“ฮัลโหล! สรุปรายงานกลุ่มไม่เกินสามคนใครจะอยู่ใครค่า จะนั่งเงียบกันอีกนานไหมเอ่ย!” คะน้าโพล่งเสียงเขียว หล่อนรับรู้เรื่องคลื่นกับน้ำค้างมีปัญหากัน สังเกตจากวันนี้ทั้งคู่ไม่มีแม้บทสนทนา อีกคนมองซ้ายอีกคนเมินไปขวาราวกับต่างฝ่ายไม่มีค่าในสายตา
ทำแบบนี้ก็อึดอัดกันทั้งกลุ่มไม่เว้นแม้แต่หล่อนเอง!
“ฉันยังไงก็ได้”
“กูด้วย”
“ให้มันได้อย่างงี้สิวะ รายงานอาจารย์ป้านะโว้ยหรือพวกมึงอยากแดกเอฟกันตั้งแต่ปีหนึ่ง” ก้องภพเสริมทัพอย่างมีเหตุผล รู้สึกประหลาดเพราะไม่บ่อยนักที่ทั้งสองจะมีปากเสียง น้ำค้างยอมคลื่นจะตาย ส่วนคลื่นแค่เห็นน้ำค้างร้องไห้ก็ใจอ่อนยวบแล้ว
“งั้นเอางี้ฉันคู่คะน้า ส่วนพวกนายไปทำกันสามคน” น้ำค้างเสนอทางออก หญิงสาวกักเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ยอมนั่งรถมาเรียนพร้อมคลื่นเพราะไม่อยากให้มารดารู้ว่าเมื่อคืนเขาน่ะแอบเข้าห้องเธอ
“ก็ได้นะ ฉันเห็นด้วย” พระพายยิ้มหวานคล้ายถูกใจ
“งั้นเราขออยู่ด้วยนะก้อง คลื่น”
“ได้สิ” คลื่นคลี่ยิ้มมุมปากตอบกลับพระพาย มือหนาแกว่งไฟแช็คไปมาราวกับไม่แยแสความรู้สึกน้ำค้าง ทั้งใจใกล้ถึงปะทุเต็มที่
“โอเคดีล งั้นตามนี้ก็แล้วกัน” คะน้าถอนหายใจระอากับความร้ายกาจของเพื่อนชาย หล่อนภาวนาให้น้ำค้างตัดใจจากหมอนี่สักที!
เหอะ! ถ้าน้ำค้างเมินเมื่อไหร่คลื่นจะรู้สึก!
“คะน้า ฉันยังล่าลายเซ็นไม่ครบเลยไปขอรุ่นพี่ตรงนู้นกันมั้ย” น้ำค้างไม่อาจฝืนทนดูภาพบาดตาบาดใจ เธอเห็นคลื่นพูดคุยหยอกล้อกับก้องภพและพระพายคล้ายอารมณ์ดี ในขณะที่กับตนเองเขาเมินเฉย ไม่พูดอะไรสักคำ
กัดฟันกรอกนึกโมโหคนที่แอบรัก ในเมื่อเขาเย็นชาเธอก็จะพยศใส่บ้างให้มันรู้ว่าแค่นี้จะใจแข็งใส่ชายหนุ่มไม่ได้!
“ก็ได้ไหนสมุดแก”
“นี่ ไปกันเหอะ” หญิงสาวเงยหน้าจากสมุดเล่มเล็กก็เผลอสบตาคมกริบที่ตั้งใจต่อว่า ทว่าร่างบางมองผ่านราวไม่ใส่ใจ เธอหยัดกายจูงมือคะน้า แล้วเดินไปยังทิศที่กลุ่มรุ่นพี่นั่งล้อมวงกัน
ทั้งคู่หยุดอยู่ตรงโต๊ะกลุ่มพี่ว้ากเมื่อวาน น้ำค้างจำพี่บุ๋มและพี่ๆ บางคนได้ พวกเขาอยู่ในกลุ่มดาวเดือนเหมือนกันกับเธอ
“…พี่บุ๋ม หนูขอลายเซ็นพี่ๆ หน่อยได้ไหมคะ” ถอนลมหายใจผ่อนความประหม่า กล้าๆ กลัวๆ แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ตัดสินใจโพล่งถามโดยมีคะน้ายืนอยู่ข้างๆ
“อ่าว น้องน้ำค้างงง~” พี่บุ๋มขานชื่อน้ำค้างเสียงยาว หล่อนจำสาวน้อยหน้าหวานคนนี้ได้
“หนูมาขอลายเซ็นค่า” น้ำค้างยิ้มแย้มให้รุ่นพี่ร่วมคณะหนึ่งที
“เซ็นให้หนูหน่อยนะคะ” ท่าทางน่ารักของเธอเล่นเอาหนุ่มๆ แถวนั้นแทบละลายไม่เว้นแม้แต่เสือ
“ของ่ายๆ แบบนี้จะไปสนุกอะไรล่ะ”
“พี่บุ๋มมมมมม”
“เต้นไก่ย่างให้พี่ดูหนึ่งรอบ ปฏิบัติ!”
“เอาไงดีแก”
“เต้นก็เต้น!”
“ฮือออ” คะน้าโอดครวญเสียงยาวไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตามเพื่อนตัวดีมา ต้องทำคำสั่งซึ่งเหมือนกลั่นแกล้งเสียมากกว่าถึงไม่รุนแรงก็น่าอาย
“ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผามันจะถูกไม้เสียบ! มันจะถูกไม้เสียบ! เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ~” เสียงเชียร์ปะปนโห่ร้องแซวดังก้องทั่วบริเวณลานกว้าง ภาพสาวน้อยปีหนึ่งสองคนกำลังโยกย้ายเข้ากับจังหวะเพลงเรียกทุกสายตาจากผู้คนบริเวณนั้นหมดทั้งสิ้น
เพราะคนหนึ่งมีใบหน้าสวยหวานราวกับตุ๊กตาเดินได้ ส่วนอีกคนนั้นก็สวยเก๋เป็นเอกลักษณ์ชวนมอง จึงไม่แปลกอะไรถ้าจะตกเป็นอาหารตาของใครหลายๆ คน
“สะ…เสร็จแล้ว! เซ็นให้หนูน้าพี่บุ๋ม” น้ำค้างทวงถามทันทีที่เสียงเพลงสิ้นสุดลง หญิงสาวพูดติดๆ ขัดๆ หายใจเข้าหายใจออกเพราะเหนื่อยล้า โทษใครไม่ได้อยากบ้าบิ่นเต้นเต็มที่เองนี่นา ไม่หมดแรงให้มันรู้ไป
“เดี๋ยวววสิน้องสาว” แต่ยามยื่นสมุดเล่มเล็กให้พี่บุ๋มและพี่คนอื่นกลับมีเสียงใครบางคนแทรกขัดจังหวะขึ้นมา
“ทำไมละพี่!” คะน้ากระทืบเท้าเริ่มมีน้ำโห ดูสิให้เต้นก็เต้นแล้วพวกเขายังจะเอาอะไรจากเพื่อนเธออีก
“ใจเย็นสิน้อง พี่มีอีกแค่อย่างเดียวให้น้องน้ำค้างทำ”
“หนู?” น้ำค้างย่นคิ้วมองชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างสงสัย
“บอกว่าหนูชอบพี่เสือดังๆ หนึ่งที”
“ห้ะ พี่ว่าไงนะคะ?”
“ไอ้เหนือมึง!” เสือกระชากแขนเสื้อรุ่นพี่ที่ออกคำสั่งกับเธอเมื่อสักครู่นี้ พวกเขากระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง และสุดท้ายใบหน้าหล่อเหลาก็ผ่อนลมหายใจหนักๆ พร้อมยิ้มร้ายที่มุมปาก
“ไอ้เสือตกลงแล้ว น้องบอกชอบเพื่อนพี่ง่ายๆ แค่นี้เองเดี๋ยวพวกพี่เซ็นให้ทั้งโต๊ะเลยเอา!”
“แต่หนู…”
“กล้าไม่กล้า?” ตอนแรกน้ำค้างเข้าใจว่าเสือจะห้ามเกมสุดพิลึกซะอีก แต่ทำไมอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นให้ท้ายเพื่อนตนเองได้
“อยากแกล้งหนู เพราะพี่ไม่พอใจเรื่องเมื่อวานใช่ไหม!”
“หรือที่ไม่กล้าเพราะเราคิดจริง?” เสือแสยะยิ้มยียวน
“พี่!” น้ำค้างค้อนมองเสือแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ หญิงสาวเกลียดใบหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่คนนี้นัก ปฏิเสธแค่ครั้งเดียวทำไมต้องทำราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเธอด้วย
“ก็ได้หนูจะทำ!”
“ไอ้น้ำ!”
“แกปล่อย แกก็รู้มาขนาดนี้แล้วฉันจะเสียหน้าไม่ได้” กระซิบกระซาบได้ยินกันสองคน
“เออ ก็ได้” คะน้าถึงกับถอนหายใจในความดื้อด้านของเพื่อนรัก มีอย่างที่ไหนกล้าบอกชอบผู้ชายกลางลานกิจกรรม
“…คอยดูแล้วกัน” น้ำค้างชูสองนิ้วส่งสัญญาณให้รับรู้ จนชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ หญิงสาวหันหลังกลับไปแค่อึดใจเท่านั้นเธอก็หลับตาปี๋พร้อมตะโกนในสิ่งที่น่าอายที่สุด
“หนูชอบพี่เสือ!”
เสียงหวานดังสะท้อนลานกว้างคณะ ส่งผลให้ทุกสายตาไม่เว้นแม้แต่ คลื่น ก้องภพ และพระพายประสานตรงมาที่เธอ ชั่วพริบตาน้ำค้างหลับตาปี๋ก่อนลืมขึ้นอีกทีเมื่อจบประโยคห่ามๆ นั่น
เธอหมุนกายเพื่อจบภารกิจบ้าๆ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าชายหนุ่มที่บอกชอบนั้นมาอยู่ข้างหลังตนเองเสียแล้ว!
“พี่เสือ!”
“ขอบคุณนะที่บอกชอบพี่ น้ำค้างน่ารักมากกก” เขาโน้มหน้าหล่อเหลาพลางกระซิบข้างใบหูเล็ก เสียงทุ้มลากยาวพร้อมนัยน์ตาแพรวพราวขยิบให้เธอหนึ่งที
“ฮิ้ววววววว!” เสียงแซวส่งท้ายดังเข้าสู่โสตประสาท เล่นเอาน้ำค้างรู้สึกเหมือนจะวูบลงไปกองอยู่บนพื้น แต่มือหนาของคนตรงหน้ากลับประคองเธอเอาไว้
“เอาแล้วโว้ยยยยย!”
“หนูยืนเองได้”
“ครับๆ รู้แล้วว่าเก่ง”
“ไหนล่ะลายเซ็น”
“นี่ไง” เสือยื่นสมุดทั้งสองเล่มให้คนตัวเล็กก่อนผละออกห่าง น้ำค้างกลืนน้ำลายลงคอพลางเบี่ยงสายตาจ้องมองพื้น เธอรู้สึกอับอายเกินทน
ไอ้พี่บ้า! ไอ้คนกะล่อน!
หญิงสาวได้แต่ก่นด่าเสือในใจ
“ไปเถอะแก” เสียงเรียกของคะน้าช่วยดึงสติเธอไว้ได้ทัน หล่อนจูงเพื่อนสาวคนสนิทเดินออกไปจากเหล่ารุ่นพี่วายร้าย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาใครบางคนซึ่งลุกกำหมัดทันทีที่ได้ยินประโยคแสลงใจ!
ซ่า! ซ่า!
เสียงเปิดน้ำยังอ่างล้างหน้าดังสนั่นห้องน้ำหญิงที่อยู่ไม่ไกลจากใต้ตึกคณะ น้ำค้างรีบเผ่นออกมาทันทีหลังจากเรื่องราวน่าอับอายที่เหล่ารุ่นพี่สุดโหดแกล้ง
เธออยากจะทึ้งศีรษะแล้วต่อว่าตนเองทำไมถึงได้บ้าบิ่นทำในสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะกล้าตลอดชีวิตนี้!
บอกชอบใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย…
ยิ่งเป็นคนที่รู้สึก ‘รัก’ อยู่เต็มหัวใจแล้วยิ่งยากกว่านี้เป็นร้อยล้านเท่า
“ยายโง่! เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ น้ำค้าง!” ต่อว่าตนเองในกระจกเงา ภาพหญิงสาวหน้าแดงระเรื่อคนนั้นยังติดอยู่จนกระทั่งวินาทีนี้
ล้างไม้ล้างมือก่อนเอาน้ำเย็นลูบหน้าเพื่อดับอาการประหม่าให้ลดลง ทว่าจังหวะก่อนออกจากห้องน้ำใครบางคนกลับดักรอราวกับไม่ยอมให้หลีกหนีไปไหน
“คลื่น!”
“ทำไมเห็นหน้าฉันต้องตกใจขนาดนั้น? เธอกลัวฉันตั้งแต่เมื่อไหร่น้ำค้าง?” เขาไล่ต้อนร่างเล็กให้เข้าไปในห้องน้ำอย่างถือวิสาสะ
“ลองส่องกระจกดูมั้ยว่าหน้าตานายตอนนี้มันเหมือนยักษ์แค่ไหน”
“นี่เธอ!”
“อะไร หายโกรธแล้วเหรอถึงพูดกับฉันได้”
ปัง!
ประตูห้องน้ำถูกปิดดังสนั่นจนร่างบางเผลอสะดุ้งเฮือก แววตาคมเข้มเปรียบเสมือนเปลวไฟที่พร้อมแผดเผาคนตัวเล็กให้ทรมานไปพร้อมกัน
“สนุกพอหรือยัง!”
“นะ…นาย” เสียงนุ่มสะดุดขาดออกจากกัน ใบหน้าหวานปานตุ๊กตาซีดเผือดไร้สีสัน น้ำค้างเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอไม่ต้องการรับรู้ความปวดร้าวในแววตาคู่นั้น
ใจดวงน้อยยวบยาบเหลวเป็นน้ำ เพราะความเข้มแข็งที่มีพังทลายลงไม่เหลือซาก
“เธอชอบมันเหรอ ชอบรุ่นพี่คนนั้นจริงๆ ใช่ไหม” มือหนาลงน้ำหนักกดไหล่มนคล้ายคาดคั้นคำตอบ
“ฉัน…”
“หรือมีใครอีกที่ฉันยังไม่รู้”
“…คลื่น” คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ หญิงสาวก้มหน้ามองพื้นเพื่อกลบเกลื่อนความอ่อนไหวในใจ
“ใครน้ำค้าง…ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”
“…” เรียวปากกระจับขบกัดแน่น ไม่อาจเอ่ยบอกได้ว่าผู้ชายคนนั้น คือคนที่อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง…
มากกว่าคำว่า ‘ชอบ’ เสียด้วยซ้ำ มันกลายเป็นคำรักมากตั้งแต่เมื่อไหร่…
เธอไม่เคยรู้ตัวจนกระทั่งวันหนึ่งเสียเขาไป
“ฉันถาม!”
“คลื่นฉัน…”
“โว้ย!” ปลายจมูกโด่งรั้นปล่อยลมหายใจหนักหน่วง มัดหนักๆ ชกลงบริเวณกำแพงห้องน้ำ เลือดสีแดงฉานปรากฏขึ้นไม่ต้องบอกก็คาดเดาได้ว่าร่างสูงเจ็บปวดแค่ไหน
“คะ…คลื่น” น้ำค้างตัวสั่นราวกับนกตกปีกหัก การกระทำของคลื่นวันนี้ทำให้เธอตื่นกลัว
“…ฉันขอโทษ” และเหมือนเขาจะรู้ตัว มือกระด้างลูบหน้าสับสน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนไม่แม้แต่มองใบหน้าจิ้มลิ้มของเพื่อนสาว
ความอ่อนไหว หรือเจ็บตรงหัวใจทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กันนะ…
เพราะน้ำค้างเคยอยู่เคียงข้างเขามาตลอดใช่ไหม?
หรือแค่หวงเพราะกลัวเสียของรักไป?
ความรู้สึกแบบนี้คลื่นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ซะทีเดียว ลึกลงในใจเขามีบางสิ่งบางอย่างมากกว่านั้น
“…”
“ฉันบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกพวกนี้คืออะไร” มือที่แตกหักสั่นเทา คลื่นพรั่งพรูระบายเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้
“รู้ตัวอีกทีฉันก็ไม่อยากให้เธออยู่ใกล้ใคร”
“…” คนตัวเล็กกัดเรียวปากเข้าหากัน
“ขอโทษนะ…”
“ฮะ…ฮึกพอเถอะคลื่น” เสียงสั่นไหวของหญิงสาวห้ามปรามแผ่วเบา เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นผู้ชายคนนี้ปวดร้าว ยิ่งเขาแตกสลายเท่าไหร่กลายเป็นน้ำค้างทุกข์ระทมยิ่งกว่า
“ฉันขอ” ตัวเล็กได้จังหวะกอดเอวสอบพร้อมโถมแรงทั้งหมดเพื่อหวังให้เขารับฟัง
“อย่าทำร้ายตัวเองเพราะฉัน ฉันทนไม่ได้จริงๆ” น้ำตาไหลอาบแก้มนวล น้ำค้างปลดปล่อยความเสียใจจนเปียกชุ่มเสื้อนักศึกษาสีขาวของคลื่น ชายหนุ่มปล่อยแขนแนบลู่ลำตัวช้าๆ อยากเอื้อมไปโอบกอดเธอกลับไม่กล้าพอ…
ไม่กล้าพอจริงๆ…
ผู้ชายขี้แพ้อย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากฟังเธอร้องไห้ซ้ำไปซ้ำมา เสียงใสสะท้านดังเข้าสู่โสตประสาทครั้งแล้วครั้งเล่าทำไมกันนะ…
ความสับสนพวกนี้ต่อให้พยายามขจัดมันไปแค่ไหน ก็ไม่อาจทำได้เลยสักครั้งเดียว
…หรือเขา จะตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้อีกครั้งแล้วจริงๆ?