สองสาวนั่งรถแท็กซี่มาจนถึงห้างหรูใจกลางเมืองกรุงที่มีวัยรุ่นและนักศึกษามากมายต่างแวะมาเดินเล่นกันหลังเลิกเรียนอย่างคับคั่ง พวกเธอตรงไปยังโซนร้านอาหารที่มีร้านอาหารหรูหลายร้าน ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลี ชาบูปิ้งย่างเยอะแยะเต็มไปหมด
พราวมุกและนินิวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านปิ้งย่างอาหารญี่ปุ่นและพวกเธอก็เข้าไปในร้านทันที
ด้านมาร์วิน
ร่างกำยำสวมชุดสูทสีดำสนิทกำลังลงพื้นที่มาดูร้านที่เหมาะกับการเปิดร้านเครื่องเพชรให้กับเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีชายอีกคนและเลขาของเขาเดินอยู่ข้างๆ กันและมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่เดินตามหลังพวกเขามากันอีกหลายคน
เหล่าบรรดาพนักงานภายในห้างก็พากันยืนเกร็งเพราะเจ้าของห้างสรรพสินค้าลงพื้นที่มาด้วยตัวเองแบบนี้ หญิงสาวที่มาเดินเล่นก็พากันมองจับจ้องมาที่มาร์วินพร้อมกับสายตายั่วยวน
“มึงสนใจตรงไหน” มาร์วินเอ่ยถามเสียงราบเรียบ
หากมันไม่ใช่เพื่อนเขา เขาก็คงไม่เสียเวลามาด้วยตัวเองแบบนี้หรอกเพราะเรื่องแค่นี้เขาให้ลูกน้องจัดการเองก็ได้ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เพื่อนที่เขาสนิทเหมือนสี่สหายในกลุ่มแต่เป็นเพื่อนที่ทำธุรกิจร่วมกันมากกว่า
“กูสนใจอยู่สองที่ ตรงนั้นกับตรงนี้” จัสติน เพื่อนของมาร์วินชี้ไปตรงร้านที่ตัวเองต้องการ
“เดี๋ยวกูขอกลับไปคิดก่อนแล้วเดี๋ยวให้เลขากูติดต่อไป” จัสตินหนุ่มหน้าฝรั่งเอ่ยต่อ
“ได้” มาร์วินตอบสั้นๆ
“งั้นเรื่องงานก็จบแค่นี้นะ”
“อือ”
“แต่กูมีเรื่องสนุกๆ จะมาบอก”
“อะไรวะ” มาร์วินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“จริงๆ ที่นัดมึงออกมาวันนี้ก็เพื่อจะชวนไปบ้านกู อีกสองวันกูจะจัดปาร์ตี้ส่วนตัวที่คฤหาสน์..มึงมาให้ได้นะ กูจัดตัวเด็ดๆ ให้มึงไว้หลายคนเลย” จัสตินเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจเพื่อน
“เออ เดี๋ยวกูไป”
“โอเคเพื่อน”
“กลับกันเถอะ กูมีธุระต่อ” มาร์วินสองมือล้วงกระเป๋าเอ่ย
“เออกลับๆ”
จากนั้นพวกเขาก็เดินตรงไปยังลานจอดรถของชั้นนี้อย่างช้าๆ จัสตินมองไปเห็นหญิงสาวหน้าหวานน่ารัก เขาจึงจ้องมองไปที่เธอและเขาก็เหมือนต้องมนตร์สะกดไปชั่วขณะทันที
“มึง” จัสตินเอ่ยขึ้นพร้อมกับสะกิดเพื่อนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อะไร”
“นั่นมันน้องสาวมึงไม่ใช่เหรอวะ กูเห็นมึงพาไปออกงานด้วยบ่อยๆ”
สิ้นเสียงของจัสติน มาร์วินจึงมองไปตรงที่เพื่อนของเขาชี้ให้ดู เขาพบกับร่างเล็กที่คุ้นเคยกำลังเดินเล่นกับผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“ก็แค่น้องบุญธรรม” มาร์วินมักจะตอบเช่นนี้เสมอเวลาที่มีคนเอ่ยถามถึงเด็กสาวที่เขาหรือครอบครัวพาไปออกงานสังคมด้วยบ่อยๆ
“สวยดีนะ เป็นแค่น้องบุญธรรมก็แสดงว่ามึงไม่หวงน้องใช่ไหมวะ งั้นกูก็จีบได้สินะ”
