“เข้าไปเลยแก” คะน้าดันร่างเล็กของเพื่อนสาวคนสนิทเข้าไปอย่างประนีประนอมหลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้ว ตกลงว่าน้ำค้างจะเป็นหน่วยกล้าตายเข้าไปขอสมุดล่าลายเซ็นจากเฮ้ดว้ากซึ่งถือจับกลุ่มอยู่ทางซ้ายมือ
“ฉะ…ฉัน” หญิงสาวหันขวับกลับมามองเพื่อนสนิทด้วยแววตาประหม่า ซ้ำใจดวงน้อยยังเต้นรัวเพราะความหวาดกลัวคืบคลานเข้าสู่ร่างกาย
“เราตกลงกันแล้วว่าใครเป่ายิ้งฉุบแพ้คนนั้นไป เถอะน่าแกสวยน่ารักไม่มีใครทำอะไรหรอกเพื่อนสาว!”
“โอ้ย แม่คนอวยเพื่อนชมหวังผลแหละรู้นะ” ที่จริงรุ่นพี่แจกสมุดล่าลายเซ็นให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว เหลือบางส่วนที่ไม่เข้าประชุมเชียร์จึงไม่ได้
น้ำค้างและคะน้าคุยกันว่าไม่อยากให้คลื่นและก้องภพมีปัญหา เพราะถ้าพวกหมอนั่นโดนทำโทษเมื่อไหร่คงหัวเสียและไม่ยอมมาเข้าร่วมกิจกรรมเป็นครั้งที่สอง
ดังนั้นหน่วยกล้าตายที่ต้องช่วยเหลือพวกเขานั้นจะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจากเธอคนนี้…
น้ำค้างไงล่ะ!
“น้องคะ…” ทั้งคู่หันหลังเถียงกันไปมาก็ได้ยินเสียงตะโกนแทรกจนต้องหมุนกายกลับไปมอง น้ำค้างมองรุ่นพี่สาวในวงล้อมของเหล่าพี่ว้ากด้วยนัยน์ตาสงสัย
“หนูเหรอคะ?”
“ใช่จ้า น้องนั้นแหละ” เจ้าของเสียงเรียกพูดพร้อมแย้มยิ้มเป็นมิตรแตกต่างจากช่วงเวลาเมื่อสักครู่ราวกับคนละคน
จำได้ว่าพี่คนนี้…คือหญิงสาวเมื่อสักครู่ที่ยืนออกคำสั่งกับน้องๆ อย่างน่าเกรงขาม
น้ำค้างเม้มปากพลางหันไปสบตาคะน้า เพียงชั่ววินาทีหญิงสาวก็ตัดสินใจเดินตรงเข้าไปทันที
“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ใบหน้าจิ้มลิ้มย่นคิ้วถามรุ่นพี่สาวอย่างน่ารัก
“พอดีพี่อยากชวนน้องไปประกวดดาวหาตัวแทนคณะ สนใจมั้ยหน้าตาเราน่ารักมากเลยนะ”
“นะ…หนูเหรอ?” นัยน์ตาคู่หวานเบิกกว้างฉับพลันแล้วกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่
“พี่แน่ใจเหรอคะ? หนูเนี่ยนะ?”
“เรานั่นแหละ น่ารักมาก จริงๆ พวกเพื่อนพี่ก็เล็งไว้หลายคนนะ แต่เห็นน้องแล้วปิ๊งน่ารักที่สุด”
“…”
“ใช่มั้ยเสือ?” คำพูดของรุ่นพี่ทำให้น้ำค้างรู้สึกเอะใจ ทันทีที่หล่อนพูดจบนัยน์ตาหยอกล้อก็หันไปมองใครอีกคนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลกัน
เจ้าของชื่อ ‘เสือ’ คือผู้ชายร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาพอดูออกว่าเชื้อสายจีน เขามีนัยน์ตาคมเฉียวซึ่งแฝงไปด้วยความดุดัน ชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นตัดผมรากไทรเท่ๆ แตกต่างจากใครหลายคนในบริเวณนี้…
ช่างเป็นคนที่หล่อร้ายจนน่าหมั่นไส้สุดๆ!
“ถามฉันทำไมวะ บอกแล้วนี่ว่าให้แกตัดสินใจ” เสียงทุ้มตะโกนตอบกลับคล้ายไม่สบอารมณ์ เขาเบือนหน้าหนีไปอีกทางราวกับน้ำค้างเป็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าใส่ใจ
“จ้า…เอาเป็นว่าน้องตกลงนะ”
“คะ…คือหนูไม่แน่ใจ…”
“ช่วยสาขาแค่นี้ไม่ได้ ไร้น้ำใจขนาดนั้น?” ยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ ริมฝีปากหยักก็โพล่งขึ้นขัดจังหวะ
เสือไล่มองน้ำค้างตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนแสยะยิ้มมุมปากซึ่งทำเอาร่างบางชาวาบไปทั่วเรือนกาย!
