ผมตื่นแต่เช้ารีบออกมาส่องดูไอ้คาลว่ามันยังอยู่ดีหรือเปล่า หรือว่าโดนผีหลอกจับไข้หัวโกร๋นไปแล้ว พอมาถึงศาลาผมก็ต้องประหลาดใจ เมื่อไม่เห็นไอ้คาลอยู่ที่นี่ แถมเต็นท์ยังถูกเก็บออกไปแล้วเรียบร้อย หายไปไสของมันวะ ฮึว่ามันสิหนีเมือกรุงเทพไปแล้ว อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหนึบที่หัวใจขึ้นมา มันคงหนีกลับไปแล้วจริง ๆ ใช่ดิวะ ใครจะมาทนเด็กบ้านนอกเอาแต่ใจแบบกูได้ คนรอเสนอตัวให้มันก็มีตั้งเยอะแยะ “หาอะไรอยู่หรอ” อยู่ ๆ ไอ้คาลก็โผล่เข้ามากระซิบข้างหูผมในระยะประชิด จนผมต้องสะดุ้งโหยง “มะ มึงมาแต่ไสหนิ” (มะ มึงไปไหนมา) โล่งใจฉิบหาย มันยังอยู่นี่ไม่ได้หอบเสื้อผ้าหนีกลับกรุงเทพอย่างที่ผมคิด “กูตื่นมาช่วยหลวงพ่อกวาดขยะหน้าศาลาใหญ่น่ะ” “ฮะ มึงพ้อหลวงพ่อแล้วสั่นเบาะ” (ฮะ มึงเจอหลวงพ่อแล้วงั้นหรอ) “เออ! พ้อแล้ว มึงหัดบ่ดีเด้อบักเซียง เป็นหยังจังเอาหมู่มานอนหน้าเมรุจังซี่ มึงเป็นบ้าสั่นติ” (เออ เจอแล้ว! มึ