3.1

1156 คำ
บทที่ 3 “หวาน ลากรักออกมาทำไมล่ะ รักยังไม่พูดไม่จบเลยนะ” “ขืนปล่อยให้รักพูดจนจบมีหวังหวานได้ตกงานกันพอดี รักนะรักทำกันได้ลงคอ” แสนหวานถึงกับยกมือขึ้นเท้าสะเอว ตีหน้ายักษ์ใส่แสนรักที่ยังมีสีหน้างุนงง แสนรักไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าตัวเองทำผิดตรงไหนแสนหวานถึงได้ทำหน้ายักษ์ใส่กัน “ก็รักไม่เห็นว่าคุณบารเมษฐ์จะน่าหยุมหัวอย่างที่หวานว่าเลยสักนิด ดูสุภาพจะตาย” “รักไม่ได้อยู่กับคุณเมษฐ์ทุกวันอย่างหวานรักไม่มีทางรู้หรอก” “อ้าว ตอนนี้หวานย้ายไปอยู่กับคุณบารเมษฐ์แล้วเหรอ แล้วย้ายไปอยู่ในฐานะอะไรล่ะ” แสนรักถามอย่างพาซื่อ ทั้งยังทำท่าเขินอายอย่างคนที่กำลังคิดไปไกลถึงความสัมพันธ์ระหว่างแสนหวานกับบารเมษฐ์จนแสนหวานต้องถอนหายใจ “หวานไม่คิดเลยว่านะคุณเลขาฯ คนเก่งของประธานบริษัทผลิตเครื่องนอนยักษ์ใหญ่ที่สุดในประเทศจะซื่อใสไร้เดียงสามากขนาดนี้” “อ้าว ก็หวานบอกเองนี่นาว่าอยู่กับคุณบารเมษฐ์ทุกวัน ทุกวันก็แปลว่าแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ใช่หรอกเหรอ” แสนรักเอียงคอถามอย่างหน้าซื่อตาใสแบบที่ไม่ใช่การเสแสร้งแต่เพราะเจ้าตัวเป็นแบบนั้นจริงๆ ทำเอาแสนหวานถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “โอเครัก เรื่องนี้หวานผิดเองที่พูดไม่ชัดเจน” “อื้อ รักเข้าใจได้ ไม่เป็นไรนะ รักไม่โกรธหวานหรอก” แสนรักพยักหน้าหงึกๆ ทำเอาแสนหวานโกรธไม่ลง นี่ถ้าแสนดีอยู่ตรงนี้ด้วยคงจะรู้สึกไม่ต่างจากที่เธอกำลังรู้สึก แสนรักเป็นข้อยกเว้นที่ทำให้เพื่อนในกลุ่มต่างไม่มีใครโกรธลง แสนหวานไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งแสนหวานและแสนรักต่างหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง “หวาน รัก” “หนูดี” แสนหวานกับแสนรักเรียกแสนดีพร้อมกัน ทั้งสามคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เพราะว่าชื่อต้นเหมือนกันเลยทำให้ทั้งสามคนถูกชะตาตั้งแต่ได้เจอกันครั้งแรกและเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “ไม่รู้เลยว่าหวานกับรักก็มาวันเกิดคุณสิรดาเหมือนกัน” “หวานก็เพิ่งมาเจอรักในงานเมื่อสักครู่นี่แหละ” แสนหวานบอก “หนูดีมากับเจ้านายเหมือนกันใช่ไหม” “ใช่จ้ะ เจ้านายของหนูดีเข้างานไปแล้ว พอดีหนูดีลืมหยิบของขวัญออกมาจากรถ ก็เลยต้องเดินกลับไปที่รถ นี่ไง” แสนดีโชว์กล่องของขวัญในมือ “ว่าแต่หวานกับรักทำไมมาอยู่ตรงนี้กันล่ะ” “เฮ้อ” แสนหวานถอนหายใจ “ถอนหายใจแบบนี้แสดงว่ารักต้องก่อเรื่องอะไรแน่ๆ ” แสนดีอมยิ้ม “เปล่านะ รักไม่ได้ก่อเรื่องอะไรเลย แค่ทักทายคุณบารเมษฐ์นิดหน่อยเอง” “นิดหน่อยของรักแต่อาจทำให้หวานตกงานได้” “รักแค่จะบอกว่าคุณบารเมษฐ์ออกจะดูสุภาพไม่เห็นจะน่าหยุมหัวอย่างที่หวานเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลย” เป็นธรรมดาในยามที่กลุ่มเพื่อนนัดเจอกัน บทสนทนาก็จะหลากหลายทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน โดยเฉพาะอย่างหลังที่แสนหวานมักจะเล่าอย่างหมดเปลือกว่าเจ้านายสุดหล่อของเธอนั้นบ่อยครั้งที่เขาทำตัวให้เธอรู้สึกอยากจะหยุมหัว แต่ลืมไปเสียสนิทว่าแสนรักก็คือแสนรัก เป็นคนที่ซื่อจริงๆ ไม่ใช่เพราะจงใจปั้นแต่ง คราวหน้าคราวหลังแสนหวานคงต้องระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายเผลอหลุดปาก ไม่ใช่สิ คงจะเรียกว่าหลุดปากไม่ได้ คราวหลังเธอคงจัดการปิดปากแสนรักให้สนิทไม่อย่างนั้นเธอคงได้ตกงาน หรือไม่ก็โดนบารเมษฐ์หยุมหัวแน่ๆ “หนูดีเข้าใจหวานนะ” แสนดีหัวเราะเบาๆ ได้แต่มองเพื่อด้วยความเห็นใจ และอดเอ็นดูกับความซื่อใสของแสนรักไม่ได้จริงๆ “ไว้เจอกันนะ หนูดีต้องรีบเอาของขวัญไปให้เจ้านาย” “บ๊ายบายจ้ะ ไว้เจอกัน” แสนหวานกับแสนรักโบกมือลาแสนดีพร้อมกัน แสนหวานหันมาหาแสนรักที่กำลังเอียงคอมองมาที่เธอคล้ายมีคำถาม “มองรักอย่างนั้นหวานมีอะไรหรือเปล่า” “สัญญามาก่อนว่าหากบังเอิญเจอคุณเมษฐ์อีกรักจะไม่เล่าให้คุณเมษฐ์ฟังว่าหวานพูดถึงเขาลับหลังว่ายังไงบ้างโอเคไหม ไม่อย่างนั้นหวานได้หางานใหม่แน่” “ทุกเรื่องเลยเหรอ” “ใช่ ทุกเรื่อง รักห้ามพูดเด็ดขาด ห้ามๆๆ ” แสนหวานยกมือขึ้นทำท่ากากบาท แสนรักเห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อนก็พยักหน้ารับปากด้วยสีหน้าจริงจังไม่ต่างจากแสนหวาน “ได้สิ รักจะไม่ปริปากเด็ดขาด สัญญาเลย” “หวานมาแล้วค่ะคุณเมษฐ์ รอนานไหมคะ” แยกจากแสนรักแสนหวานก็ตรงดิ่งมาหาบารเมษฐ์ที่ยังคงยืนรออยู่ที่เดิมตรงซุ้มขนม และตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่เจ้าของงานวันเกิดอย่างคุณสิรดาจะเป่าเค้กแล้ว ซึ่งหลังจากที่เจ้าของงานเป่าเค้กบารเมษฐ์ก็ตั้งใจจะกลับทันที “นาน แต่ผมมีทางเลือกอื่นอีกงั้นหรือ” แสนหวานแกล้งทำหน้าเจื่อนคล้ายรู้สึกผิดกับคำตำหนินั้น แต่ในหัวก็คืออยากจะโต้แย้งกลับไปว่าอันที่จริงเธอหายไปไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่จำต้องรักษาภาพลักษณ์เลขาฯ ที่พยายามดีเอาไว้ “หวานขออภัยสิบครั้งค่ะ และจะชดใช้ด้วยการตั้งใจทำงานให้คุณเมษฐ์อย่างสุดความสามารถ” “ตั้งใจทำงานและตั้งใจพูดถึงผมลับหลังอย่างสุดความสามารถด้วยหรือเปล่า” แสนหวานเผลอทำตาโต เรียวปากเต็มอิ่มเผยอน้อยๆ เพราะความตื่นตกใจที่ได้ยินบารเมษฐ์พูดออกมาแบบนั้น แต่พอตั้งสติได้ก็รีบแก้ไขสถานการณ์ “แหมมมม คุณเมษฐ์ก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิคะ จริงๆ หวานก็แค่แบ่งปันเรื่องราวบางช่วงในชีวิตของหวานให้เพื่อนฟังก็แค่นั้นเองค่ะ” มาถึงตรงนี้แสนหวานจำเป็นต้องทำทุกทางแม้ว่าสีข้างจะถลอกปอกเปิกไปหมดแล้วก็ตาม ใช้รอยยิ้มจริงใจเข้าสู้ มาถึงขนาดนี้แสนหวานจำต้องไปให้สุด สุดท้ายดวงตาคมปลาบที่จ้องเขม็งก็ยอมพ่ายแพ้เพราะอิดหนาระอาใจกับคุณเลขาฯ ที่แถจนสีข้างถลอกเต็มทน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม