หลังจากทุกคนทานอาหารเสร็จสรรพ มาร์วินก็เดินกลับไปที่คฤหาสน์เพื่ออาบน้ำชำระร่างกายทันที ส่วนพราวมุกก็ให้ป้าจันทร์ไปเอาเสื้อคลุมของรุ่นพี่เมื่อวานมาให้เธอและเดินไปยืนรอพี่ชายหน้านิ่งอยู่ตรงลานจอดรถ
ร่างกำยำสวมชุดสูทสีกรมเข้มเสื้อเชิ้ตด้านในสีดำกำลังย่างกรายมาที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ พราวมุกมองชายหนุ่มอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น
มาร์วินจ้องมองชุดนักศึกษาของเธอที่มันดูจะรัดรูปเกินไป ไหนจะกระโปรงสั้นสีดำผ่าหน้านั่นอีก ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามหาลัยเขาก็เริ่มรู้สึกเธอจะแต่งตัวล่อเสื้อล่อจระเข้น่าดูเลย
“นี่แน่ใจว่าแต่งตัวไปเรียน?”
“ทะ..ทำไมคะ” ร่างบางตอบกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“คิดว่าจะไปหาผัว” ชายหนุ่มเน้นคำว่า ‘ผัว’ กระแทกใส่หญิงสาว
“พี่มาร์วิน ทำไมต้องพูดกับมุกแบบนี้ด้วยค่ะ”
พราวมุกตอบกลับชายหนุ่มน้ำเสียงแผ่วเบา ถึงปกติชายหนุ่มจะชอบพูดจาไม่ดีกับเธออยู่ตลอดเวลาก็เถอะ แต่ช่วงหลังๆ มานี้เขายิ่งเป็นหนักกว่าเมื่อก่อนมากๆ จนคำบางคำเธอรู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไปจริงๆ
“ขึ้นรถ”
มาร์วินสั่งหญิงสาวเสียงดัง บอดี้การ์ดร่างกำยำที่ยืนอยู่ข้างๆ รถจึงเอื้อมมือไปเปิดประตูรอเจ้านาย
“เชิญครับคุณหนู”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขอบคุณชายชุดดำและเดินไปขึ้นรถเบาะหลังของรถคันหรูสีดำเงาอย่างช้าๆ มาร์วินก้าวตามมาขึ้นรถด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากนั้นรถคันหรูสีดำเงาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่ช้าๆ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้..” เสียงทุ้มของมาร์วินเอ่ยขึ้นมา
“มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ มุกรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องพูดถึงมันหรอกค่ะ”
เสียงนั้นทำให้หญิงสาวที่กำลังมองข้างทางผ่านกระจกรถอยู่หันกลับมาหาชายหนุ่ม พราวมุกตัดบทชายหนุ่มเสียก่อนที่เขาจะพูดจบ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับเธอหรอก ชายหนุ่มอาจจะแค่ละเมอหรือฝันก็เท่านั้นเพราะมาร์วินไม่เกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
“รู้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะฉันไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวเธอเลยสักนิด”
“ค่ะ มุกรู้ดีข้อนี้ดีค่ะ”
สิ้นเสียงของพราวมุก เธอก็ส่งยิ้มอบอุ่นให้ชายหนุ่มและหันไปมองที่ข้างทางเหมือนเดิม
มาร์วินตวัดสายตาลอบมองใบหน้าหวานครึ่งเสี้ยวพร้อมกับเลื่อนสายตาไปสำรวจจมูก ปาก คางของหญิงสาว ความรู้สึกและสัมผัสจากเมื่อเช้าทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ทำไมเขาต้องมาอดทนกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยนะ ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกไป
บรรยากาศภายในรถเงียบกริบมาตลอดทาง เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็มาจอดที่หน้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง
“ขอบคุณที่แวะมาส่งนะคะ สวัสดีค่ะ”
พราวมุกยกมือขึ้นมาประนมกลางอกไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อมและกระชับกระเป๋าสะพายสีดำก่อนจะลงจากรถหรูทันที
ร่างอรชรย่างกรายเข้าไปในมหาวิทยาลัยช้าๆ ดวงตาคมกริบมองตามร่างเล็กไปเรื่อยๆ และยังกวาดสายตามองไปรอบตัวหญิงสาว เหล่าบรรดาชายหญิงต่างพากันจับจ้องมองพราวมุกตาเป็นมัน
“อย่าเพิ่งออกรถ”
“ครับนาย”
ชายหนุ่มนั่งมองร่างบางผ่านกระจกรถด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
พราวมุกเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยอย่างช้าๆ เธอกำลังจะเดินตรงไปยังคณะของตัวเอง แต่ทว่าก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นมาเสียก่อน เธอจึงหันหลังกลับไปมอง
“สวัสดีครับน้องมุก”
“พี่ติณณ์ สวัสดีค่ะ” ร่างบางยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ช่วยเธอเอาไว้เมื่อวาน
“เข้าเรียนสายเหรอวันนี้”
“ค่ะ วันนี้มีเรียนตอนเก้าโมงค่ะ”
“พอดีเลยค่ะ..นี่ค่ะเสื้อคลุมของพี่ มุกซักให้เรียบร้อยแล้วนะคะ” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นถุงเสื้อให้รุ่นพี่
“จริงๆ แล้วพี่ก็มายืนรอเรานี่แหละ” ติณณ์เอ่ยด้วยท่าทางเขินอาย
“ทำไมถึงมายืนรอล่ะคะ”