“ไอ้เสือ!” รุ่นพี่สาวดึงแขนเสื้อชายหนุ่มไว้ราวกับต้องการให้เขาสงบปากสงบคำ
“น้องน้ำค้างอย่าคิดมาก ไอ้นี่มันปากหมาอย่างนี้แหละถ้าเราไม่สบายใจก็ไม่ต้อง…”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ หนูเต็มใจ! หนูจะทำ!” เธอก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตรอกขนาดนั้น น้ำค้างไม่ใช่คนยอมใครเช่นกันยิ่งเสือดูถูก หญิงสาวก็พร้อมพิสูจน์ให้เขาเห็น
ทำไมช่วยสาขาแค่นี้จะทำไม่ได้!
เหอะรู้จักน้ำค้างน้อยไปซะแล้ว ไอ้พี่บ้า
“น้องน้ำค้างแน่ใจใช่ไหม?”
“ค่ะหนูแน่ใจ แต่ขออะไรพี่อย่างนึงได้ไหมคะ”
“ได้สิจะให้พี่ช่วยอะไรก็ว่ามาเลย” หล่อนยิ้มใสอย่างเอ็นดู แท้จริงแล้วพี่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่น่ากลัวแบบที่คาดคิดซะหน่อย ติดใจดีเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ
“คือหนูอยากขอสมุดล่าลายเซ็นเพิ่มอีกสองเล่มได้ไหมคะ”
“ขอให้ใคร เพื่อน?” ดวงตาเรียวเฉียวมองตรงแล้วเอ่ยถาม
“ค่ะ ขอให้เพื่อนพอดีเขาไม่สบาย” น้ำค้างพูดโกหกเพื่อตัดจบปัญหา ในใจได้แต่คิดว่ารุ่นพี่เสือนี่มีปัญหาอะไรกับเธอนักหนา ทำไมถึงได้ขยันหาเรื่องกันนัก ปฏิเสธครั้งแรกก็หาว่าเป็นคนไร้น้ำใจไปทีหนึ่งล่ะ
“…ก็ได้ ถือว่าครั้งนี้พี่ยอมให้แต่น้ำค้างอย่าลืมบอกเพื่อนให้มาเข้าเชียร์ด้วยล่ะ”
“ขอบคุณนะคะ ว่าแต่พี่ชื่อ?” เลื่อนสายตามองรุ่นพี่สาวแสนใจดี
“พี่ชื่อบุ๋มจ้ะ มีอะไรถามพี่ได้เลยนะขอแลกไลน์เราไว้หน่อย เดี๋ยวดึงเข้ากลุ่มดาวเดือน”
“กลุ่มดาวเดือน?”
“กลุ่มรวมดาวเดือนของทุกปีจ้ะ มีพวกพี่นี่แหละแล้วก็รุ่นพี่คนอื่นๆ อีกนิดหน่อย”
“ขี้สงสัย” คนช่างยั่วโมโหว่าพลางดันลิ้นเข้ากับกระพุ้งแก้มอย่างกวนโทสะ
“เสือ อย่าปากเสียใส่น้อง” ดีหน่อยที่พี่บุ๋มช่วยห้ามทัพไม่งั้นเธอและรุ่นพี่หน้าหล่อนี่ได้ว่ามวยกันแน่ น้ำค้างยื่นเครื่องมือสื่อสารแล้วรับสมุดสองเล่มเป็นการแลกเปลี่ยน ทันทีที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ยกมือไว้พี่บุ๋มอีกรอบ
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะพี่บุ๋ม” หญิงสาวเชิดหน้าเมินเฉยก่อนกล่าวลา เธอออกจากบทสนทนาทันที
“นี่มุขจีบสาวมึงเหรอ?” บุ๋มส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย
“เออ!” เสือยกยิ้มเบาๆ แล้วตอกกลับ
ร่างบางก้าวห่างเท่าไหร่ แต่กลับดึงดูดใจจนคนเจ้าเล่ห์ต้องมองตาม เสือยิ้มยากยกยิ้มแพรวพราวเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง…
ผู้หญิงคนนี้โครตน่ารักเลยว่ะ!
ปึก!
กระแทกสมุดเสียงดังบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ คลื่นส่งข้อความหลังจากออกจากลานเกียร์ ชายหนุ่มบอกว่ารออยู่ตรงม้านั่งใต้ตึกคณะ
ภาพร่างสูงนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจ หนีบบุหรี่ด้วยนิ้วเรียวเล่นเอาคนตัวเล็กฉุนนิดๆ เธออุสาแบกหน้าไปขอรุ่นพี่แต่ดูหมอนี่สิไม่เดือดร้อนเลย!
“สมุดล่าลายเซ็น ฉันไปขอมาให้นาย!”
“ล่าลายเซ็นอะไร ไร้สาระ” เขาตอบกลับพร้อมหลุดยิ้มไม่ทุกข์ร้อน
“ฉันทำแบบนี้ที่ไหนกันเธอก็รู้”
“ไอ้คลื่น!” คะน้าโพล่งเสียงดัง “รู้ไหมน้ำค้างตะ…”
“อะไร?”
