หลังจากมีปากเสียงกันเสร็จน้ำค้างได้สติก่อนจึงจูงคลื่นเพื่อพากันไปยังลานจอดรถทันที หญิงสาวนำผ้าเช็ดหน้าที่พกติดกายไว้เช็ดเลือดให้กับเพื่อนรักแล้วบอกเขาว่า…
‘ฉันไม่ได้ชอบเขา’
จนกระทั่งบัดนี้ทั้งสองคนกลับมาคฤหาสน์หลังงาม ส่วนน้ำค้างก็มีหน้าที่ทำแผลให้คุณชายของบ้านอีกตามเคย เธอทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนชินเสียแล้ว
ทุกครั้งในอดีตที่เขามีเรื่องหญิงสาวนั่นแหละที่นั่งร้องไห้ไป ทำแผลไปเพราะเจ็บแทนเจ้าตัว
“…นิ่งๆ นะ อย่าบ่น”
“โอ๊ย!”
“พูดไม่ทันขาดคำ นายนี่ใจเสาะจริงๆ” พึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในจังหวะที่สำลีชุบแอลกฮออล์เช็ดลงบนแผลสดอย่างทะนุถนอม
“ใครใช้ให้นายบ้า ทำร้ายตัวเองแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้จริงเหรอว่าที่ฉันทำไปทั้งหมดมันเพราะอะไร”
“มะ…ไม่” ริมฝีปากกระจับกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ นัยน์ตาคู่งามเพ่งมองบาดแผล ไม่กล้าเงยสบตาเจ้าของประโยค
คลื่นพูดแบบนี้ชวนให้ใจหวิว…
“ถ้าไม่รู้ก็จะ…”
“ฉันขอตัวทำแผลให้นายเสร็จแล้ว” ลุกขึ้นทันควันพร้อมกล่าวลาอย่างเสร็จสรรพ
หมับ!
แต่ติดที่ว่าความว่องไวของร่างน้อยยังไม่ทันคนเจ้าเล่ห์ ชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่หญิงสาวลุกขึ้น คว้าเอวคอดกิ่วเข้าหากายพร้อมดึงเบาๆ เท่านี้เธอก็นั่งอยู่บนตักแกร่งง่ายดายราวกับจับวาง
“คลื่น!” น้ำค้างดิ้นขลุกขลักด้วยแรงอันน้อยนิด ใบหน้าหวานเบือนหนียามที่เขาใกล้ชิดเข้ามาเรื่อยๆ ชายหนุ่มเกยอยู่บนเรียวไหล่บางพร้อมทั้งพ่นลมหายใจยังใบหูจนรู้สึกร้อนผ่าว
“ฉันกำลังบอกเธออยู่นี่ไง”
“ไม่อยากรู้”
“แต่อยากบอก” เสียงเข้มขรึมอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง คลื่นรุกล้ำใกล้ชิดเสียจนน้ำค้างใบหน้าแดงจัด
“…”
“เธอเป็นของฉัน” คลื่นกระซิบกึกก้องเน้นทุกคำพูดที่เปล่งออกมาอย่างจริงจัง
“เป็นของที่ฉันไม่มีวันยกให้ใคร”
“คะ…คลื่น”
“ต่อให้ผู้ชายคนนั้นจะทำให้เธอหวั่นไหวแค่ไหน ก็ไม่มีวัน!”
“นะ…นาย” คนตัวเล็กกัดริมฝีปากเบาๆ ใบหน้าหวานเลิ่กลั่กปฏิบัติตัวไม่ถูกจะลุกขึ้นตอนนี้ชายหนุ่มก็รั้งเอาไว้
“อย่ากัดปากแบบนั้น”
“ทำไม” ไม่รู้ว่าเพราะอ่อนไหวหรืออย่างไร น้ำค้างถึงได้กล้าเอ่ยถามเขาเช่นนั้น
“เพราะมันทำให้ฉันอยาก” มือสากจับคางเรียวแหลมก่อนเลื่อนไล้สัมผัสริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ นิ้วโป้งแตะผ่านปากอ่อนนุ่มด้วยความเชื่องช้า ทุกวินาทีที่นัยน์ตาคมเข้มสีน้ำตาลประสานล้ำลึกลงมาหญิงสาววาบหวิวคล้ายผีเสื้อนับร้อยบนวนกันอยู่ในท้อง
“…”
“ทำแบบนี้” คลื่นจรดเรียวปากหยักได้รูปแนบชิด พร้อมดุนดันลิ้นร้อนสอดแทรกจนน้ำค้างหายใจไม่ทัน คนตัวเล็กควานหาอากาศอันน้อยนิด ในจังหวะที่เขายกร่างตนใกล้ชิดอย่างถนัดถนี่
“ฮะ…ฮึก!” ชายหนุ่มบีบเคล้นปลายคางเพื่อเปิดทางให้น้ำค้างอ้างปากรับจูบอ่อนหวานที่ปะปนเว้าวอน หญิงสาวไม่อาจต้านแรงเสน่หา จึงทำได้เพียงกำเสื้อนักศึกษาเขาแน่น
คลื่นจะรู้ไหมนะ ว่านี่เป็นจูบแรกของเธอ!
