหยิบหยากไย่บนหัวพี่หมอออกพร้อมกับใช้มือสะอาดของตัวเองช่วยเช็ดน้ำที่กรอบหน้าให้เขา “ผมขอโทษครับ!” เจ้าของห้องที่ราดน้ำลงมารีบวิ่งลงมารับผิดชอบ “ผมไม่ใช่คนดีที่จะบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่ห้องคุณไม่มีห้องน้ำหรือไงถึงได้สาดน้ำสกปรกลงมาที่พื้นแบบนี้” เวลาโกรธก็ดุใช้ได้เลยแฮะ “ขอโทษครับพอดีห้องน้ำผมไม่ว่างก็เลย...” “ทีหลังอย่าเอานิสัยมักง่ายแบบนี้ไปใช้ที่ไหนอีก เพราะถ้าคนที่โดนคุณสาดน้ำใส่เป็นอะไรขึ้นมาคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว” “ขอโทษจริงๆ ครับ” ถ้าฉันเป็นผู้ชายที่โดนตำหนิคนนี้ก็คงไม่กล้าเงยหน้าสบตาพี่หมอแล้ว ทั้งแววตาและน้ำเสียงน่ากลัวชะมัด แต่เขาก็สมควรโดนด่าแหละ “พี่หมอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องหนูก่อนไหม กลับไปสภาพนี้รถพี่จะเลอะเอานะ” พี่หมอดูลังเลฉันจึงชวนอีกครั้งไม่ปล่อยให้เขามีจังหวะคิดปฏิเสธ “ไปเถอะค่ะ น้ำมันสกปรกไม่ควรอยู่บนร่างกายนานๆ นะ” “อืม งั้นพี่ขอรบกวนหน่อยนะ” เยส! พี่หมอเดินตามฉันขึ้นมาบนห้อง ระหว่างทางเราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรมากมายแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัด ซึ่งทันทีที่เข้ามาถึงฉันก็รีบไปหยิบผ้าขนหนูและชุดคลุมอาบน้ำให้เขา ขณะที่รออาบน้ำฉันก็มารื้อตู้เสื้อผ้าหาชุดของลอตเต้ที่คิดว่าพี่หมอน่าจะใส่ได้ออกมา โชคดีนะที่มันเอามาทิ้งไว้หลายชุด และขนาดตัวของลอตเต้กับพี่หมอก็ไม่ได้ต่างกันมาก แค่พี่หมออาจจะดูล่ำกว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา งั้นเอาชุดนี้ก็แล้วกัน ฉันหยิบเสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนเสือกำลังนั่งอ่านหนังสือกับกางเกงช้างขายาวมาเตรียมไว้ให้ โดยไม่ลืมของสำคัญอย่างชั้นในซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะใส่ด้วยกันได้ไหม แต่ฉันคิดว่าได้แหละ ก็อกๆ ก็อกๆ หลังจากเตรียมเสื้อผ้าเสร็จฉันก็เดินมาเคาะประตูห้องน้ำไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกมา ฉันยื่นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ให้เขา ซึ่งพี่หมอก็รับไปก่อนจะปิดประตู “เอ่อ มีชั้นในด้วยเหรอ” เสียงที่ดูเหมือนตกใจดังมาจากในห้องน้ำ “ค่ะ แต่มันยังไม่เคยใช้นะพี่หมอเอาไปใส่ได้เลย” “ขอบใจนะ” นี่เขาคงไม่ได้คิดว่าฉันมีแฟนแล้วเอาเสื้อผ้าแฟนให้เขาใส่หรอกนะ แต่ก็น่าคิดอยู่หรอกห้องหญิงโสดที่ไหนจะมีเสื้อผ้าผู้ชายครบครันแม้กระทั่งกางเกงชั้นในที่ยังไม่ได้ใช้บ้างล่ะ เมื่อกี้ก่อนจะลงไปซักผ้าฉันกะว่าถ้าขึ้นมาแล้วจะทำความสะอาดห้อง แต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนแล้วตอนนี้สภาพห้องฉันก็ค่อนข้างรกเสียยิ่งกว่ารังหนูซะอีก ดูสิทั้งผ้าที่ใช้แล้วซึ่งยังเอาลงไปซักไม่หมด ไหนจะซองขนมที่กินเหลือไว้อีก ฉันรีบใช้เวลาที่พี่หมอยังไม่ออกมาจากห้องน้ำเก็บทำความสะอาดห้องนั่งเล่นเท่าที่จะทำได้ ส่วนห้องนอนจะรกไปก่อนก็ช่างมันแหละยังไงเขาก็ไม่ได้เข้าไปอยู่แล้ว “ไม่ต้องรีบเก็บขนาดนั้นก็ได้ พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ออกมาตั้งแต่ตอนไหนน่ะ ฉันกำลังก้มเก็บซองขนมที่อยู่บนโต๊ะก็รีบหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งจู่ๆก็โผล่มาอยู่ด้านหลังเงียบๆ ทำเอาตกใจหมด แต่ทันทีที่เห็นหน้าเขาฉันก็นิ่งอึ้งไปเลย.. เอาผมลงแล้วน่ารักจัง... ปกติเวลาเอาผมขึ้นเซตทรงเขาจะดูภูมิฐานและสง่า แต่ทว่าตอนนี้กลับดูเด็กและน่ารักขึ้นมาเยอะเลย สำคัญคือการใส่เสื้อผ้าที่ฉันเตรียมให้ทำให้เขาดูไม่เหมือนคุณหมอเลยสักนิด ราวกับเด็กยี่สิบต้นๆ ที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เฟรชชี่บางคนยังดูเด็กไม่เท่าเขาเลยด้วยซ้ำ “ยิ้มอะไร” “ปะ เปล่าค่ะแค่รู้สึกว่าพอพี่หมอแต่งตัวแบบนี้ก็เหมือนเด็กดีนะคะ” “มันแปลกมากเหรอ” “แปลกค่ะเพราะหนูไม่เคยเห็นพี่ใส่แบบนี้ แต่ว่าพอเอาเข้าจริงก็น่ารักมากเลยค่ะ” “น่ารัก” ทำหน้าประหลาดใจราวกับไม่เคยถูกใครชมว่าน่ารักอย่างนั้นแหละ “ค่ะ น่ารักมากๆ” ฉันเอ่ยชมพร้อมโปรยรอยยิ้มหวาน เห็นหน้าเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ “ขอบคุณมากนะที่ให้พี่ยืมเสื้อผ้า” พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันควรอธิบายสักหน่อย “พี่หมอคะ เสื้อผ้าแล้วก็ชุดชั้นในเป็นของเพื่อนสนิทหนูนะคะไม่ใช่แฟน พอดีมันชอบเอามาทิ้งไว้บ่อยๆ เวลาขี้เกียจกลับคอนโด ห้องหนูก็เลยมีเสื้อผ้ามันติดไว้ แต่หนูโสดนะคะยังไม่มีแฟน” ฉันย้ำประโยคสุดท้ายให้เสียงดังฟังชัดกลัวเขาไม่ได้ยิน “...” วืดด อย่าเงียบสิคะ... ฉันยังยิ้มค้างรอดูว่าเขาจะพูดอะไรต่อ แต่เขาดูเหมือนจะยังงงๆ กับคำพูดฉันนะ “เอ่อครับ” ฮะ แค่นี้เนี่ยนะ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม