ร่างอรชรของโมนาสวมชุดเกาะอกสีขาวพร้อมกับกางเกงสีดำรัดรูป ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา และกระเป๋าของเธอเป็นของแบรนด์เนมทั้งหมดเกือบทั้งตัว ซึ่งมองจากไกลๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นไฮโซหรือผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ใบหน้าสวยสดถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงทำให้เธอดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
โมนา สาวลูกครึ่งหน้าฝรั่งกำลังนั่งอ่านนิตยสารรอมาร์วินอยู่ตรงโซฟารับรองแขกชั้นล่างสุด บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากลิฟต์หรูก้าวตรงมาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“คุณโมนาครับ นายให้ขึ้นไปได้ครับ” ชายชุดดำเอ่ย
“ขอบใจ”
โมนาไม่รอช้า เธอรีบก้าวตรงไปยังลิฟต์หรูและกดลิฟต์ขึ้นไปยังบนชั้นสูงสุดของตึกทันที หญิงสาวขึ้นลิฟต์มาจนถึงจุดหมาย เธอก้าวออกจากลิฟต์และตรงมายังห้องทำงานของมาร์วินโดยมีบอดี้การ์ดร่างใหญ่เดินตามมาติดๆ
เลขาสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือนก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยเพราะความสวยและความมาดมั่นของโมนา
โมนามองสำรวจเลขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน เธอแค่นหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่เคาะประตูหรือขออนุญาตมาร์วินก่อนเลยด้วยซ้ำ จากนั้นเธอก็หายเข้าไปในห้องทำงานของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“คะ..คุณ ผู้หญิงคนนั้นใครคะ” ริต้า เลขาสาวสวยเอ่ยถามบอดี้การ์ดที่เดินตามสาวมั่นหน้าฝรั่งมา
“คุณโมนาครับ” ชายชุดดำตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“คือใครเหรอคะ”
“เรื่องของเจ้านายครับ คุณอย่ายุ่งเลยดีกว่า”
คำพูดของบอดี้การ์ดร่างกำยำทำให้เลขาถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะ ริต้าส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้ชายชุดดำก่อนจะนั่งลงทำงานของตัวเองต่อ
หลังจากนั้นโมนาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางกรีดกราย มาร์วินไม่ได้สนใจเจ้าหล่อนสักเท่าไหร่ เขายังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับเอกสารบนโต๊ะที่กองเป็นภูเขา
“ไงคะวิน” โมนาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“มาทำไม” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
“แค่แวะมาหาเองค่ะ”
“มีอะไรก็พูดมา ฉันมีงานต้องทำ”
“ยัยเลขาหน้าห้องคุณนี่ เคยกินกันมาแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” มาร์วินเอนกายด้วยท่าทางสบายๆ กับพนักพิงของเก้าอี้
“หึ! คุณเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ”
“เธอก็เหมือนกันนะแหละ ยังทำตัวเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกโกรธโมสักทีค่ะวิน”
ร่างอรชรก้าวเดินมายังเก้าอี้ที่มีร่างใหญ่นั่งอยู่พร้อมกับยกก้นงอนงามนั่งลงบนโต๊ะทำงานของมาร์วิน มือบางลูบไล้แก้มสากไปมาพลางส่งสายตายั่วยวนไปให้ชายหนุ่ม
“โกรธ? หึ..ระหว่างเรามันเกินคำว่าโกรธไปมากแล้วโมนา ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอแล้วทั้งนั้น”
“แต่ทุกครั้งที่โมกลับมาจากฝรั่งเศส เราก็มาสนุกกันตลอดไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็แค่ระบายความต้องการใส่กัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะกลับไปรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมสักหน่อย”
“งั้นวันนี้เราก็สนุกด้วยกันเหมือนเดิมเถอะค่ะ สักวันวินจะต้องใจอ่อนให้โมแน่ๆ”
“จะทำอะไรก็รีบทำอย่าลีลา ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไงคะ โมถึงลืมคุณไม่เคยได้เลย”
พูดจบหญิงสาวก็ประกบจูบลงริมฝีปากหยักหนาทันที มือบางจับอังแก้มสากเอาไว้เบาๆ ก่อนจะส่งเรียวลิ้นเล็กไปเกี่ยวพันกับลิ้นสากร้อนอย่างช่ำชอง
ลิ้นเรียวเล็กชอนไชไปมาในอุ้งปากของชายหนุ่ม มาร์วินไม่ยอมให้หญิงสาวรุกอยู่ฝ่ายเดียว เขาแลบลิ้นออกมาดูดเลียลิ้นเล็กเช่นเดียวกัน ทั้งสองร่างจูบกันอย่างดูดดื่มอยู่นานสองนาน จนหญิงสาวเริ่มหายใจไม่ออกเธอจึงค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างช้าๆ
“ยอมรับมาเถอะค่ะวิน..ว่าเราสองคนยังคงเข้ากันได้ดีอยู่ แล้วโมก็ยังรู้ใจคุณมากกว่าผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย”
“อย่ามั่นใจมากนักเลยโมนา” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย ก่อนจะย่อตัวนั่งลงที่พื้นพร้อมกับมือบางค่อยๆ ปลดตะขอและรูดซิปกางเกงของชายหนุ่มลงมากองที่ข้อเท้าอย่างยากลำบาก
ท่อนเอ็นใหญ่ดีดเด้งขึ้นมาเกือบฟาดหน้าของหญิงสาว โมนาช้อนสายตาขึ้นมองหน้ามาร์วินอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเธอก็ใช้มือบางถลกหนังหุ้มปลายหัวหยักลงพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเลียวนตรงปลายหัวหยัก ลิ้นเล็กไล่เลียไปทั่วท่อนเอ็นใหญ่อยู่นานสองนาน จนชายหนุ่มเสร็จสมคาปากของหญิงสาวในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นชายหญิงก็พากันมาที่โซฟาของห้องทำงาน มาร์วินไม่ลืมที่จะหยิบถุงยางอนามัยจากลิ้นชักออกมา ชายหนุ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเผยให้เห็นร่างกำยำเปลือยเปล่าที่มีกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนสวยน่าสัมผัส
โมนารีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกเช่นกัน ร่างอรชรเปลือยเปล่านอนลงบนโซฟาด้วยท่าทางยั่วยวนเมื่อร่างกายของเธอไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นแล้วบนเรือนร่างขาวเนียน หญิงสาวนอนแหกแข้งแหกขาอยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม
ชายหนุ่มฉีกซองถุงยางอนามัยมาสวมใส่ครอบทับแท่งยาวใหญ่เอาไว้ เขาตามมาทาบทับหญิงสาวบนโซฟา มือหนากดหัวหยักจ่อไว้ที่กลีบเนื้อสาวและดันเข้าไปจนมิดลำอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่
สวบบบ!
“อ๊าา..ยังใหญ่เหมือนเดิมเลยนะคะ”
ด้านพราวมุก
หลังเลิกเรียนพราวมุกนั่งแท็กซี่ตรงมายังบริษัท เคเค โมเดลลิ่งทันที โดยมีเพื่อนสาวอย่างนินิวตามมาด้วยเพราะเป็นห่วงพราวมุก ไม่อยากให้หญิงสาวไปไหนมาไหนคนเดียว