“จูบช้าๆ ไม่รุนแรงแต่รับรองว่าเธอจะติดใจ”
“คลื่น!”
“นะน้ำค้าง”
“ให้ได้เบาๆ”
“อืม สัญญาแต่ขอจูบก่อน” ร่างสูงพยักหน้ารับทราบ ก่อนทาบทับจุมพิตอ่อนหวานลงมาอีกครั้ง น้ำค้างให้ความร่วมมือโดยการโอบลำคอยาว ยอมให้คลื่นตักตวงจูบตามใจปรารถนา
ลิ้นสากตวัดเกี่ยวพันหยอกล้อดื่มด่ำน้ำหวานในโพรงปากฉ่ำชื้น หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวแทบหลุดออกจากอก ช่องว่างระหว่างเธอและเขาคับแคบลงถนัดตา…
นี่คือสิ่งที่คนเป็นเพื่อนทำกันหรือพวกเขาข้ามเส้นคำนั้นไปเสียแล้ว?
น้ำค้างได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจจังหวะเดียวกับที่มือหนาสอดทับเอวคอดกิ่ว ให้คนบนตักแนบชิดติดเตียงนุ่ม แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็เลื่อนจูบซับยังหน้าผากมน
“ขอบคุณสำหรับจูบแรกนะ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันเรียงสวย จรดเรียวปากลงหยอกล้อกับปลายจมูกโด่งรั้น
“มันพิเศษมากสำหรับฉัน”
“คะ…คลื่น” หญิงสาวใต้ร่างสั่นสะท้านไม่ชินกับคำพูดหวานๆ พวกนี้
ฟอด!
“นาย” มือเล็กจับแก้มนิ่มๆ หลังจากที่เขายืดตัวขึ้นเรียบร้อยแล้ว หลับตาคิดว่าคลื่นขโมยจูบที่เรียวปาก ปลายจมูก หน้าผากมน น้ำค้างแทบกรีดร้องในใจ!
ยอมรับความเขินอายไม่ได้ อยากแทบแทรกแผ่นดินหนีไวๆ!
“จะไปหรืออยากอยู่กับฉันต่อ?”
“อะ…ไอ้คนหลงตัวเอง!”
“หลงเธอ” หญิงสาวพยุงตนเองยืนรวดเร็ว พร้อมหันหลังอย่างคล่องแคล่ว ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีคนตัวเล็กรีบวิ่งหน้าตั้ง หนีจากห้องลูกชายเจ้าของบ้านทันที!
ชายหนุ่มระบายหัวเราะอารมณ์ดี เขาไม่รู้สึกแบบนี้มาเนิ่นนานแล้ว แม้แก่นกายความเป็นชายขยายใหญ่ แต่อย่างไรคลื่นก็เลือกหยุดตัวเองไว้
เพราะน้ำค้าง ‘ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น’
เธอพิเศษกว่านั้น…
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…
ร่างเล็กของหญิงสาวสองคนยืนกุมมืออยู่หน้าห้องสโมสรนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ วันนี้พี่บุ๋มนัดน้ำค้างมาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกซ้อมดาวเดือน
“แกฉันปฏิเสธตอนนี้ยังทันมั้ย” หญิงสาวหันไปถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า ที่ตั้งใจมาวันนี้ก็เพราะจะมาบอกรุ่นพี่ร่วมคณะว่าต้องการถอนตัว
“ฉันว่าไม่น่า ดูเตรียมพร้อมขนาดนั้น แกเข้าไปเถอะตกลงให้เสร็จๆ ไป ถ้าไอ้คลื่นรู้ว่าแกยังไม่ถอนตัวเมื่อไหร่ ตาย!” คะน้าดันเพื่อนรักผ่านบานประตู นิ้วชี้ของหล่อนยกขึ้นมาจ่อที่คอเบาๆ เป็นสัญญาลักษณ์ว่า…
ตายจริงๆ นั่นนะ
ว่าที่ดาวคณะกลืนน้ำลงคอเฮือกใหญ่ แล้วหญิงสาวก็ยกมือกระพุ้มไหว้รุ่นพี่ที่เดินมาทักทายทันที
“สวัสดีค่ะพี่บุ๋ม ขอโทษนะคะที่หนูมาสาย”
“ไม่เป็นไร พวกพี่ๆ ก็พึ่งมานี่แหละ ทำไมหน้าหนักใจขนาดนั้นมีปัญหาอะไรบอกพี่ได้นะ”
“ถ้าหนูจะขอถอนตัว…”
“ป๊อดเหรอน้อง” ยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงดังของไอ้รุ่นพี่ขี้แกล้งก็แทรกขึ้นมากวนโอ๊ยอีกตามเคย พี่เสือนั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก น้ำค้างจึงไม่แปลกใจอะไรถ้าเขาจะได้ยิน
“ถอนตัวน่ะได้ แต่คิดถึงสาขาเราบ้างไหมว่าจะหาใครมาแทน” เสือต่อว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนตัวสูงลุกขึ้นเดินมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“แต่หนูไม่มีความสามารถอะไร เต้นก็ไม่ได้ร้องเพลงก็ห่วยแถมหนูยังขี้อาย ไม่ไหวหรอกพี่”
“ตอนนี้ไม่มีแต่ต่อไปก็ฝึกได้นะน้ำค้าง ช่วยพวกพี่หน่อยเถอะ ไหนๆ เราก็รับปากตั้งแต่แรก”
“เด็กไม่มีความรับผิดชอบก็งี้แหละบุ๋ม”
“พี่เสืออย่ามาว่าหนูนะ พี่กล้าลองดูไหมล่ะ ว่าตัวเองทำได้อย่างที่ปากว่าหรือเปล่า”
“แล้วเราอยากให้พี่ทำอะไร” เขายื่นหน้าเข้าใกล้พร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“หือ? ว่าไงอยากให้ทำอะไร?”
“เอาหน้าออกไปห่างๆ!” ร่างเล็กแทบหันหลังหนี เธอเบือนหน้ามองไปทางพี่บุ๋มราวกับจะขอความช่วยเหลือ
“เสืออย่าแกล้งน้อง” พี่บุ๋มเหมือนรู้ทัน เพราะทันทีที่สบตารุ่นพี่สาวก็เอ่ยปากเตือนคนตัวสูงทันที
“โอเคไม่แกล้ง…แล้วสรุปอยากให้ทำอะไร” เสือยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ ชายหนุ่มแค่นหัวเราะเสียงเบาในความโก๊ะกังของรุ่นน้องสาว
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น หนูไม่อยากรู้แล้ว”
“งั้นเอาอย่างนี้ พี่ให้เวลาน้ำค้างตัดสินใจจบค่ายรับน้องยังพอมีเวลา น้ำค้างค่อยให้คำตอบพี่ดีไหม” บุ๋มหยิบยื่นโอกาสให้น้ำค้างอีกครั้ง
“พวกพี่ก็ไม่อยากบังคับใคร”
“…”
“ถ้าน้ำค้างไม่ตกลง ปีนี้พวกเราคงไม่ส่งทั้งตัวแทนฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย” คนตัวเล็กทบทวนคำพูดของรุ่นพี่แล้วก็พยักหน้าตกลงช้าๆ
“ก็ได้ค่ะ หนูจะลองเอาเรื่องนี้กลับไปคิดดูอีกครั้ง ขอบคุณพี่บุ๋มมากนะคะ”
“จ้ะ” บุ๋มยิ้มหวานเข้าใจ แล้วเบี่ยงปลายเท้าเดินไปอีกทาง
“สรุปไม่อยากฟังพี่ร้องเพลงแล้วเหรอตัวเล็ก?”
“ใครตัวเล็ก” น้ำค้างถามกลับพลางค้อนมองรุ่นพี่หนุ่มซึ่งดูเหมือนไม่สะทกสะท้านกับสายตาไม่เป็นมิตรของเธอเท่าไหร่นัก
เสือยังคงยิ้มกวนๆ เหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนสักนิดเดียว!
