วันรุ่งขึ้น
ดารินทร์ มาร์คอสและพราวมุกนั่งประจำที่บนโต๊ะอาหารช่วงเช้าของวัน เช้านี้ป้าจันทร์เตรียมอาหารเช้าเป็นขนมปังปิ้ง ออมเล็ต เบคอนกับน้ำส้มคันไว้สี่ที่ แต่ก็เป็นอีกวันที่มาร์วินไม่ตื่นมาทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคน
“ไปตามมาร์วินมาทานอาหารเช้าหน่อย” เสียงของมาดามบอกกับเหล่าคนใช้ที่ยืนเรียงรายอยู่ ทำให้สาวใช้คนหนึ่งก้มหัวให้มาดามหนึ่งครั้งก่อนจะตั้งท่าเตรียมเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน มุก..ไปตามพี่เขามาทานอาหารเช้าให้พ่อหน่อยได้ไหมลูก” มาร์คอสเอ่ยขึ้นมา
เพราะเรื่องเมื่อวานจึงทำให้เขาครุ่นคิดหาวิธีที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องดีขึ้นกว่านี้ เขาอยากให้มาร์วินรักและเอ็นดูพราวมุกเหมือนน้องแท้ๆ สักที
“เอ่ออ..ได้ค่ะคุณพ่อ”
พราวมุกในชุดนักศึกษาตอบกลับน้ำเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้และเดินตรงไปยังคฤหาสน์ส่วนตัวของมาร์วินอย่างรวดเร็ว
“มาทำอะไรครับคุณหนู” บอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูบ้านเอ่ยถาม
“คุณพ่อให้มาตามพี่มาร์วินไปทานอาหารเช้าค่ะ คุณขึ้นไปตามเขาให้หน่อยได้ไหมคะ” พราวมุกตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“คุณหนูไปตามเองดีกว่านะครับ ผมขึ้นไปน่าจะโดนไล่ตะเพิดออกมาแน่ๆ” เขาก็ไม่กล้าที่จะไปปลุกเจ้านายของเขาเหมือนกันเพราะนอกจากโจฮันแล้วก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในคฤหาสน์ถ้าเจ้านายไม่ได้เรียกใช้เลยสักคน แล้วโจฮันก็เพิ่งจะพาคนออกไปดูพื้นที่เมื่อสักพักนี่เอง
“งะ..งั้นก็ได้ค่ะ”
ชายชุดดำเปิดประตูให้หญิงสาว พราวมุกก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของมาร์วินอย่างกล้าๆ กลัวๆ การตกแต่งภายในที่ดูมืดหม่นมันบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของผู้อยู่อาศัยจริงๆ
“ขึ้นไปชั้นสองห้องที่สองขวามือนะครับ”
พราวมุกพยักหน้าให้บอดี้การ์ดเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้ามาเรื่อยๆ และเดินขึ้นไปยังชั้นสอง เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในบ้านของพี่ชายบุญธรรมหน้านิ่งเลย
ร่างแบบบางเดินมาจนถึงหน้าห้องที่บอดี้การ์ดคนนั้นบอกเอาไว้ เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่จากนั้นมือบางก็ยกขึ้นมาเคาะประตูห้องเสียงดัง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่มาร์วินคะ คุณพ่อให้มาตามไปทานอาหารเช้าค่ะ พี่มาร์วิน” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่ม แต่ทว่าก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาเลย พราวมุกจึงเคาะประตูห้องและตะโกนเรียกอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่มาร์วินคะ อยู่ไหมคะ”
เอาไงดีละเนี่ย
พราวมุกครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หากเธอกลับไปแล้วบอกว่าไม่รู้ว่าชายหนุ่มอยู่ที่ไหน มาร์วินก็คงจะโดนพ่อแม่ดุว่าอีกว่าไม่กลับบ้าน ฉะนั้นเธอก็ดูให้แน่ใจก่อนว่าชายหนุ่มอยู่หรือไม่อยู่จริงๆ
มือบางเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูห้องนอนของชายหนุ่ม เธอพบว่ามันไม่ได้ล็อก ร่างบางถือวิสาวะเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที
ดวงตากลมโตมองไปที่เตียงนอนสีดำสนิทกลางห้อง เธอเห็นร่างกำยำท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังนอนฟุบหน้าลงกับหมอนเผยให้เห็นแผ่นหลังกว้างขาวเนียนโผล่พ้นผ้าห่มผืนใหญ่ออกมา
“พี่มาร์วินคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” หญิงสาวทำเป็นใจดีสู้เสือ
“พี่มาร์วิน” พราวมุกเรียกชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับมือบางเอื้อมไปสะกิดไหล่กว้างของชายหนุ่ม
สัญชาตญาณของชายหนุ่มเมื่อโดนรบกวนการนอนหลับ เขาจึงพลิกตัวหันหน้ากลับมาพร้อมกับดึงรั้งร่างเล็กลงมานอนบนเตียงพร้อมกับกอดรัดร่างเล็กเอาไว้
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะพี่มาร์วิน” พราวมุกกรีดร้องเสียงดังเมื่อโดนกอดรัดอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอไม่เคยได้ใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้ กลิ่นหอมของร่างกำยำปะทะเข้ามาที่จมูกของหญิงสาว
“รำคาญ!!” มาร์วินตะโกนเสียงดังลั่นทั้งๆ ที่ดวงตาคมกริบยังคงหลับอยู่เหมือนเดิม
“พี่มาร์วินลืมตาขึ้นมาดูก่อนสิคะ นี่มุกเอง” พราวมุกยกมือขึ้นมาพยายามดันอกแกร่งเอาไว้ไม่ให้ใกล้ชิดเธอไปมากกว่านี้
มาร์วินไม่รอช้า เขาจับล็อกคอร่างแบบบางเอาไว้พร้อมกับประกบจูบลงริมฝีปากเรียวเล็กอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณและความช่ำชอง
