เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง รถคันหรูสีดำเงาก็เข้ามาจอดสนิทตรงลานจอดรถของคฤหาสน์ตระกูลวอล์กเกอร์ที่มีรถหรูจอดเรียงรายอยู่หลายคัน ทั้งรถสปอร์ตสำหรับสองคน ทั้งรถตู้สำหรับไปไหนมาไหนกันหลายๆ คนและรถสำหรับสี่ที่นั่งแบบที่พวกเขากำลังนั่งอยู่ตอนนี้อีกหลายคัน
มาร์วินและพราวมุกเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกัน โดยที่หญิงสาวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดอะไรจนพวกเขาเดินเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
“กลับมาได้แล้วเหรอลูกชายตัวดี” ดารินทร์เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นลูกชายเดินเข้ามาในห้อง
“ผมกลับมาแล้ว” เสียงทุ้มของมาร์วินตอบกลับอย่างราบเรียบ
“อ้าว แล้วนั่นเสื้อใครล่ะมุก ใส่เสื้อใครกลับมาละลูก” ดารินทร์หันไปมองพราวมุก
“อ๋อ พอดีเกิดเรื่องที่มหาลัยนิดหน่อยค่ะแม่ รุ่นพี่เลยให้ยืมเสื้อคลุมมาใส่ไว้ก่อน”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะลูก” ดารินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย แต่เหมือนจะไม่ได้มีแค่ดารินทร์ที่อยากรู้ เพราะทั้งมาร์คอสและมาร์วินก็ยืนรอฟังคำตอบของหญิงสาวเหมือนกัน
“มีคนมาเล่นบอลที่หน้าคณะค่ะ แล้วก็เตะมาทางมุกแต่มีพี่คนหนึ่งมายืนขวางไว้บอลเลยไม่โดนมุกค่ะ มุกถือน้ำปั่นอยู่น้ำมันเลยหกใส่เสื้อนักศึกษาค่ะ”
พราวมุกตอบคำถามของมารดาพร้อมกับหยิบเสื้อสีขาวในถุงที่เธอขอจากร้านอาหารขึ้นมาให้พวกท่านดู
“แล้วหนูเจ็บตรงไหมไหน”
“ไม่เลยค่ะ”
“ดีแล้วลูก” ดารินทร์ลูบไหล่แบบบางของพราวมุก
“ส่วนลูกตามแม่กับพ่อเข้าไปคุยกันในห้องทำงานหน่อย” ดารินทร์ไม่อยากดุด่าลูกต่อหน้าคนอื่นให้ลูกชายรู้สึกอับอาย
พูดจบดารินทร์ก็รั้งสามีให้เดินไปยังห้องทำงานภายในคฤหาสน์ทันที มาร์วินไม่ได้เดินตามเข้าไปแต่เขาเอ่ยขึ้นอย่างกระแทกกระทั้นกับร่างบางที่ยืนถือเสื้อขาวอยู่
“ไม่ใช่ว่าเธอโดดเรียนไปกับผู้ชายมาจนเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ก็เลยจัดฉากเอาน้ำแดงมาราดเสื้อตัวเองหรอกนะ”
“ห๊ะ! มุกจะทำแบบนั้นไปทำไมคะ”
พราวมุกอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ชอบเธอ แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้กับเธอ
มาร์วินมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของบิดาทันที ส่วนคนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหนู” จันทรัศม์เข้ามาในห้องโถงเห็นพราวมุกกำลังยืนถือเสื้ออยู่กลางห้อง สาวแก่จึงรีบตรงไปหาพราวมุกพร้อมกับเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ป้าจันทร์…เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ”
“น่าจะซักไม่ออกนะคะคุณหนู เอามาค่ะเดี๋ยวป้าลองไปซักมือดูให้ก่อนนะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” พราวมุกจึงยื่นเสื้อนักศึกษาสีขาวไปให้จันทรัศม์
ในห้องทำงานของคฤหาสน์
ร่างสูงใหญ่ของมาร์คอสนั่งอยู่ตรงโซฟาโดยมีดารินทร์นั่งอยู่ข้างๆ มาร์วินเดินเข้ามาในห้องทำงานและย่อตัวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามของบิดาและมารดา
“มีอะไรครับแม่”
“ทำไมลูกถึงไม่กลับบ้านเลย” ดารินทร์เอ่ยถามทันทีที่มาร์วินนั่งลงบนโซฟา
“ผมทำงาน”
“ไม่ใช่ว่ามัวแต่มั่วกับพวกสาวๆ ในฮาเร็มของลูกอยู่หรือไง”
“แม่…นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายไหม”
“ลูกไปยุ่งแต่กับผู้หญิงแบบนั้นแล้วเมื่อไหร่ลูกจะมีเมียมีครอบครัวสักทีละ แม่กับพ่ออยากอุ้มหลานจะแย่แล้วนะ”
“ผมยังไม่อยากมีเมีย”
“มาร์วินแกฟังพ่อนะ แกอายุเลขสามแล้วแกต้องหาเมียได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่ความสนุกไปวันๆ แบบนี้” มาร์คอสที่นั่งฟังมาสักพักแล้วเอ่ยขึ้นเสียงหนักแน่น เขารู้ว่าลูกชายของตัวเองดื้อรั้นและเอาแต่ใจแค่ไหน
“พ่อก็เอากับแม่ด้วยเหรอเนี่ย” มาร์วินตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
“เอาเถอะๆ พ่อไม่ได้จะบังคับเรื่องนี้กับแกหรอก แต่พ่ออยากให้แกกลับบ้านบ้าง น้องเป็นผู้หญิงคนเดียวแกควรจะอยู่เป็นเพื่อนน้องบ้าง”
“แต่พราวมุกโตแล้วนะพ่อ อีกอย่างบอดี้การ์ดก็เต็มรอบบ้านขนาดนี้ยังจะกลัวอะไรกันอีก”
“บอดี้การ์ดกับคนในครอบครัวไม่เหมือนกันวิน แกหัดสงสารน้องบ้างสิ แกก็รู้ดีนิว่าน้องต้องเจออะไรมาบ้าง”
“ก็ผมทำงาน”
“ต่อไปนี้ไม่ว่าแกจะทำงานดึกดื่นแค่ไหน แกก็ต้องกลับมานอนที่บ้านห้ามไปนอนที่เพนท์เฮาส์”
“ครับ”
มาร์วินตอบกลับบิดาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ที่จริงแล้วเขาจะไม่ทำตามที่พวกท่านต้องการก็ได้ แต่เขาแค่เบื่อไม่อยากจะมาต่อความยาวสาวความยืดให้มันมากความก็เท่านั้น
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
“เช้าก็มากินข้าวให้พร้อมหน้าพร้อมตากันด้วยนะลูก” ดารินทร์เอ่ย
“ครับ”
พูดจบมาร์วินก็ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินออกไปจากห้องทำงานของบิดาทันที
“เมื่อไหร่ตาวินจะเปิดใจยอมรับพราวมุกเป็นน้องสาวบ้างนะ” ดารินทร์หันไปมองหน้าสามี
“ผมก็เข้าใจลูกนะคุณ จากที่เคยเป็นลูกคนเดียวมาตลอด แต่อยู่ดีๆ ก็ต้องมามีน้องสาวแบบไม่ทันตั้งตัว แกก็คงรู้สึกไม่โอเคเหมือนกันแหละ” มาร์คอสตอบกลับภรรยาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ
“แต่มันก็ผ่านมาเกือบสิบห้าปีแล้วนะคะ แกก็ไม่น่าจะยึดติดขนาดนี้”
“สักวันความดีของพราวมุกก็จะทำให้มาร์วินยอมรับในตัวของเธอเองแหละคุณ”
มาร์วินเดินกลับมาที่คฤหาสน์ส่วนตัวของตัวเองอย่างรวดเร็ว วันนี้เขารู้สึกอารมณ์ไม่ดีมาทั้งวัน อยากจะระบายอารมณ์แต่ก็โดนสั่งห้ามไม่ให้ไปนอนเพนท์เฮาส์อีก แต่จะให้เรียกเด็กมาที่คฤหาสน์ก็กลัวว่าแม่ของเขาจะรู้แล้วอาละวาดบ้านพังอีกเป็นแน่
ร่างกำยำเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์ที่ไม่มีคนใช้ยืนตามจุดต่างๆ เหมือนดั่งเช่นคฤหาสน์ใหญ่ของบิดามารดา เพราะเขาไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในบ้านของเขา นอกจากบอดี้การ์ดคนสนิทเพียงเท่านั้น
“โจฮัน ตามกูเข้าไปในห้องทำงานหน่อย” มาร์วินเอ่ยเรียกมือขวาของเขาให้เข้าไปที่ห้องทำงาน
“ครับนาย” โจฮัน มือขวาหน้าฝรั่งเอ่ยพร้อมกับก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งที
หลังจากนั้นมาร์วินก็เดินตรงไปยังห้องทำงานอย่างรวดเร็ว โจฮันเดินตามหลังเจ้านายมาติดๆ
ภายในคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วินถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นทันสมัยคุมโทนสีขาวเทาดำ ถึงจะเป็นคฤหาสน์รองแต่ก็มีความใหญ่โตพอๆกับคฤหาสน์หลักเลยทีเดียว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปดูพื้นที่ตรงนี้มาหน่อยว่าเหมาะกับการจะเปิดห้างใหม่ไหม”
“ครับนาย”
“แล้วพรุ่งนี้ช่วงเย็น นัดนางแบบที่ชื่อเจนนี่ให้มารอกูที่เพนท์เฮาส์ด้วย”
“ไม่เอาคนที่ชื่ออุษาแล้วเหรอครับนาย”
“ไม่ล่ะ กูรู้สึกว่าเธอเริ่มจะขออะไรมากเกินไปละ กูรำคาญ”
มาร์วินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่ชอบผู้หญิงที่เรื่องมากและพยายามจะทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ชายหนุ่มเรียกผู้หญิงพวกนั้นก็เพื่อจะระบายความใคร่ของตัวเองเท่านั้น พอเสร็จแล้วเขาก็จ่ายเงินให้อย่างงาม แต่ถ้าผู้หญิงคนไหนที่เริ่มทำตัวนอกเหนือจากเรื่องบนเตียงเขาจะเลิกเรียกใช้งานเธอทันที