“เราไงตัวกะเปี๊ยกแค่นี้”
“ถ้าพี่ไม่มีอะไรจะพูดแล้วหนูขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยว!” ชายหนุ่มฉุดรั้งเรียวแขนไว้ด้วยการดึงเธอเข้าหากายเบาๆ
“พี่เสือ!”
“สนิทกับคลื่นเหรอ?”
“หะ…หืม” น้ำค้างเบิกตากว้างเพราะเธอมั่นใจว่าคลื่นไม่มีทางรู้จักรุ่นพี่ตัวร้ายนี่
“พี่ถามว่าเราสนิทกับคลื่นเหรอ”
“อืม ทำไม”
“เป็นแฟนกันเหรอ” ความตรงไปตรงมาของเสือเล่นเอาหญิงสาวอยากหยิกให้เนื้อเขียว นี่เขามาพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้กับเธอได้อย่างไรกัน
“เกี่ยวอะไรกับพี่”
“ไม่ตอบแสดงว่า…”
“ไม่ได้เป็น พอใจยัง!”
“พอใจมาก” คำพูดทิ้งท้ายซึ่งทำให้เธอแก้มแดง พร้อมทั้งสัมผัสลูบผ่านศีรษะเล็กอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเกิดจากชายหนุ่มที่เดินหันหลังจากไป
“พี่จะได้จีบสะดวก”
หญิงสาวกัดริมฝีปากก่อนถอนหายใจเบาๆ เธอเบี่ยงปลายเท้ารีบหนีออกไปจากห้องกว้างเมื่อโอกาสมาถึง
คำพูดแปลกๆ ของรุ่นพี่เสือยังคงติดตรึงในใจน้ำค้างเหมือนถูกแปะด้วยกาวตราช้าง สลัดออกจากสมองแค่ไหนก็ดิ้นไม่เลือนหาย
หญิงสาวมองรอบกายเพื่อหาคะน้า มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารเพื่อต่อสารหาเพื่อนรักโดยที่ไม่คิดเอะใจสักนิดเลยว่า
การกระทำของพวกเขาทั้งคู่ในห้องสโมสรคณะ ถูกบันทึกเอาไว้โดยโทรศัพท์มือถือของใครบางคน…
พระพายยิ้มดีใจนับว่าเป็นโชคดีของหล่อนที่เลือกตามสองเพื่อนรักนั่นมา หญิงสาวตั้งใจทำความรู้จักคะน้าเพราะต้องการใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นสะพานเข้าหาคลื่น
คราแรกหล่อนไม่รู้ว่าชายหนุ่มมี ‘เพื่อนคนพิเศษ’ ที่หวงนักหวงหนา ไม่น่าละเรื่องราวไม่กี่เดือนก่อนเขาถึงลืมมันง่ายดายนัก
แตกต่างจากเธอที่ไม่มีทางลบเลือน…
สองเดือนก่อน…
หญิงสาวในชุดสายเดี่ยวสีดำสวมเข้ากับกระโปงสั้นๆ นั่นยืนรอเพื่อนในกลุ่มที่เรียนพิเศษด้วยกัน พระพายเป็นเด็กสาวต่างจังหวัดหล่อนเข้ามาเมืองหลวงเพราะใฝ่ฝันอยากเรียนมหาวิทยาลัยที่เลื่องชื่อมากมาย
วันนั้นหล่อนถูกเพื่อนที่ไว้ใจมอมยาแทบไม่ได้สติจนทำให้ได้เจอกับ ‘คลื่น’ เจ้าชายหนุ่มแสนใจดีซึ่งเข้าช่วยเหลือ เขาให้ที่พักจนกระทั่งพระพายฟื้น
และด้วยความประทับใจทำให้พระพายลืมเขาไม่ลงสักที หล่อนพยายามสืบหาประวัติจนได้รู้ว่าเขาเข้าเรียนที่คิงตัน เป็นเพราะแบบนี้พระพายก็ตัดสินใจสอบเข้าอย่างไม่ลังเล!
โชคชะตาพัดพาให้หล่อนวนมาเจอเขาอีกครั้ง…
ทว่าสุดท้ายเจ้าชายไม่อาจจำหล่อนได้ เพราะหมอนั่นเอาแต่ใส่ใจเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘น้ำค้าง!’ ผู้หญิงที่หล่อนเกลียดหน้าตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอ!