“ใส่นี่ทับก่อน” เสียงทุ้มกล่าวพร้อมเอื้อมคว้าเสื้อแจ็คเก็ตสีหม่นตรงเบาะหลังพลางโยนให้ร่างเล็กของคนข้างกายคล้ายไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณ” น้ำค้างตอบกลับก่อนระบายลมหายใจ นึกแล้วยังโกรธเคืองชายหนุ่มไม่หาย เพราะความเจ้าชู้ของเขาแท้ๆ หลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องมาซวยในฐานะเพื่อนสนิท
ไหนจะเจ็บกายแถมยังต้องเจ็บใจอีก!
“บอกให้ใส่ทับไว้ ไม่ใช่ให้คลุมไหล่ไว้แบบนั้น”
“เอ๊ะนี่นายจะทำอะไร” เขยิบกายออกห่างทันควัน ก็คนตัวสูงโน้มเข้ามาใกล้แถมยังถือวิสาสะยกแขนเธอเพื่อใส่เสื้อตัวใหญ่นี่จนเสร็จสรรพ
“ก็เธอโง่ไงบอกให้ใส่ทับไว้ไม่ได้ให้คลุมแบบนั้น” เขาคลี่ยิ้มมุมปากแล้วโยกศีรษะเล็กไปมาอย่างหมั่นไส้ ทั้งคู่แยกกับเพื่อนทั้งสองทันทีหลังจากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย
คราแรกคะน้าโมโหคลื่นจนเกือบพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่สมควรออกไป ทว่าน้ำค้างกลับห้ามไว้ได้ทัน
“ฉันไม่ได้หนาวสักหน่อย ทำไมต้องรูดให้หนาขนาดนั้นด้วย” หญิงสาวว่าพร้อมเอื้อมไปรูดซิปลงเพื่อคลายความร้อน เนื้อตัวเปรอะเปื้อนแล้วยังถูกเสื้อคุมใหญ่สวมทับไว้แบบนี้มันก็เหนอะกายพอดู
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นฉันจอดรถจริงๆนะ”
“คลื่น อย่าเอาแต่ใจได้ไหม” น้ำค้างจ้องใบหน้าคมคายของคนขับ เธอเหนื่อยหน่ายเหลือเกินที่ต้องคอยตามใจเขา
“น้ำค้าง!”
“ใช่สิไม่ต้องสนใจใครอยู่แล้วนี่ ฉันเดือดร้อนก็เพราะนายตั้งหลายครั้ง จะเกิดอีกสักครั้งเป็นอะไรไป” หญิงสาวประชดประชันก่อนเบือนหน้าหนีจ้องมองสองข้างทาง
ไม่มีคำพูดอธิบายจากคลื่นเพราะเขาอยากให้เวลาช่วยให้เพื่อนสาวได้สงบอารมณ์ลง คนตัวสูงเพียงเร่งเครื่องยนต์พาทั้งสองกลับคฤหาสน์หลังงามอย่างเร็วที่สุด ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถคันหรูก็นิ่งสนิทยังโรงจอดรถกว้าง
น้ำค้างไม่แม้แต่หันมองชายหนุ่มเจ้าปัญหา ร่างบางกำประตูรถแน่นหากเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก
“เปิดประตู” เธอหันกลับไปมองลูกเจ้าของบ้านพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แววตาแสนหวานชี้ชัดว่าไม่ปรารถนาอยู่ตรงนี้แม้สักเสี้ยววินาทีเดียว
“คุยกันก่อน” คลื่นโพล่งตอบเสียงขรึม แต่ใบหน้านิ่งคล้ายสำนึกผิด
“…”
“ที่ฉันให้เธอใส่ไว้เพราะชุดมันบางเห็นไปถึงไหนต่อไหน โตแล้วนะน้ำค้าง ทำไมไม่รู้จักระวังตัว”
“นี่นาย…” หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักทันทีเมื่อรับรู้ความหวังดีจากชายที่แอบรัก
“กับฉันน่ะไม่เป็นอะไร แต่กับคนอื่นรู้ใช่ไหมว่าไม่ได้”
“…”
“ฉันไม่ชอบให้ใครมองเธอ”
“คลื่น”
“พักผ่อนเถอะดึกแล้ว อย่าลืมสระผมด้วยเดี๋ยวไม่สบาย”
“ขะ…ขอบคุณนะ” หญิงสาวมองเขาก่อนยิ้มแก้เก้อ รู้สึกร้อนผ่าวบริเวณแก้มเนียนนุ่มหากกลับต้องเก็บกลั้นอาการประหม่าเอาไว้ จะให้คลื่นรู้ว่าไม่ได้เด็ดขาดว่าแอบหวั่นไหว!