“แล้วแต่มึง แต่กูบอกไว้ก่อนเลยว่าพ่อแม่กูหวงยัยเด็กนั่นมากเลยนะ”
“งั้นเหรอ..งั้นกูก็ต้องเข้าทางผู้ใหญ่แล้วไหมวะ”
จัสตินเอ่ยอย่างใช้ความคิด เขารู้สึกถูกใจเธอจริงๆ ปกติเคยเห็นเธอผ่านๆ ในรูปครอบครัวของตระกูลวอล์กเกอร์ แต่วันนี้พอได้มาเห็นตัวจริงเขากลับรู้สึกว่าเธอทั้งสวยน่ารักทั้งน่าค้นหามากจริงๆ
มาร์วินไม่ได้ตอบกลับอะไรออกไป เขาเบี่ยงหน้าหนีและตั้งท่าจะเดินหนีไปทางอื่นแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มาร์วินล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋าเสื้อสูทออกมา
MOM
หน้าจอโทรศัพท์โชว์ชื่อที่โทรเข้ามา มาร์วินจึงกดรับสายทันที
“ว่าไงครับแม่”
‘อยู่ไหน เมื่อไหร่จะกลับบ้าน’
“อยู่ที่ห้างครับ”
‘พราวมุกก็ไปห้าง พาน้องกลับมาด้วย’
“ครับ”
‘แล้วลูกก็รีบกลับมาด้วยนะ’
“ครับ”
มาร์วินกดวางสายทันทีที่พูดคุยกับมารดาเสร็จ ชายหนุ่มถอนหายใจออกเล็กน้อยก่อนจะก้าวตรงไปยังร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! เดี๋ยวสิวะไอ้วิน ไอ้ห่า! จะเดินไปไหนก็ไม่บอก” จัสตินร้องตะโกนใส่เพื่อนและรีบก้าวเดินตามเขามาติดๆ
มาร์วินไม่พูดไม่จาอะไรเดินตรงมาหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว เขาสังเกตเห็นว่าเสื้อที่เธอใส่มันไม่ใช่เสื้อของเธอและมันก็ไซส์ใหญ่เกินมาตรฐานของผู้หญิงเพราะมันคลุมไปจนแทบจะมองไม่เห็นกระโปรงสั้นๆ ของเธอแล้ว
“กลับบ้าน”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึงร่างแบบบางของพราวมุกกับเพื่อนสาว พราวมุกผงะไปเล็กน้อย
“พี่มาร์วิน..” พราวมุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“สวัสดีค่ะ” นินิวยกมือขึ้นไหว้พี่ชายของเพื่อนรักอย่างนอบน้อม
ชายหนุ่มพยักหน้าให้นินิวหนึ่งครั้งก่อนจะตวัดสายตาไปมองร่างเล็กของพราวมุกอีกครั้ง
“จะกลับได้หรือยัง ฉันรีบ”
“เอ่ออ..” พราวมุกรู้สึกประหม่าทุกครั้งเวลาที่อยู่ใกล้หรือได้คุยกับมาร์วิน
“แม่ให้พาเธอกลับไปด้วย จะกลับได้ยัง ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“คะ..ค่ะ”
จากนั้นจัสตินที่เดินตามมาก็มาถึงพวกเขาพอดี จัสตินยิ้มกว้างให้พราวมุกทันทีเมื่อได้เจอหน้ากันใกล้ๆ
“สวัสดีครับ” จัสตินเอ่ยขึ้น
“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ” สองสาวยกมือไหว้ชายหนุ่มที่เดิมตามมาทีหลังแบบไทยๆ
“พี่ชื่อจัสตินนะ เป็นเพื่อนไอ้มาร์วิน”
“หนูชื่อพราวมุกค่ะ ส่วนนี้เพื่อนหนูชื่อนินิว” เสียงหวานนุ่มไพเราะตอบกลับเพื่อนพี่ชาย
“น้องพราวมุกตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“จะกลับได้ยัง” มาร์วินเอ่ยขึ้นมาขัดจังหวะพวกเขาเอาไว้เสียก่อน เขาไม่จำเป็นต้องมายืนดูคนจีบกันแบบนี้
“ค่ะ กลับค่ะ” พราวมุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“นินิว” หญิงสาวเรียกชื่อเพื่อนเบาๆ วันนี้พวกเธอก็คงไม่มีดูหนังกันอีกแล้วสินะ
