ณ พิธีวิวาห์ [ยาหยีxคิริน]
เมื่อถึงฤกษ์งามยามดีที่ทางคุณหญิงมาลัยได้กำหนดมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่เปิดตัวเจ้าสาวในวันนี้
และไม่นานเจ้าสาวก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวที่อยู่บนชั้นสองเดินลงมายังบันได โดยมีเพื่อนเจ้าสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่ามกลางสายตาของแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดี ทุกคนยืนตะลึงเจ้าสาวนิรนามที่ชายหนุ่มไม่เคยเปิดเผยออกไปให้ใครทราบว่ากำลังจะแต่งงานกับเธอ
“สวยมาก”
“เจ้าสาวสวยสุดๆ”
“สวยละมุนไปหมด”
“โครตสวย”
“อยากเป็นเจ้าบ่าวแทน”
ท่ามกลางเสียงชื่นชมของเหล่าคนสนิทของทั้งสองฝ่าย โดยฝั่งเธอนั่นมีแค่เพียงกันต์และเมย์ และแขกผู้ใหญ่ที่คุณหญิงมาลัยเชิญมาให้เกียรติเป็นว่าที่ฝ่ายผู้ใหญ่เพียงเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็เป็นแขกของฝั่งเจ้าบ่าวทั้งหมด
หญิงสาวหยุดยืนอยู่ตรงทางลงบันได อย่างประหม่า เพราะสายตาของแขกหลายๆ คนที่จ้องมองมา โดยเฉพาะสายตาของเจ้าบ่าวของเธอที่กำลังยืนจ้องมองเธออย่างไม่วางตา แต่แววตาของเขานั่นก็เปล่งประกายออกอย่างพอใจ และมีรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยออกมา แต่เธอก็เห็นเพียงแค่แว๊บเดียว..แค่แว๊บเดียวเท่านั่น หรือเธอตาฝาดไปเอง เพราะตอนนี้สายตาของเจ้าบ่าวของเธอนั่นเป็นแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชาไปเรียบร้อยแล้ว
ในวันนี้เจ้าบ่าวของเธอนั่นหล่อมากๆ เขาแทบไม่ต้องแต่งอะไรมากเลยก็ทำให้เขาดูเท่ห์ หล่อและมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก แค่เพียงใส่ชุดไทยประยุกต์เช่นเดียวกันกับเธอ แต่สไตส์ชุดก็ทันสมัยไม่น้อย วันนี้เขาสวมใส่เสื้อแจ็กเกตสูทสีเทาอ่อน ผูกเนคไทด์สีเทา นุ่งโจงกระเบนเข้ากับสีเสื้อ และใส่ถุงเท้ายาวสีขาวและรองเท้าหนังสีดำ และเซทผมเพียงเล็กน้อย ทำให้เธอไม่อาจละสายตาจากเขาไปได้เลย
“ยาหยี!! ยาหยี!!”
“ห๊ะ!! ว่าไงเมย์??” ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในภวังค์นั้น ก็มีเสียงเรียกของเพื่อนเธอมาช่วยเตือนสติ
“เราเรียกยาหยีตั้งนานสองนานแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า?? หรือว่า หลงรักว่าที่เจ้าบ่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราเห็นยาหยีมองเขาไม่ยอมละสายตาเลยน้าาาา!!!” เมย์ที่เป็นเพื่อนสนิทและยังเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอในวันนี้แซวหญิงสาวออกมา จนหน้าเธอแดงระเรื่อออกมาอย่างชัดเจน
“บ้านาา ใครหลงรักกัน ไม่มีหรอก เมย์คิดไปเองหรือเปล่า”
คนที่โดนจับได้ก็พยายามพูดโป้ปดคำโต เพราะเธอนั่นหลงรักเขามานานแสนนาน แต่เขานั่นไม่เคยที่จะรักเธอเลย แต่โชคชะตาก็เหมือนจะเข้าข้าง ที่จู่ๆ เธอก็ได้แต่งงานกับเขา แต่ทว่าเขานั่นไม่ได้เต็มใจที่จะแต่งกับเธอเลย
‘เห้อ ตลกชะมัด’ เมื่อนึกได้อย่างนั้นหัวใจเธอก็ห่อเหี่ยวลงทันที
“อ้าว ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ยาหยี ช่วยทำหน้าดีดีหน่อยสิ จำเอาไว้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของหยีนะ” เพื่อนสาวเตือนสติเธอที่ทำหน้าตาดูเป็นกังวลจนเห็นได้ชัดเจน
“ขอโทษนะ วันนี้หยีจะทำให้ดีที่สุดเลย” เธอหันไปบอกเพื่อนสนิทและปรับสีหน้ากลับมาเหมือนเดิมพร้อมกับยิ้มออกมา
“งั้น เราไปกันเลย ถ้าตื่นเต้นก็จับมือเราไว้นะ วันนี้เราจะเดินไปส่งเธอให้ถึงมือคุณคิรินเลย”
“โอเค ขอบใจนะเมย์”
พูดจบทั้งสองก็พากันจับมือลงบันไดจากด้านบน เดินลงมายังชั้นล่าง หลังจากนั้นเจ้าสาวก็เดินมาอยู่ต่อหน้าเจ้าบ่าว และเจ้าบ่าวก็ค่อยๆ ยืนมือออกมารับเจ้าสาว และเพื่อนเจ้าสาวก็ยืนมือที่จับมือเจ้าสาวอยู่ส่งให้เจ้าบ่าวทันที
“ฝากดูแลยาหยีด้วยนะคะ คุณคิริน เพื่อนเมย์โดดเดี่ยวมานานแสนนาน เมย์เลยขออาสามาส่งด้วยตัวเอง ช่วยดูแลเธอให้ดีที่สุดด้วยนะคะ” เมย์พูดเอื้อนเอ่ยฝากฝั่งกับเจ้าบ่าวของเพื่อนเธอ
“ผมไม่รับปาก” เขาพูดเบาๆ แต่คำพูดนั้นทำให้เพื่อนเจ้าสาวอย่างเธอนั่นมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รวมถึงเจ้าสาวที่ได้ยินด้วย
“อ๊ะ” หญิงสาวร้องออกมาทันที เมื่อมือของเธอ ถูกยื่นเข้ามาหาชายหนุ่ม ก็ถูกแรงบีบจากเขาบีบเข้าที่มือเรียวของเธออย่างแรงทันที จนเธอเผลอร้องออกมาโดนความเจ็บปวด
“ยาหยี เป็นอะไรหรือเปล่า” เมย์ถามออกมาอย่างห่วงๆ เพราะรู้ได้ว่าเจ้าบ่าวของเพื่อนเธอนั้นกำลังรังแกเพื่อนของเธอ
“เราโอเค ไม่เป็นอะไรหรอกเมย์ ไม่ต้องห่วงเรานะ ไปอยู่เป็นเพื่อนกันต์เถอะ เดี๋ยวกันต์จะเหงา” หญิงสาวพูดบอกเพื่อนสนิทของเธอ
“แต่ว่า…”
“เชื่อเรานะ เราโอเค” ยาหยียิ้มให้เมย์ และส่งสายตาอ้อนวอนให้เธอทำตาม
“ก็ได้ ถ้าไม่โอเคบอกเราทันทีเลยนะ” เมย์พูดจบพร้อมเดินจากไปหากันต์ โดยจ้องสายตาเขม้นไปที่เจ้าบ่าวของเธอ
“หึ ขนาดวันแต่งงานยังมีหน้าห่วงไอ่หมอนั่น ต่อหน้าฉัน เธอช่างกล้านัก” ชายหนุ่มกระซิบไปพูดข้างใบหูของเธอเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน แต่เธอก็ไม่ตอบโต้ใดๆ จนชายหนุ่มนั้นโมโหและออกแรงบีบไปที่มือของหญิงสาวอีกทันที
“อ๊ะ” เธอร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด
“สำออย”
เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที ท่ามกลางผู้คนทั้งหลาย แต่เธอก็พยายามยิ้มสู้เอาไว้ เพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็ชื่นชมเธอกับเขาที่ในตอนนี้ยืนจับมือและเหมือนยืนกอดกัน มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา
และไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มก็จูงมือเธอเข้าสู่พิธีแต่งงานทันที
ทั้งสองนั่งอยู่ยังห้องโถงใหญ่ที่มีคุณหญิงมาลัยนั่งฝั่งเจ้าบ่าว และผู้ใหญ่ฝั่งเธอ ที่เป็นคุณหญิงเช่นเดียวกัน แต่เป็นเกียรติมานั่งฝั่งเจ้าสาวให้กับเธอ พร้อมสินสอด ก้อนโต ที่มูลค่ารวมๆ กันประมาณร้อยล้านบาท ทำให้คนในงานนั้นถึงกับตาลุกวาว
“สวมแหวนให้น้องสิลูก” คุณหญิงมาลัย ยิ่มแก้มปริอย่างมีความสุข และพูดบอกเจ้าบ่าวสวมแหวนให้กับเจ้าสาว เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็หยิบแหวนเพชรเม็ดโตสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าสาวทันที
“ไหว้ขอบคุณพี่เขาสิยาหยี” คุณหญิงผกามาศฝั่งเจ้าสาวกระซิบบอกเธอเบาๆ เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า และประนมมือไหว้ไปที่หน้าอกของเจ้าบ่าว เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาก็เอามือมารับไหว้และก้มลงไปกระซิบเบาๆ ให้เธอให้ยินเพียงคนเดียวอีกครั้ง
“ขอต้อนรับเข้าสู่นรกนะ ยั่ยเด็กเหลือขอเส้นทางนี้เธอเป็นคนเลือกเอง”
เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็ชะงักและพยายามจะดึงตัวออก แต่กลับถูกชายหนุ่มรั้งเอาไว้ไม่ให้ขยับ โดยทุกคนมองดูและปรบมือกันอย่างชื่นมื่น แต่ไม่มีใครรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ในใจของเธอนั้นทุกข์ระทมขนาดไหน และน้ำตาที่เธอกลั้นเอาไว้ก็ล่วงหล่นลงมาทันที
“ร้องไห้ทำไมลูก??” คุณหญิงมาลัยถามด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่ชายหนุ่มสวมกอด
“คือ..คือ..หยีที่ดีใจค่ะ คุณหญิง”
“โถ่..ฉันก็ตกใจหมด...ไม่ต้องเรียกคุณหญิงแล้วนะ ต่อไปนี้ให้เรียกแม่ได้แล้ว ไหนลองเรียกซิ” คุณหญิงมาลัยพูดกับเธฮอย่างเอ็นดู
“ค่ะ คุณแม่” เธอพูดพร้อมส่งยิ้มให้ผู้มีพระคุณของเธอ
“ดีมาก ลูกหยีของแม่”
หลังจากชายหนุ่มแกล้งเธอจนพอใจแล้วก็ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ เธอก็ค่อยๆ สวมแหวนกลับให้เขาทันที
และเธอก็พยายามฟื้นยิ้ม จนงานแต่งงานนั้นจบพิธี
โดยมีเมย์และกันต์ คอยมองดูเธออยู่ห่างอย่างห่วงๆ เพราะเขาทั้งสองนั้นเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทุกคนต่างชื่นชมนั้นมันเป็นเพียงแค่ฉากๆ หนึ่งที่เจ้าบ่าวของเพื่อนเธอนั้นจัดขึ้นมาเพียงเท่านั้น
“ฉันสงสารยาหยีจังเลยกันต์”
“หยีเข้าเลือกเส้นทางของเขาแล้ว เราต้องเคารพการตัดสินใจของหยีนะ แค่เราคอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆ ก็พอนะเมย์”