“ฝันดี” ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ ก่อนปลดล็อคเพื่อให้เพื่อนสาวลงจากรถยนต์ของตน นัยน์ตาสีน้ำตาลมองร่างน้อยเดินเข้าไปยังอีกฟากฝั่งของบ้านจนสุดลูกหูลูกตา
แตกต่างจากร่างบางทันทีที่ลงจากรถเธอแทบกอบกุมเสื้อตัวหนาไว้แน่นติดกาย ใจดวงน้อยเต้นตึกตับราวกับอยู่ไม่ติดที่แต่มันกลับต้องค่อยๆ ฟีบลงเรื่อยๆ เมื่อจิตนาการถึงความเป็นจริงที่ผ่านมา
การตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ราวกับอยู่บนปากเหว วันนี้เขาใจดี ทว่าพรุ่งนี้เขากลับใจร้าย แต่มันเป็นเพราะเธอที่ไม่อาจหลุดพ้นจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'เพื่อนรัก' ได้เลย
ตื่นเถอะน้ำค้าง!
เลิกงี่เง่าให้ความหวังตัวเองซ้ำๆ แล้วพังทลายลงทุกครั้งเสียที ร่างบางระบายลมหายใจพลางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
สองปีก่อน…
ใบหน้าอ่อนล้าของชายหนุ่มสุดฮอตประจำโรงเรียนเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบน้ำตา เขาปล่อยความอ่อนแอให้รินไหลอาบลงยังสองข้างแก้มช้าๆ ทรุดตัวนั่งอยู่ยังบริเวณขอบสนามบาสคนเดียวตลอดช่วงเย็นไม่ยอมกลับไปเสียที
‘เลิกกันเถอะคลื่น คลื่นไม่เข้าใจความรักหรอก’
‘วี…’
‘แฮก! แฮก!’ เสียงหอบหายใจถี่ๆ ของหญิงสาวผู้มาใหม่ไม่อาจเรียกความสนใจจากคนตรงหน้าให้หลุดจากความคิดได้เลย น้ำค้างรีบวิ่งมาทันทีที่รับรู้ข่าวจากก้องภพว่าวีนาได้จากคลื่นไปเสียแล้ว
เธอรู้ว่าชายหนุ่มแทบขาดใจ เพราะหล่อนเป็นรักแรกหากกลับต้องมาพบเจอความผิดหวัง…
ความรู้สึกปวดหน่วงตรงหัวใจพวกนี้ น้ำค้างรู้จักมันดีทีเดียว
‘กลับบ้านกันนะคลื่น’ ร่างเล็กทรุดตัวนั่งย่อลงตรงหน้าไม่สนใจว่าพื้นดินจะทำให้ผิวขาวเนียนแปดเปื้อน เธอเอื้อมเกี่ยวมือหนาไว้พร้อมโยกเบาๆ เป็นสัญญาให้เขารับรู้ว่าตนเองพร้อมอยู่ตรงนี้
‘…’
‘คลื่น’ เรียกชายหนุ่มเบาๆ มองดูเขาก้มหน้าสะอื้นปลดปล่อยน้ำตารินไหลลงตรงสองมือจนคนตัวเล็กสัมผัสได้
‘…’ น้ำค้างหน่วงปานหยุดหายใจ รู้จักกับชายหนุ่มมาตั้งแต่เล็กไม่เคยเห็นเขาร้องไห้เลยสักครั้ง
นี่เป็นครั้งแรก…
เพราะใคร ใครอีกคนที่ไม่ใช่เธอ
‘กลับบ้านกับเรานะ’ เสียงหวานไม่ได้เอ่ยปลอบประโลมอย่างที่ควรทำ หากไม่ผละห่างจากไปไหนน้ำค้างนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมฟังคลื่นระบายทุกความเสียใจ คอยอยู่เป็นกำลังใจในฐานะเพื่อนที่ดีไม่ใช่คนรัก
การทนมองเขาร้องไห้เพราะคนอื่นมันขื่นขมและเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง
เหตุการณ์สองปีก่อนตรงสนามบาสนั่นน้ำค้างจำได้ติดตา แม้เธออยู่เคียงข้างเขาและคลื่นก็ยังดีกับตนไม่เคยเปลี่ยน แปลง ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่น้ำค้างต้องเรียนรู้และเข้าใจ ต่อให้เขาดูแลดั่งเจ้าหญิงแค่ไหนก็ไม่มีวันได้เลื่อนขั้นเป็นคนรัก
ไม่มีวัน!
เพราะหัวใจของเขาอยู่ที่วีนาหมดทั้งดวง
@Kingston university
รถคันหรูถอยเข้าจอดบริเวณลานจอดรถคณะด้วยความชำนาญ คลื่นดับเครื่องยนต์เบาๆ พร้อมหันมองเพื่อนสาวข้างกายราวกับสำรวจอะไรบางอย่าง
“มองอะไร?” น้ำค้างถามกลับอย่างขัดใจ ก็หมอนี่เล่นคิ้วขมวดจ้องเธอเสียขนาดนั้นใครบ้างจะไม่รู้ตัว
“ป่าว ไม่ได้มองอะไร”
“ก็เห็นๆ อยู่ว่านายจ้องฉัน”
“สงสัยมาก เสียเวลาเดี๋ยวคะน้ากับไอ้ก้องบ่นอีก ถ้าพวกมันด่าฉันนะจะโทษเธอ!”
“ก็ได้ ไม่มองก็ไม่มอง”
“ก็แค่นั้น” ทั้งสองเถียงกันเพียงชั่วครู่ ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่ออยู่ๆ โทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋าสะพายข้างสั่นเตือนขัดจังหวะ น้ำค้างคุยกับคะน้าพร้อมบอกคลื่นว่าอาจารย์ใกล้เข้าสอนแล้ว
วันนี้เปิดเรียนวันแรกเธอไม่อยากสายเพราะเสียเวลาทะเลาะกับเขาเหมือนเมื่อวานอีก หากสายตาเคร่งขรึมราวกับเรดาร์แบบนั้นมันชวนให้หัวเสียตั้งแต่เช้า เอาเหอะถอนหายใจพร่ำบอกตนเองให้มองผ่านเหมือนธาตุอากาศ
ภาพสองหนุ่มสาวหน้าตาดีราวกับพระนางช่องดังระดับประเทศเดินเคียงคู่กันมาเรียกทุกสายตาจากเพื่อนร่วมคณะ คลื่นหล่อเหลา เขามีใบหน้าคมเฉียวราวกับเทพบุตรกรีกเพราะสืบเชื้อสายมาจากคุณตาซึ่งเป็นชาวต่างชาติ
ชายหนุ่มสูงถึงร้อยแปดห้าเซนติเมตร ซ้ำนัยน์ตาคมเข้มแสนหวานทว่าแฝงไปด้วยความลึกลับนั่นน่าค้นหา เขาพร้อมหลอกล่อเหยื่อทุกรายให้ติดกับดักร้ายที่วางไว้
ส่วนน้ำค้างเป็นหญิงสาวร่างเล็กซึ่งมีใบหน้าหวานราวกับตุ๊กตา นัยน์ตาเรียวสวยกลมโตปกคลุมไปด้วยแพขนตางอนยาว แม้ภายนอกจะดูผอมบางทว่าสัดส่วนเธอนั้นกลับเต็มไม้เต็มมือจนต้องเหลียวมอง
หน้าอกหน้าใจขนาดใหญ่ลับกับสะโพกผายไหนจะเรียวขาสวยนั่น เรียกได้ว่าผู้ชายหลายต่อหลายคนแทบจะสยบแทบเท้าสาวสวยหน้าหวานชวนฝันคนนี้
ทั้งคู่นั้นเหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยก หากไม่นับกิจสรรพของคลื่นซึ่งดูแล้วไม่คู่ควรกับนางฟ้าแสนดีอย่างน้ำค้าง
คนตัวสูงเดินข้างเพื่อนสนิทก็ได้แต่ระบายลมหายใจหงุดหงิด ทำไมยายนี่ถึงเซ็กแอพพีลสูงเกินต้านขนาดนี้วะ
แค่เดินเฉยๆ ก็เรียกความสนใจไปได้ราวกับเวทมนต์ เขาเขม็งสายตาใส่ใครต่อใครจนปวดเบ้าไปหมด
“น้ำค้าง!” เมื่อคนตัวหน้าเปิดประตูคลื่นก็พลอยได้ยินเสียงคะน้าไปด้วย
“นั่งนี่มึงๆ” ส่วนก้องภพก็โบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนสนิทตัวดีเช่นกัน แต่คลื่นกลับส่ายหน้าปฏิเสธ เขาหย่อนกายนั่งลงข้างน้ำค้างฉับพลัน
“ไม่ไปนั่งกับก้องเหรอ” หญิงสาวหันไปถามชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกัน
“ไม่อะ นั่งนี่แหละขี้เกียจเดินอ้อม” ก้องภพทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนใหม่ข้างหลังห้องซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น แว็บเดียวเท่านั้นความคิดคลื่นก็กลัวว่า หมอนี่จะไร้ความคิดแนะนำน้ำค้างให้เพื่อนใหม่ชายล้วนได้รู้จัก
“ประหลาด”
“เอ่อ…นี่ลืมบอกนี่เพื่อนใหม่ฉันเองมาจากต่างจังหวัดชื่อพระพาย”
“สวัสดี” หญิงสาวผู้มาใหม่ยิ้มกว้างอย่างน่ารัก
“เราพระพายนะ” หล่อนเป็นมีใบหน้าเฉียวคมลับกับผิวขาวเนียนละเอียด
“สวัสดีเราน้ำค้าง ส่วนนั่นคลื่น” น้ำค้างยิ้มเป็นมิตรตอบกลับอย่างจริงใจ มือบางเตรียมยื่นไปเพื่อรับไมตรีจากหล่อนทว่ากลับต้องชะงัก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคลื่น น้ำค้าง” เพราะหล่อนยื่นมือเรียวสวยสัมผัสเธอก่อน พร้อมเคลื่อนไปหาคลื่นแล้วส่งยิ้มน่ารักให้ชายหนุ่ม
“อืม ยินดีที่ได้รู้จัก” สายตาหวานใสนั่นทำให้ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเล็กน้อย หญิงสาวรับรู้ด้วยสัญชาตญาณทันทีว่าเพื่อนใหม่คนนี้สนใจคลื่นเข้าแล้ว!
ทุกห้วงความคิดกลับต้องหยุดลงเมื่ออาจารย์วัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมทักทายและเริ่มคาบเรียน
“ปิดไว้เผื่อหนาว” ทว่าก่อนหยิบสมุดขึ้นมาเพื่อจดลายละเอียดวิชา เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมเสื้อกันหนาวสีดำที่วางอยู่บนหน้าตักกลับทำให้เธอประหม่า
ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าเขาจัดแจงให้ตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่…
“ขอบคุณ” พอจะคาดเดาได้แล้วว่าแท้จริงสายตาไม่พอใจบนรถนั่นมันมาจากอะไร…
กระโปงทรงเอเจ้าปัญหาตัวนี้นี่เอง!
ลานเกียร์เป็นลานกิจกรรมกว้างๆ ของเหล่าชาวคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งมหาลัยคิงตัน วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียนจึงไม่แปลกที่รุ่นพี่จะนัดรุ่นน้องปีหนึ่งเพื่อมาพูดคุย ร่างบางของน้ำค้างนั่งข้างๆ กับคะน้าส่วนถัดออกมาก็คือพระพาย
“พวกไอ้คลื่นอะ” คะน้าหันหน้าไปถามเพื่อนสนิทพร้อมย่นคิ้วอย่างสงสัย เพราะหล่อนไม่เห็นคลื่นและก้องภพตั้งแต่เลิกคาบเรียน
“น่าจะโดดนะ เห็นออกไปเข้าห้องน้ำ”
“แปลกว่ะ น่าจะหายไปสูบบุหรี่มั้ง”
“แปลก?”
“คลื่นมันตัวติดแกจะตายไป” คำพูดของเพื่อนสนิททำเอาแก้มใสของน้ำค้างแก้มร้อนผ่าว พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์ในห้องเรียนเมื่อเช้าฉายชัดตัดกับภาพเมื่อคืน
“เขินเหรอ” หล่อนกระซิบแซวข้างหูอีกครั้งพร้อมสะกิดเบาๆ ที่เรียวแขนยาวเสมือนกับว่าต้องการตอกย้ำคำพูดตนเอง
“แกนี่! เดี๋ยวเถอะ…”
“น้ำค้างสนิทกับคลื่นมากเหรอ” ยังไม่ทันจบประโยคพระพายที่แอบฟังอยู่ก่อนแล้วก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“คือเรากับคลื่น…”
“สวัสดีค่ะน้องๆ!” ทว่าก่อนที่หญิงสาวจะอธิบายเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเธอและคลื่นให้เพื่อนใหม่ได้เข้าใจ เสียงตะโกนดังๆ กลับขัดจังหวะ
ภาพเบื้องหน้าปรากฏรุ่นพี่มากมายยืนเรียงแถวหน้ากระดานอย่างน่าเกรงขาม พวกเขามีใบหน้าบูดบึ้งตึงตังเหมือนกับยักษ์วัดแจ้งตัวโตคอยรังแกมนุษย์ไร้ทางสู้
“พวกพี่เป็นรุ่นพี่ปีสี่ของน้องๆ วันนี้พี่จะมาแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรมของคณะเรา” น้ำค้างตั้งใจฟังรุ่นพี่สาวที่ยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลางกล่าวพร้อมประมวลคำพูดหล่อนไปในตัว
เธอเคยได้ยินมาว่าคณะวิศวกรรมมีกฎระเบียบและกิจกรรมซึ่งต้องเข้าร่วมอยู่มากมาย แต่พอมาเจอโหมดโหดแบบนี้เล่นเอาคนตัวเล็กเสียวสันหลังวาบทีเดียว
ถึงไม่ใช่นักกิจกรรมน้ำค้างก็ไม่ใช่พวกหัวขบถพร้อมแหกคอกเท่าไหร่นัก แตกต่างกับคลื่น…
หมอนั่นต่อให้บังคับแค่ไหนถ้าไม่เต็มใจก็อย่าหวังว่าจะให้ความร่วมมือ
“รู้ใช่มั้ยว่าทุกกิจกรรมมันมีความหมายแค่ไหน!” หล่อนว่าพร้อมปรายมองรอบข้าง
“ถ้าพวกพี่ไม่ยอมรับก็เท่ากับว่าน้องจะใส่ช็อปสาขาไม่ได้…” น้ำค้างกลืนน้ำลายลงคอเฮือกเธอหันไปสบตาคะน้าที่เม้มแน่นสนิทกดดันพอกัน
“และกิจกรรมแรกที่พวกน้องต้องทำคือล่าลายเซ็นและทำความรู้จักกับสายรหัสของตัวเองให้เรียบร้อย”
“…”
“หวังว่าพวกน้องจะโชคดี เจอกันอีกรอบวันประชุมเชียร์!”