“อื้ออออ”
พราวมุกเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ อยู่ดีๆ เธอก็หูอื้อตาลายขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ เธอไม่เคยโดนจูบเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา พราวมุกสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มของริมฝีปากหยักหนาและกลิ่นสาบของบุรุศเพศ
ลิ้นสากร้อนค่อยๆ ส่งเข้าไปในโพรงปากเล็กแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมเปิดปากให้เขาได้เข้าไปล่วงล้ำ ชายหนุ่มรู้สึกขัดใจจึงขบกัดริมฝีปากล่างของร่างบางเบาๆ
หวานจัง ชายหนุ่มรู้สึกถึงความหอมหวานแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
“อ๊ะ! อื้ออออ”
พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่อโดนจู่โจมอย่างหนัก ลิ้นร้อนส่งเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นเรียวเล็กตวัดไปมาอย่างเอาแต่ใจ เขาตักตวงช่วงชิงความหวานของลิ้นเล็กจนหญิงสาวรู้สึกวูบวาบที่ท้องน้อย ใจดวงน้อยเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมาจากอก มือบางดันและทุบอกแกร่งรัวๆ เพื่อให้ชายหนุ่มได้สติ
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวอย่างจาบจ้วง จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอกหน้าใหญ่ที่ใหญ่เกินตัวของเธอ ลิ้นสากร้อนยังคงไล่ต้อนลิ้นเล็กอยู่ในอุ้งปาก ชายหนุ่มบีบเคล้นอกอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวดีดดิ้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดจึงผละออกจากริมฝีปากเล็ก ก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นมามองหญิงสาวตรงหน้า
“จะดิ้นทำไมหนักหนาวะ!!”
“พราวมุก..”
ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่ เขาทำแบบนี้ก็เพราะความเคยชินตอนที่มีสาวๆ มานอนด้วยที่เพนท์เฮาส์ พอมีร่างกายสาวนุ่มนิ่มอยู่ข้างๆ กายตอนเช้าแบบนี้เขาก็ต้องจับพวกเธอกดเพื่อรีดน้ำออกให้สบายตัว แต่เขากลับหลงลืมไปว่าที่นี่ไม่ใช่เพนท์เฮาส์ของเขา
หญิงสาวรีบดันอกแกร่งออกจากร่างของเธอทันที ร่างบางรีบลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงพร้อมกับก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
“เข้ามาทำไม” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ของมาร์วินเอ่ยถาม
“คุณพ่อให้มาตามไปกินข้าวค่ะ พี่รีบลงไปนะคะพวกท่านรออยู่”
พูดจบพราวมุกไม่รอให้ชายหนุ่มตอบกลับ เธอรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
มาร์วินยันกายลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับยกมือหนาขึ้นมาขยี้ผมแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ความหวานล้ำยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากหนาของเขา กลิ่นหอมของกายสาวยังคงตลบอบอวลอยู่ภายในห้องนอนกับที่นอนของชายหนุ่ม
ท่อนเอ็นใหญ่ขยายพองตัวจนปวดไปทั้งลำอยู่ใต้ผ้าห่มสีดำเทา แล้วแบบนี้เขาจะลุกไปได้ยังไงละเนี่ย
ชายหนุ่มนั่งสงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ เมื่อท่อนเอ็นใหญ่เริ่มสงบลงเขาก็ลุกขึ้นเดินโทงเทงไปหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำกับกางเกงขายาวสีเข้ากันในห้องแต่งตัวขึ้นมาสวมใส่อย่างลวกๆ มาร์วินเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำอยู่สักพัก
มาร์วินเดินตรงมายังคฤหาสน์หลักใหญ่ของบิดาและมารดา เขารีบก้าวยาวๆ ไปที่ห้องอาหารอย่างรวดเร็ว เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าพราวมุกจะมีอาการยังไง
“มาแล้วเหรอลูก” ดารินทร์เอ่ย
มาร์วินเดินมาหยุดอยู่โต๊ะอาหารตัวใหญ่พลางตวัดสายตามองร่างเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มหน้า
“รีบมานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันเร็วๆ สิลูก” มารดาเร่งชายหนุ่มอีกครั้ง
ชายหนุ่มร่างกำยำไม่ตอบกลับอะไร มือหนาเอื้อมไปดึงเก้าอี้ข้างๆ พราวมุกเลื่อนออกมาและนั่งลงไปอย่างช้าๆ
“ขอกาแฟดำ” มาร์วินหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ค่ะนายท่าน” สาวใช้รีบเดินไปชงกาแฟดำให้กับเจ้านายหน้านิ่งทันที
“มุก ไปเรียนกี่โมงเหรอลูก” มาดามของบ้านเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มนวล
“เก้าโมงค่ะแม่”
พราวมุกค่อยๆ หยิบมีดกับส้อมขึ้นมาหั่นเบคอนอย่างช้าๆ
“นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเอง” ดารินทร์มองไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่
“รอฉันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวออกไปพร้อมกัน” เสียงทุ้มทรงพลังของมาร์วินเอ่ยขึ้น
“คะ..ค่ะ”