รุ่งเช้า!!!
วันนี้คุณหญิงมาลัยลงมาเพื่อเตรียมใส่บาตรตอนเช้าและรอนั่งทานเข้ากับลูกชายตั้งแต่เช้าตรู่ตามปกติ
แต่ที่ไม่ปกติเพราะว่าคุณหญิงกำลังมองหาหญิงสาวที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กนั้น ไม่ได้มาเตรียมของใส่บาตรให้กับเธอเหมือนทุกๆ วันนั่นเอง
แต่เมื่อเธอนึกได้ว่าเธออนุญาตให้หญิงสาวนั้นออกไปฉลองกับเพื่อน ก็นึกโล่งใจ เพราะกลัวว่าหญิงสาวนั้นจะไม่สบาย จึงทำตัวตามปกติอย่างเช่นทุกวัน แต่ที่ไม่ปกติก็มีแต่เจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนนี่แหละที่ทำหน้าตาบูดบึ้ง แถมยังมองไปยังห้องของหญิงสาวไม่ยอมหยุด
“มีอะไรหรือเปล่า ตาคีย์!! แม่เห็นลูกมองห้องของยาหยีตั้งนานสองนานแล้วนะ”
“เปล่านี่ครับ ใครมองกัน ผมแค่สังเกตุดูว่าบ้านเราต้องทาสีบริเวณนั้นใหม่หรือเปล่า เพราะผมรู้สึกว่าสีผนังตรงนั้นมันซีดไปนิดหน่อย”
“ซีดอะไร แม่ก็เห็นว่ามันปกตินะ เดี๋ยวนี้หัดเป็นคนสนใจของในบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน??”
“ผมก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกตาไปนิดหน่อยครับ งั้นเราไม่ต้องทำใหม่หรอกครับ ผมคงคิดไปเอง” พูดจบชายหนุ่มก็ยกแก้วกาแฟดำที่แม่บ้านชงให้ขึ้นมาดื่ม
แค่กๆ!!!
“ใครเป็นคนชงกาแฟแก้วนี้??” ชายหนุ่มที่ดื่มกาแฟถึงกับสำลักออกมา
“เอ่อ น้อยเองค่ะ” สาวรับใช้ตอบกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ทำไมรสชาติไม่เหมือนกับทุกวันที่ฉันดื่ม??”
“ปกติแล้ว กาแฟที่คุณคิรินดื่มจะเป็นน้องยาหยีชงให้ค่ะ แต่วันนี้ เออ..คือ..คือ..”
“คืออะไร??”
“คือวันนี้ ยังไม่เห็นน้องยาหยีออกมาจากน้องค่ะ น้อยเลยเตรียมให้แทน”
‘สิ่งที่เขาดื่มกาแฟอร่อยๆ ทุกวัน คือยัยเด็กนั่นเป็นคนชงให้เขาเองเหรอ??’ เขาคิดอยู่ภายในใจ
“แล้วทำไมวันนี้ยัยนั่นถึงไม่ตื่นมาทำหน้าที่??”
ชายหนุ่มที่กำลังพยายามหาคำตอบก็เข้าทางเข้าอย่างพอดิบพอดี ที่จะได้รู้ว่าหญิงสาวทำไมยังไม่ออกมา แต่ถ้าให้เขาเดา คงไม่พ้นหนีหน้าเขาเหมือนเดิม แต่ก็ดีแล้วนี่ ไม่เห็นหน้ายัยนั่นวันนี้เขาคงจะโชคดีทั้งวัน
“ตาคีย์ ให้น้องพักบ้างเถอะลูก เมื่อวานแม่อนุญาตให้น้องไปฉลองเรียนจบกับเพื่อน น้องคงจะกลับมาดึกเลยตื่นมาทำให้ไม่ทัน”
“ลูกรักคนโปรดของแม่ ไปฉลองเรียนจบเหรอครับ?? ไม่ใช่ว่าไปอ่อยผู้ชายที่ไหนเหรอครับ??”
เมื่อพูดขึ้นมาเขาก็แทบอยากจะกระชากยัยนั่นมาตีก้นเสียให้เข็ด ไหนจะแต่งตัว ดื่มเหล้า แล้วยังไปอ่อยผู้ชายในผับอีก หงุดหงิดชะมัด แล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยวะ
“ไม่หรอก แม่รู้จักนิสัยของน้องดี”
“หึ คุณแม่มั่นใจจังเลยนะครับ ระวังว่าที่ลูกสะใภ้คุณแม่จะทำให้คุณแม่เสียใจ”
พูดจบเขาก็ลุกออกไปจากโต๊ะอาหารและขับรถไปทำงานทันที
“ลูกคนนี้ทำไมพูดจาปากคอเราะรายอย่างนี้นะ ฉันจะทำอย่างไรดีน้อย??” คุณหญิงที่กำลังเครียดกับพฤติกรรมของลูกชายตนเองก็หันไปปรึกษาสาวรับใช้วัยกลางคนทันที
“เดี๋ยวทุกอย่างจะดีค่ะคุณผู้หญิง โบราณว่ากันว่า..เกลียดสิ่งใด มักได้สิ่งนั้นค่ะ”
หลังจากวันนั้นที่เธอเอาแต่หลบหน้าหลบตาชายหนุ่ม ก็ปาเข้าไปเกือบเดือนที่ไม่ได้เจอเขา เธอก็โล่งใจทันที เพราะว่าเขามีบินไปคุยธุรกิจที่ต่างประเทศนั่นเอง เธอจึงทำงานบ้านและช่วยเหลือคุณหญิงตามปกติ และอีกสองวันข้างหน้าเธอก็จะต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเขาแล้ว คุณหญิงก็ประคบประหงมเธอพาเธอเข้าคอร์สเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว และอาสาพาไปลองชุดแต่งงาน เพราะว่าชายหนุ่มว่าที่สามีของเธองานยุ่งมากนั่นเอง
“สวยมากเลยลูก ถ้าพี่คีย์ของหนูเห็น เขาจะต้องตกหลุมรักหนูแน่ๆ” คุณหญิงมาลัยพูดชมหญิงสาวที่ลองสวมชุดไทยประยุกต์สีเทา ในร้านชุดแต่งงาน
“ถ้าทำผมแต่งหน้าอีกนิดพี่เขาต้องหลงหนูหัวปักหัวปรำแน่ๆ” และคุณหญิงก็ยังกล่าวชมเธอไม่หยุดหย่อน
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง” หญิงสาวยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณคุณหญิงมาลัย
“แต่หน้าเสียดายที่ตาคีย์ไม่ยอมจัดงานใหญ่ ถ้าไม่งั้นนะฉันจะประกาศเชิญทุกคนมาลงข่าวหน้าแรกไปเลย”
คุณหญิงมาลัยพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจในตัวของลูกชาย เพราะกว่าจะตกลงกับลูกชายได้เธอก็ต้องเสียข้อต่อรองที่มีไปหลายข้อเหมือนกัน
“แต่หยีคิดว่าจัดพิธีแค่ช่วงเช้า และเชิญเฉพาะคนสนิทมาก็ดีเหมือนกันนะคะ คุณหญิงจะได้ไม่เหนื่อยต้อนรับแขกค่ะ” เธอพูดปลอบใจคุณหญิง
“ดีอะไรกันละ ฉันยังไม่แก่เลยนะยาหยี และฉันพร้อมต้อนรับแขกมากๆ อยากโชว์ว่าที่เจ้าสาวของตาคีย์ว่าสวยแค่ไหนจนใจจะขาด...แต่ก็เอาเถอะ ฉันขอแค่ให้ตาคีย์แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีลูกกับเธอ มีหลานตัวน้อยๆ มาวิ่งเล่น ฉันก็มีความสุขมากๆ แล้วล่ะ” คุณหญิงพูดกับหญิงสาว
และหลังจากลองชุดเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้านเพื่อไปดูงานที่จะจัดขึ้นในอีกสองวันให้เรียบร้อย เพราะกว่าชายหนุ่มจะบินกลับมาก็ถึงพรุ่งนี้ตอนดึกๆ กว่าจะได้เจอกันอีกครั้งก็คงจะเป็นเช้าวันเข้าพิธีแต่งงาน
ณ งานวิวาห์ [ยาหยีXคิริน]
หญิงสาวตื่นตั้งแต่ดึกดื่นเพื่อที่จะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวให้กับคิริน โดยมีช่างแต่งหน้าทำผมมาเนรมิต ให้สาวจืดชื่นอย่างเธอกลายเป็นสาวสวยหวาน ละมุน มองไปส่วนไหนก็สวยไปหมด
“โห้ คุณน้องยาหยีขา วันนี้หนูสวยมากๆ เลยค่ะ ถ้าเจ้าบ่าวเห็นคงตกหลุมรักหัวปักหัวปำ จนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ เลยค่ะ” สาวสองที่กำลังเนรมิตหญิงสาวก็กล่าวชมออกมาอย่างไม่ขาดปาก
“ผิวเนียนละมุนไปหมด หุ่นก็สวยสมส่วน นี่พี่แทบไม่ได้แต่งเติมอะไรหนูมากมายเลยนะคะ คุณน้องขา!!”
สาวสองอีกคนก็กล่าวชมหญิงสาวไม่หยุดหย่อนเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณมากนะคะ พี่ๆ คนสวยทั้งสอง ยาหยีไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอกล่าวออกมาอย่างถ่อมตัว
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกน้องยาหยี พี่รับรองถ้าเจ้าบ่าวเห็นน้องยาหยีจะต้องตะลึงและทึ้งในความสวยของหนูแน่ๆ พี่มั่นใจ” สาวสองยืนกร้านคอนเฟิร์มกับหญิงสาวไม่หยุดว่า ชายหนุ่มนั้นจะต้องตกต้องลึงในความสวยๆ ของเธอ
ก๊อกๆ
“เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ” สาวสองบอกคนที่อยู่ด้านนอกที่เคาะประตู
แอ๊ดดดดดดดดด!!
“ยาหยี!!!”
“เมย์ ดีใจจังที่เธอมาวันนี้ ฉันนึกว่าเธอจะไม่มาแล้วเสียอีก” ยาหยีเดินเข้าไปหาเพื่อนสาวของเธอ
“ไม่มาได้ยังไงละ วันนี้วันสำคัญของเธอ พวกเราจะพลาดได้ยังไงกัน กันต์ก็มาด้วยนะ แต่นายนั่นรออยู่ข้างล่างน่ะ” เมย์พูดจาเจื้อยแจ้วออกมา
“ขอบคุณเธอทั้งสองมากเลยนะ ฉันดีใจที่มีเพื่อนแบบเธอทั้งสองคนจัง” หญิงสาวยืนเอื้อนเอ่ยน้ำตาคลอ
“หยุดเลยๆ ห้ามร้องเด็ดขาด วันนี้เป็นวันพิเศษของเธอกับคุณคิรินนะ และวันนี้เธอนั้นสวยมากกกกกก ดุจดังเจ้าหญิงเลย” เพื่อนสาวเธอชมเธออย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะ วันนี้เมย์ก็สวยเหมือนกัน”
“ฉันก็รู้ตัวว่าสวย แต่วันนี้ฉันยอมความสวยของเธอจริงๆ ฮ่าๆ” ทั้งสองคุณกันอย่างสนุกสนาน จนทำให้ยาหยีนั่นลืมความเครียดและความประหม่าที่กำลังก่อขึ้นในจิตใจมาหลายวันที่ผ่านมาจนหมดไปชั่วขณะ
“อะแฮ่มๆ พร้อมแล้วยังจ้ะ สาวๆ ทั้งสอง งานพิธีกำลังจะเริ่มแล้ว เราควรไปกันเลยจะดีกว่านะคะ” สาวสองช่างแต่งหน้ากล่าวทักหญิงสาวทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
“พร้อมค่ะ/ พร้อมแล้วค่ะ”
“ดีมากจ้ะ เจ้าสาวและเพื่อนของเจ้าสาวของเราสวยมากกกก ชายทั้งคฤหาสน์จะต้องตะลึงเป็นตาเดียวกันแน่ๆ”
“ของเมย์ไม่ต้องตะลึงหรอกค่ะ ตะลึงเจ้าสาวคนเดียวก็พอ เพราะวันนี้ยาหยีของเราสวยมากกกกก” เมย์หันไปกระซิบพูดกับสาวสองทั้งสองคน ที่ตั้งใจให้หญิงสาวนั้นก้มเขินอายจากคำชมจนหน้าแดง
“พวกเราออกไปกันเถอะค่ะ”