“กลับเถอะ เดี๋ยวฉันโทรให้คนขับรถมารับฉันแล้วเหมือนกันแหละ” นินิวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแกว่งเล่นให้พราวมุกดู
“งั้นกลับดีๆ นะ เจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ” พราวมุกส่งยิ้มอบอุ่นไปให้เพื่อนรัก
“บ๊ายบายย”
“กูกลับละ ไว้เจอกันใหม่” มาร์วินหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มหน้าฝรั่ง
“เออ ไว้เจอกันที่ปาร์ตี้นะ กลับกันดีๆ นะครับน้องพราวมุก” จัสตินยกมือขึ้นมาโบกมือล่ำลาพราวมุก
“สวัสดีค่ะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว มาร์วินก้าวเดินหน้าตานิ่งเรียบไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ส่วนพราวมุกก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังชายหนุ่มมาเพราะคนตัวใหญ่เอาแต่จ้ำอ้าวเดินไม่รอเธอเลย
ชายหนุ่มตรงมายังลานจอดรถของชั้นนี้เรื่อยๆ จนมาถึงรถหรูคันสีดำเงาสนิท บอดี้การ์ดตัวใหญ่ที่ยืนประจำอยู่ที่รถหรูเมื่อเห็นเจ้านายเดินตรงมา เขาก็รีบเอื้อมมือไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มทันที
มาร์วินขึ้นรถมานั่งที่เบาะหลังของรถคันสีดำเงา จากนั้นพราวมุกก็รีบตามขึ้นรถมาอย่างรวดเร็ว
ภายในรถเงียบกริบไร้คำพูดใดๆ ออกมาจากทั้งสองคน มาร์วินชอบโมโหและหงุดหงิดใส่พราวมุกมาตั้งแต่วันแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลวอล์กเกอร์ มันทำให้พราวมุกกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะพูดคุยอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียวถ้าหากเขาไม่มาพูดกับเธอก่อน
“เธอไปฟ้องพ่อแม่ใช่ไหมว่าฉันไม่กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้ว” เสียงทุ้มทรงพลังเอ่ยถามโดยที่ใบหน้าหล่อเหลาหันออกไปมองตึกสูงใหญ่ด้านนอกรถผ่านกระจกที่กั้นอยู่
“มะ..มุกไม่ได้ฟ้องนะคะ” พราวมุกหันขวับมามองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แน่ใจ”
“แน่ใจค่ะ มุกพูดไปพี่มาร์วินก็ไม่เชื่ออยู่ดีค่ะ” เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องอะไรมาร์วินก็จะโทษเธอก่อนเสมอ
“เดี๋ยวนี้กล้าเถียงแล้วเหรอพราวมุก” มาร์วินหันมาสบสายตากับร่างบาง นัยน์ตาคมกริบดุดันและน่ากลัวนั่นทำให้พราวมุกถึงกับต้องก้มหน้าทันที
“เปล่าค่ะ มุกไม่ได้เถียงนะคะ มุกแค่พูดให้ฟังก็แค่นั่นเองค่ะ”
“หึ”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเบาๆ กับท่าทีของหญิงสาว ไม่รู้จะกลัวอะไรเขาหนักหนา มาร์วินมองเสื้อใหญ่โครงสีดำนั่นด้วยแววตาที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปต่อและที่สำคัญเขาได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจากเสื้อคลุมตัวนั้นด้วย
มาร์วินเอนกายพิงเบาะหนังด้วยท่าทางสบายๆ และหันกลับไปมองสองข้างทางเหมือนเดิม