“พี่ไม่อยากให้มุกไปที่คณะ”
“ทำไมคะ”
“ที่คณะผู้ชายเยอะนะสิ”
ติณณ์จ้องตาและส่งยิ้มอบอุ่นให้พราวมุก ทั้งสองคนสบตากันอยู่ชั่วครู่ จนสุดท้ายพราวมุกก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาชายหนุ่มก่อน
คนรอบข้างต่างพากันซุบซิบนินทากันใหญ่ที่สองคนยืนคุยกันแบบนี้ เพราะคนหนึ่งก็คือสาวสวยประจำคณะนิเทศศาสตร์ที่มีแต่ชายหนุ่มหมายปอง ส่วนอีกคนก็คือลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจเพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
“มุกไปเรียนก่อนนะคะ” เสียงหวานเอ่ย
“ครับ ตั้งใจเรียนนะเด็กน้อย”
“มุกไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”
“เด็กสิ ตัวเล็กนิดเดียวเอง” ชายหนุ่มเผลอตัวยกมือขึ้นไปลูบหัวร่างบางแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู
“พี่ตัวใหญ่ต่างหาก” หญิงสาวบ่นไม่ได้จริงจังมากนัก
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ พี่ตัวใหญ่เองแหละ”
ชายหนุ่มในชุดนักศึกษายืนยิ้มกว้างให้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ไปเรียนเถอะครับ เดี๋ยวสาย”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นพราวมุกก็เดินตรงไปยังคณะของตัวเองทันที ติณณ์มองตามหลังหญิงสาวที่เดินไกลออกไป รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าหล่อเหลาปรากฎขึ้น เขาอยากจะรู้จักพราวมุกให้มากกว่านี้จริงๆ
“หึ ยัยเด็กใจแตก” มาร์วินนั่งมองพวกเขาอยู่บนรถพลางแค่นหัวเราะเบาๆ
“ออกรถ” เสียงทุ้มทรงพลังสั่งลูกน้องอย่างหนักแน่น
@บริษัท วอล์กเกอร์พัฒนา กรุ๊ป
ใช้เวลาไม่นานรถคันสีดำเงาก็เข้ามาจอดสนิทลงที่ลานจอดรถบนตึกหรูหราใหญ่โตของบริษัทตระกูลวอล์กเกอร์ ที่เป็นตึกสูงถึง 20 ชั้น ดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทันสมัย ห้องทำงานของมาร์วินอยู่ชั้นบนสุดของตึกเพราะชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครเดินข้ามหัวเขาไปมา
ร่างกำยำเดินเข้ามาจากลานจอดรถส่วนตัวบนชั้นนี้และตรงมายังห้องทำงานที่มีเลขาสาวสวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีดำกับกระโปรงสั้นสีเข้ากันกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของมาร์วิน
“สวัสดีค่ะนายท่าน” เลขาสาวยืนขึ้นพร้อมกับเอ่ยทักทายเจ้านายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“อือ” มาร์วินตอบกลับสั้นๆ
“รับเครื่องดื่มอะไรก่อนไหมคะ เดี๋ยวริต้าไปชงให้ค่ะ”
“ไม่ต้อง เตรียมเอกสารที่จะประชุมช่วงบ่ายนี้ให้พร้อม”
“ค่ะท่าน”
ริต้า เลขาสาวหุ่นดีหน้าอกหน้าใจล้นทะลักแทบจะหลุดออกมาจากเสื้อเชิ้ต เธอเข้ามาทำงานเป็นเลขาให้มาร์วินยังไม่ถึงปี ช่วงเดือนแรกที่เธอเข้ามาพวกเขาก็เริ่มมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน แต่มาร์วินก็เคยพูดกับเธอชัดเจนไปแล้วว่าห้ามล้ำเส้นและทำอะไรเกินหน้าที่ไม่งั้นเธอจะโดนไล่ออกจากบริษัทไปอย่างแน่นอน ซึ่งหญิงสาวก็ทำตัวว่านอนสอนง่ายมาโดยตลอด
มาร์วินสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงก้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองด้วยท่าทางดุดันน่าเกรงขาม ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงโต๊ะทำงาน ส่วนบอดี้การ์ดทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปประจำตามจุดต่างๆ ทั้งประตูหน้าห้องและทางเดิน
ร่างกำยำใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานเกือบทั้งวัน ช่วงบ่ายเขาออกไปประชุมที่ห้องประชุมของชั้นนี้และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมเขาก็กลับมาที่ห้องทำงานเขาเหมือนเดิม
ส่วนเลขาสาวก็เข้ามาแค่เอาเอกสารให้ชายหนุ่มเซ็นแล้วก็ออกไปทำงานของเธอต่อ
เวลาผ่านพ้นไปจวบจนห้าโมงเย็น บอดี้การ์ดร่างกำยำเคาะประตูห้องชายหนุ่มเสียงดัง ทำให้มาร์วินที่ใจจดใจจ่ออยู่กับแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นายครับ ขออนุญาตเข้าไปได้ไหมครับ” เสียงของบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยขึ้นมาหน้าประตูห้อง
“เข้ามา” ชายหนุ่มตอบกลับเสียงราบเรียบ
ชายชุดดำแง้มเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเจ้านายอย่างช้าๆ
“มีอะไร” มาร์วินเอนกายพิงพนักของเก้าอี้ตัวใหญ่พลางเอ่ยถาม
“นายครับ คุณโมนามารอนายอยู่ข้างล่างครับ จะให้เธอขึ้นมาไหมครับ”
“โมนา..”
“ครับ”
“เออ ให้ขึ้นมาแล้วมึงโทรไปยกเลิกนัดกับผู้หญิงที่ชื่อเจนนี่ด้วย”
“ครับนาย”