บริษัท เคเค โมเดลลิ่ง เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เฟ้นหานางแบบ นักแสดงหน้าใหม่เพื่อเข้ามาในวงการบันเทิง ดีไซน์ของตึกเป็นแบบโมเดิร์นทันสมัยและเป็นตึกสูงใหญ่หลายสิบชั้น
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อพราวมุกนะคะ มาหาเจ๊เชอร์รี่ค่ะ” พราวมุกเอ่ยทักทายพนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
“อ๋อ สวัสดีค่ะ เจ๊รออยู่พอดีเลยค่ะ ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสิบห้องแรกเลยนะคะ” พนักงานตอบกลับอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะ”
พราวมุกขอบคุณพนักงานต้อนรับพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้หญิงสาว จากนั้นพราวมุกก็คว้ามือของเพื่อนรักอย่างนินิวให้เดินตรงไปยังลิฟต์หรูด้วยกัน
“ตื่นเต้นหรือเปล่ามุก” นินิวเอ่ยถาม
“ไม่จ๊ะ” พราวมุกตอบกลับน้ำเสียงหนักแน่น
“ดีแล้ว สู้ๆ นะ ฉันเชื่อว่าเธอทำได้”
“ขอบใจนะนิว”
ใช้เวลาไม่นานทั้งสองสาวก็มาถึงหน้าห้องที่พนักงานต้อนรับบอกพวกเธอเอาไว้ หน้าห้องนั้นมีทั้งวัยรุ่นคนที่ดูมีอายุนั่งรอและมีพนักงานสาวใส่สูทสีดำกำลังยืนถึงแฟ้มเอกสารยืนอยู่
“สวัสดีค่ะ นัดกับเจ๊เชอร์รี่ไว้ไหมคะ” พนักงานทักทายพราวมุกอย่างกระตือรือร้น
“ใช่ค่ะ” พราวมุกตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“งั้นน้องเข้าไปในห้องได้เลยค่ะ เพื่อนที่มาด้วยนั่งรอหน้าห้องนะคะ”
“ค่ะ/ค่ะ” นินิวและพราวมุกตอบพร้อมกัน
จากนั้นพวกเธอทั้งก็แยกย้ายกัน นินิวเดินไปนั่งรอตรงเก้าอี้ว่างๆ ข้างหน้าห้อง ส่วนพราวมุกก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องอย่างช้าๆ
“ขออนุญาตค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องพลางตวัดสายตามองไปรอบๆ ห้อง เธอพบว่ามีเด็กวัยรุ่นนั่งเรียงรายอยู่บนเก้าอี้อยู่เกือบสิบคน
“มา มา..เข้ามาๆ เจ๊กำลังรออยู่เลย” สาวประเภทสองหน้าตาเหมือนผู้หญิงแต่ติดทรงที่เสียงของเจ้าหล่อนยังมีความทุ้มต่ำเหมือนชายหนุ่ม จึงทำให้พราวมุกรู้ได้ทันทีว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ
พราวมุกก้มหัวให้สาวประเภทสองหนึ่งครั้งก่อนจะเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่าง
“ทุกคน ฟังเจ๊นะ..เจ๊ชื่อเชอร์รี่นะคะ ที่เจ๊นัดทุกคนมาวันนี้ก็เพื่อจะให้พวกหนูมาแคสติ้งลองถ่ายรูปโปรไฟล์กันดู แล้วเจ๊จะส่งไปให้หัวหน้าดูอีกทีหนึ่งนะคะว่าใครจะเข้าตาเจ้านายของเจ๊ ใครที่ผ่านเข้ารอบ เจ๊จะโทรไปแจ้งผลภายในหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
หญิงสาวในห้องไม่ได้ตอบอะไรแต่พวกเธอนั่งพยักหน้าตั้งใจฟังในสิ่งที่สาวประเภทสองกำลังพูดอยู่ตอนนี้
“เอาล่ะถ้าทุกคนพร้อมแล้วก็ไปเตรียมตัวไปแต่งหน้ารอกันได้เลยนะคะ เดี๋ยวเจ๊จะเรียกมาถ่ายรูปทีละคนตามลำดับนะ”
หลังจากเจ๊เชอร์รี่พูดจบ หญิงสาวนับสิบชีวิตก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องแต่งหน้ากันอย่างช้าๆ ภายในห้องแต่งหน้ามีโต๊ะเครื่องสำอางตั้งเรียงกันอยู่หลายโต๊ะ หญิงสาวที่ได้ลำดับก่อนคนอื่นเข้าไปนั่งแต่งหน้าและตามมาด้วยสาวๆ คนถัดไป เมื่อพวกเธอแต่งหน้ากันจนเสร็จสรรพแล้วพวกเธอก็ทยอยออกมาและเดินไปที่ห้องสตูดิโอที่มีเจ๊เชอร์รี่รออยู่