หนึ่งมิตรชิดใกล้ 8 ชอบคนจริงใจ
"คุณ! ไหวหรือเปล่าคะ" หญิงสาวถามเขาออกมาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสันกรามขบกันจนขึ้นเป็นนูนเมื่อเวลาที่เธอเช็ดตามแผล
"ไม่ต้องสนใจฉันรีบทำไป"
"หน้าคุณซีดและเหงื่อเยอะมากเลยนะคะ"
"บอกว่าให้รีบทำ" เสียงทุ้มตวาดดังขึ้นมา
"ค่ะๆ" ญารินดาก้มหน้าทำต่อไปแต่ก็ไม่วายที่จะตำหนิเขา
"คนอุตส่าห์เป็นห่วงพูดดีๆหน่อยก็ไม่ได้ผู้ชายอะไรปากดีชะมัดเลย" ญารินดาเธอบ่นออกมาเป็นภาษาไทย
"พูดอะไรของเธอ" สายตาคมตวัดมองมาที่ริมฝีปากอวบอิ่ม มันคงเป็นประโยคที่ไม่ใช่การชมแน่ๆเพราะสีหน้าท่าทางของเธอมันฟ้องออกมาชัดเจนว่าเธอว่าเขาเพียงแต่เขาฟังไม่เข้าใจเท่านั้น
"เปล่าค่ะ ฉันแค่บอกว่าคุณเก่งมากเลยทนเจ็บขนาดนี้ได้" เธอรีบตอบปัดออกไป
ในขณะเดียวกันดอมินิกก็หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดๆไถๆรอเวลาไปในช่วงที่เธอทำแผลให้เขา
"แผลก็ลึกฉันเองก็ไม่ใช่หมอไม่ใช่พยาบาลยังจะมาไว้ใจให้ทำแผลอีก ทำไปๆก็บ่นไม่เคยจะพูดดีด้วยเลย ไอเด็กปากดีเอ้ย" เธอยังคงบ่นเป็นภาษาไทยไปเรื่อย แต่ก็ต้องทำใบหน้ายิ้มแย้มขณะพูดเพื่อให้ดอมินิกไม่สงสัยว่าเธอพูดไม่ดีหรือนินทาเกี่ยวกับตัวเขา
"บ่นเสร็จหรือยัง" ชายหนุ่มถามขึ้น
"เปล่านี่คะ ฉันไม่เห็นบ่นอะไรเลยแค่บอกว่าคุณอดทนเก่งมากเลย ฉันจะรีบทำแผลคุณให้เสร็จไวๆ"
"จริงใจหน่อยสิ"
"ฉันพูดจริงนะไม่ได้ว่าไม่ได้บ่นอะไรคุณเลย" ดอมินิกจึงยื่นโทรศัพท์ให้เธอดู ข้อความบนหน้าจอมันทำให้อุปกรณ์ที่เธอกำลังคีบสำลีถึงกับร่วงหล่นลงพื้นเธอไม่รู้เลยว่าเขาเปิดแปลภาษาไว้
"ขะ ขอโทษค่ะ ฉัน...เอ่อ...ฉันแค่..." เธอไม่รู้จะแก้ตัวว่ายังไงเพราะมันแปลออกมาตรงเดะกับที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่
"รีบๆทำ"
"ค่ะ"
"อ่อ! ต่อไปไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณก็ได้เอาที่เธอสบายใจอยากเรียกอะไรก็เรียกเพราะฉันคิดว่าเธอคงไม่อยากจะเรียกฉันคุณเท่าไหร่หรอก"
"ไม่จริงค่ะ คุณเป็นลูกท่านประธานฉันก็ต้องให้เกียรติคุณเรียกคุณเพราะๆอยู่แล้วค่ะ" ที่บ่นไปก่อนหน้านั้นก็เพราะนายว่าฉันก่อนต่างหาก เธอได้แต่พูดตอบเขาในใจ
"เอาจริงๆฉันชอบคนจริงใจไม่ชอบคนโกหก เธออยากเรียกยังไงพูดออกมาได้เลย"
"เอ่อ...เอา เอางั้นเหรอคะ"
"อื้ม ที่จริงฉันกับเธออายุไม่ได้ห่างกันมากเราคงเป็นเพื่อนกันได้ หรือเธอว่าไง" ก็คงต้องรู้สึกดีแหละที่ลูกท่านประธานอุตส่าห์ลดตัวมาเป็นเพื่อนด้วย
"เอ่อ...ก็ได้งั้นเรียกชื่อหรือเรียกนายละกัน ฉันเกิดก่อนนายเป็นพี่ตั้งสามปี นี่แหละความจริงใจของฉันโอเคไหม" เมื่อเขาให้โอกาสพูดเธอจึงไม่พลาดที่จะบอกความในใจของตนเอง
"ได้สิฉันไม่ซีเรียส"
"อื้ม...โอเค้" ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มออกมา ญารินดารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเขาให้ความเป็นกันเองกับเธอ ในขณะเดียวกันเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้เขาไป
"เสร็จแล้ว" ญารินดาปิดผ้าพันแผลพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ลงกล่อง กว่าญารินดาจะทำแผลเสร็จวิสกี้ในมือของดอมินิกก็หมดขวดพอดี เธอเก็บอุปกรณ์ทำแผลเข้าที่และดวงตาโตก็เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่หญิงสาวถึงกับตกใจเพราะตอนนี้มันตีสามจะตีสี่แล้ว
การทำแผลถือว่าลุล่วงไปด้วยดี ถึงแม้จะใช้เวลาค่อนข้างนานก็ตามเพราะญารินดาเธอจะไม่ใช่หมอไม่ใช่พยาบาลแต่เธอก็ทำมันออกมาได้สำเร็จ
"อืม..."
"ฉันว่านายคงเมาแล้วแหละทานยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วนอนเถอะ และหวังว่าตับนายคงไม่ทำงานหนักจนเกินไปนะทั้งเหล้าทั้งยาเลยคืนนี้"
"ฉันไม่เป็นไร"
"งั้นเดี๋ยวฉันจะกลับแล้วนะ"
"นี่ก็ใกล้จะตีสี่แล้วเธอค้างที่นี่แหละ จะนอนห้องข้างๆหรือโซฟาก็ได้แล้วแต่เธอ" คำชวนของเขาทำให้ญารินดาลังเล นี่ก็ตีสามจะตีสี่จริงๆถ้าออกไปตอนนี้ก็คงอันตรายเธอจึงตัดสินใจค้างที่นี่
"อื้ม ก็ได้เดี๋ยวตอนเช้าฉันจะรีบกลับไม่อยู่นานแน่นอน"
"เรื่องของเธอ" หลังจากฟังคำตอบของญารินดาและพูดกับเธอแล้วดอมินิกจึงเดินเข้าห้องนอนของตนเองไป
"ชิ! เรื่องของเธอ(ญารินดาทำเสียงล้อเลียนเหมือนเสียงของดอมินิก) ขอบคุณสักคำก็ไม่มี" เธอได้แต่พูดตามเขาหลังจากที่ชายหนุ่มออกไปแล้ว
ในที่สุดญารินดาก็ต้องนอนค้างที่เพนท์เฮ้าส์ของดอมินิก แทนที่หญิงสาวจะนอนห้องนอนอีกห้องที่อยู่ข้างๆเธอใช้โซฟาตัวที่นั่งทำแผลให้ดอมินิกนั้นเป็นที่นอนในคืนนี้
หญิงสาวตื่นมาในช่วงเก้าโมงเช้า เธออาบน้ำแต่งตัวโดยใช้ชุดเดิมก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องนอนของดอมินิกเพื่อจะบอกลาเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ก่อนที่เธอจะออกไป
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! หญิงสาวเคาะประตูอยู่สักพักก่อนจะได้ยินเสียงคนข้างในตะโกนออกมา
"อื้ม ว่าไง" เมื่อญารินดาได้ยินเสียงตอบออกมาจากข้างในเธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป
"ฉันจะกลับแล้วนะ โอ๊ะ!...ทำไมหน้านายแดงแบบนั้น" ญารินดามากล่าวคำบอกลาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อหันไปเห็นใบหน้าของดอมินิกที่มีสีแดงก่ำ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแตะที่หน้าผากของเขา
"โห...ตัวร้อนจี๋เลย"
"ไม่ต้องมายุ่ง จะไปก็รีบไป" ดอมินิกปัดมือเธอออกจากหน้าผากของตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่ร่างกายของตัวเองอ่อนแอต่อหน้าคนอื่น
"ไม่ได้หรอกฉันไปตอนนี้ไม่ได้หรอกถ้าอาการนายยังคงเป็นแบบนี้ ฉันว่านายไปหาหมอดีกว่านะ"
"ไม่!" คนป่วยรีบหันหลังให้กับเธอแล้วก็หลับตาลงทันที
"เฮ้อ! ถ้างั้นเดี๋ยวฉันเอาผ้ามาเช็ดตัวแล้วทำอาหารให้นายก็แล้วกันจะได้กินยาแล้วนอนพักผ่อน"
หลังจากที่เช็ดตัวให้กับดอมินิกเสร็จแล้วญารินดาจึงเข้าครัวทำอาหารง่ายๆให้กับชายหนุ่มเพื่อให้เขาได้ทานแล้วจะได้ทานยาแก้อักเสบและยาลดไข้
หลังจากที่ดอมินิกได้ทานข้าวและยาลงไปสักพักแล้ว อีกทั้งญารินดาได้เช็ดตัวให้จึงทำให้อาการเขาดีขึ้น
"ไข้ก็ลดแล้วงั้นฉันขอตัวกลับนะ คราวนี้กลับจริงๆ" เธอบอกกับดอมินิกในขณะที่เช็ดตัวให้กับชายหนุ่มเสร็จ
"เอาบัตรเครดิตในกระเป๋าฉันไปซื้อเสื้อผ้าและของที่เธอจะทำกับข้าว" ดอมินิกพูดขึ้นในขณะที่ตายังหลับอยู่
"หมายความว่าไง"
"แผลฉันยังไม่หายดี เธอต้องดูแลฉันรวมทั้งเรื่องอาหารการกินให้ฉันด้วย"
".....อะไรของเขาวะ" เธอสบถเบาๆ
"ถ้าเธอไม่ยากทำอาหารจะสั่งมาทานก็ได้แต่เธอต้องคอยดูแลฉันก่อน"
"วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันพักผ่อนของฉันถ้านายอยากให้มีคนดูแลทำไมไม่กลับบ้านล่ะ"
"ฉันให้ค่าจ้างเธอครึ่งหนึ่งของเงินเดือนของเธอ เพื่อเป็นการตอบแทนในสองวันนี้ที่เธอดูแลฉัน"
"ก็ได้ จริงๆฉันไม่ได้งกหรอกนะแค่เห็นใจนายเท่านั้นแหละ" ญารินดารีบตอบทันที เพราะที่ดอมินิกให้นั้นมันมากมายเลยทีเดียว เธอจำเป็นต้องเก็บเงินส่งไปให้ยายทำแปลงเกษตรและส่งน้องชายเธอเรียนหนังสือ
"เอาละฉันจะนอน ตื่นมาอีกทีเธอค่อยมาล้างแผล"
"โอเคได้ นายพักผ่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะเก็บกวาดและซักเสื้อผ้า"
"อืม"
สองวันกับการที่ญารินดาเฝ้าดูแลดอมินิกอย่างใกล้ชิด อาการของเขาดีขึ้นตามลำดับอาการไข้ตัวร้อนจะมีแค่ช่วงวันเสาร์เท่านั้น ส่วนวันอาทิตย์หลังจากที่เธอทำแผลให้กับเขาปรากฏว่าแผลแห้งลงและดีขึ้นอีกทั้งชายหนุ่มก็ได้จ่ายเงินให้เธอตามสัญญา
รุ่งเช้าวันจันทร์....
"ฉันขอตัวไปทำงานนะ และขอบใจสำหรับค่าจ้าง"
"อืม"
"ไปล่ะ บาย"
"เดี๋ยว!"
"หืม ว่าไง" เธอหันกลับมาตามเสียงเรียก
"เย็นนี้หลังจากเลิกงานเธอแวะมานี่ก่อน วันนี้ฉันยังไม่ไปเรียนและไม่เข้าบริษัท"
"แต่ว่า"
"ฉันบอกพ่อเรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง เอาเอกสารที่เธอจะสอนงานฉันมาด้วย"
"อ๋อ โอเคได้เลย" พอเห็นเขาอยากที่จะเรียนรู้งานเธอจึงไม่ปฏิเสธที่จะมาที่นี่อีกครั้ง
ญารินดามาทำงานตามปกติ โชคดีที่วันนี้ไม่มีประชุมและไม่มีงานค้างทำให้เธอมีเวลาที่จะเตรียมเอกสารต่างๆที่ไปเอาไปให้ดอมินิกศึกษา
ตกเย็นหลังจากเลิกงานญารินดานำเอกสารมาที่เพ็นเฮ้าส์ของดอมินิกอีกครั้ง และครั้งนี้ชายหนุ่มไม่อิดออดที่จะเรียนรู้งาน เขาตั้งใจฟังทุกอย่างที่ญารินดาสอนงานจนกระทั่งเสร็จ
"เสร็จแล้วใช่ไหม"
"ใช่ วันนี้เอาแค่นี้ก่อนเดี๋ยววันหลังฉันจะให้นายดูเกี่ยวกับงบต่างๆและวาระการปรชุมของแต่ละเดือน"
"อืม ถ้าเสร็จแล้วเธอโทรหามีนให้ฉันหน่อยสิ"
"ห่ะ! อะไรนะ"
"อย่างที่ได้ยิน โทรนัดเธอไปทานข้าวให้ฉันหน่อย"
"ก็ได้" เธอตอบเสียงอ่อย
"อ่อ! ช่วยสั่งดอกไม้ให้มีนีนสักช่อให้ด้วยนะ"
"นายจะให้ฉันสั่งดอกอะไร"
"มันเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องรู้ว่ามีนีนชอบดอกไม้อะไร ชอบสีอะไร ทานอาหารชอบแบบไหนร้านอะไร เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้ามีนีนเธอชอบแบรนด์อะไร แล้วก็จัดการจัดหาให้เธอได้เลย" ที่แท้ที่เขาตั้งใจเรียนรู้งานก็เพราะอยากจีบสาวนี่เอง
ญารินดาทำตามที่ชายหนุ่มสั่งอย่างว่าง่าย ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่ทำเพราะดอมินิกเองก็ตั้งใจรับการติวหนังสือและเรียนรู้งานกับเธอเป็นอย่างดี อีกทั้งรายได้ที่ท่านประธานให้มานั้นมันมากและคุ้มค่าเหลือเกิน
หลังจากวันนั้นที่ดอมินิกและเมลานีได้เริ่มทานข้าวและรู้จักกันทำให้ทั้งสองตกลงปลงใจที่จะคบกันแบบแฟนเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ดอมินิกเปย์มันถูกอกถูกใจเมลานีเป็นอย่างมาก
ยิ่งได้ทราบว่าดอมินิกเป็นทายาทของเศรษฐีอันดับหนึ่งของฝรั่งเศสและเป็นเบอร์ต้นๆของโลกแล้วบวกกับรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของชายหนุ่มไม่มีเหตุผลใดที่เมลานีจะปฏิเสธความรักจากเขาเลย
ทั้งสองปลูกต้นรักกันมาเรื่อยๆถึงขั้นที่เมลานีมากินนอนด้วยกันกับชายหนุ่มที่เพ็นเฮ้าส์ แต่ก็ไปๆมาๆไม่ได้ค้างที่นี่นาน สาเหตุคงเป็นเพราะพ่อของเธอที่เป็นถึงเอกอัครราชทูตมันคงไม่งามนักถ้าผู้คนหรือนักข่าวรู้ว่าลูกสาวไปนอนค้างอ้างแรมข้างนอก