“ไม่มีอะไร!” นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างก่อนดึงแขนคะน้าให้ไปอยู่ข้างหลัง
“ฉันกับคะน้าแค่เข้าไปขอนี่ให้นายกับก้องจนโดนรุ่นพี่ดุ” อธิบายน้ำเสียงราบเรียบไม่ติดพิรุธใดๆ แตกต่างกับหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ถ้าขืนหมอนี่รู้ว่าเธอต้องไปประกวดดาวเดือนล่ะก็คงไม่พอใจ
แค่ตอนงานเลี้ยงจบมัธยมปลายน้ำค้างต้องขึ้นไปร้องเพลงคู่กับเพื่อนชายอีกคน คลื่นน่ะอาละวาดบ้านแทบแตก
“อืม ขอโทษ”
“เออดีที่สำนึก ไอ้ก้องอีกตัวหายหัวตลอดถ้าเจอล่ะน่าดู”
“จะไปได้แล้วยัง ฉันมีธุระต่อ”
“ถ้านายติดธุระงั้นฉันกลับเองก็ได้นะ”
“ไม่ได้!” ชายหนุ่มว่าเสียงแข็ง ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ธุระที่ฉันไปทำเธอต้องไปด้วย”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ” น้ำค้างหันไปลาเพื่อนสาวทั้งคู่ คะน้าพยักหน้าเข้าใจส่วนพระพายก็ยิ้มบางเบาเท่านั้น
“ไปเถอะ”
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้” เสียงใสพูดจบประโยค ก็ถูกแรงจับจูงให้ร่างเล็กเดินตามเขาไปยังลานจอดรถซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
“น้ำค้างเป็นแฟนคลื่นเหรอคะน้า?” พระพายหันไปถามคะน้าทันทีที่ทั้งคู่ลับสายตา หล่อนนิ่วหน้ามองดูราวกับไม่ชอบใจ
“เปล่า เพื่อนสองคนนั้นอยู่บ้านเดียวกันสนิทกันตั้งแต่เด็ก” คะน้าปฏิเสธไปเพราะไม่อยากเฉลยความลับเพื่อนตัวเอง
“งั้นเหรอ”
“อืม งั้นฉันขอตัวก่อนนะมีอะไรไลน์มาแล้วกันเดี๋ยวดึงเข้ากลุ่ม”
“ขอบใจนะ” พระพายยิ้มหวานใสให้คะน้าอีกรอบ หล่อนมองดูชื่อตนเองหลังจากที่คะน้าลากเข้ากลุ่มในแอพพลิเคชั่นสีเขียวเรียบร้อยแล้ว
ในใจหมายมั่นทันทีว่าอย่างไร หล่อนต้องได้ผู้ชายที่ชื่อคลื่นแน่นอน!
อีกด้านหนึ่งภายในรถคันหรู ชายหนุ่มที่อยู่ในความคิดของใครบางคนชะลอรถจอดยังร้านค้าบริเวณใกล้มหาลัยฯ
“มาทำอะไรที่นี่?” น้ำค้างเพ่งมองป้ายร้านอย่างสงสัย
‘ปรานีชุดนักศึกษา!’ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หมอนี่พาเธอมาร้านนี้ทำไม…
“เลือกกระโปรงใหม่”
“กระโปรง? ฉัน?”
“พูดกับแมวมั้ง!” เขากระแทกเสียงดุพร้อมทั้งระบายลมหายใจหงุดหงิด
“คลื่นมันจะมากไปแล้วนะ”
“ไม่มาก…” ชายหนุ่มว่าพร้อมโน้มใบหน้าหล่อเหลามาใกล้สัมผัสผ่านลมหายใจ ร่างเล็กถดกายหนีแกล้งเบือนหน้ามองอีกทาง
“ถ้ามากฉันต้องเผากระโปรงเธอทิ้งแล้ว” เอ่ยเสียงเขียวก่อนมือเรียวจะควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง
“หรืออยากลองดี?”
ไฟแช็คเล็กๆ ที่เขาพกติดตัวไว้สูบบุหรี่ถูกชูขึ้นก่อนแกว่งไปแกว่งมา
“เอายังไงน้ำค้าง จะลงมาหรือให้ฉันสั่งสอนเธอก่อน”
“เป็นแค่เพื่อนไม่ใช่พ่อ!”
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นพ่อนี่”
“…”
“แต่อยากเป็น…”
“…” ริมฝีปากกระจับเม้มสนิทแน่น ยิ่งใกล้กันมากเท่าไหร่อันตราการเต้นของหัวใจเธอคล้ายสูบฉีดขึ้นสูงราวกับออกกำลังกายมาหนักหน่วง
“เป็น…”
“พอลงไปก็ได้!”
“ก็แค่นั้น” คลื่นหัวเราะในลำคอเพราะถือไพ่เหนือกว่า ชายหนุ่มดับเครื่องยนต์ก่อนอ้อมไปเดินจูงคนตัวเล็กให้ตามกันเข้าไป