พี่เจเจยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านตัวฉันไปโดยไม่สนใจสายตาของฉัน แล้วตรงไปยังผู้หญิงผมยาวชุดแดงคนนั้น
“ชิ…ผู้ชายก็เป็นเหมือนกันหมด เจ้าชู้ทุกคน” ฉันพึมพำอย่างหงุดหงิด พลางกระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้สูงหน้าบาร์ เสียงเก้าอี้ดังตุ้บสะท้อนเล็กน้อยในร้าน
“รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ?” เสียงพนักงานบาร์เอ่ยถาม ฉันสะบัดหัวเล็กน้อย พลางยกคิ้ว
“วิสกี้” ฉันตอบเสียงเรียบ แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่พี่เจเจ แม้เขาจะไม่ได้สนใจฉันแล้วก็ตาม
แก้ววิสกี้ถูกวางตรงหน้า ฉันจิบเล็กน้อย กลิ่นและรสเข้ม ๆ ทำให้ใจเย็นลงบ้าง แต่ความคิดเกี่ยวกับพี่เจเจยังวนเวียนอยู่ในหัว
ฉันจิบวิสกี้ไปพลางมองไปที่พี่เจเจที่ยืนอยู่กับผู้หญิงชุดแดง คนตรงหน้าดูมั่นใจและยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เขา ทำให้หัวใจฉันกระตุกอย่างประหลาด
พี่เจเจหัวเราะเบา ๆ เสียงทุ้มลอยมาถึงฉันแม้จะอยู่ไกล สายตาของเขาไม่ลืมผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะละสายตาจากฉันไปเสียหมด
“ชิ…” ฉันกัดริมฝีปาก เผลอสบถเบา ๆ พลางเอามือปิดหน้าหน่อย ๆ ความรู้สึกหวงปนหงุดหงิดแผ่เข้ามาเต็มอก
ผู้หญิงคนนั้นเอียงหน้าเข้ามาพูดบางอย่าง พี่เจเจโน้มตัวไปฟังแล้วพยักหน้าเบา ๆ พลางยกมุมปากขึ้นยิ้ม
ฉันรู้สึกเหมือนลมหายใจฉันติดขัด…ทำไมฉันถึงไม่ชอบเห็นเขายิ้มให้ผู้หญิงคนอื่นแบบนี้นะ
ฉันก้มหน้าจิบวิสกี้อีกครั้ง พยายามกลั้นความรู้สึก แต่สายตาก็ยังคอยจ้องเขาอยู่ ไม่ว่าจะพยายามมองไปทางอื่นแค่ไหน ใจก็ยังวนกลับมาที่เขาเสมอ
“ไม่หึงหรอครับ…แฟนตัวเองกำลังนั่งคุยกับผู้หญิงอื่นอยู่” เสียงพนักงานบาร์คนเดิมเอ่ยขึ้น
ฉันหันไปมองเขาพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ประมาณว่า… “นายหมายถึงฉันหรอ?”
“ผมคุยกับคุณครับ” เสียงพนักงานบาร์พูดขึ้นอีกครั้ง แต่สายตาของฉันกลับเผลอเหลือบมองไปทางพี่เจเจเต็ม ๆ
ฉันหน้าแดงเล็กน้อย กัดริมฝีปาก พยายามทำเสียงแข็ง
“ฉัน…ไม่อ่ะ! เขาไม่ใช่แฟนฉัน และไม่มีวันด้วย!”
“เวลาที่ลูกค้ามานั่งดื่มที่นี่ มักจะพูดคำนี้…แต่สุดท้ายก็เห็นกลับไปคบกันอยู่ดี” เสียงพนักงานคนเดิมพูดขึ้น ทำให้ฉันเผลอสบตาเขาแล้วถอนหายใจ
“นี่นาย! ฉันกับคนนั้นไม่ใช่แฟนกันนะ ไม่ว่าจะแฟนเก่า แฟนตอนนี้ หรือจะแฟนในอนาคต ก็ไม่ใช่!” ฉันตวัดเสียงสูง พลางยกมือขึ้นกำแน่น ความเขินปนโมโหกระจายเต็มตัว
“ผมชินครับ…คุณ…?”
“แจม” ฉันตอบเสียงเรียบ เบื่อ ๆ ไม่ได้อยากสนใจอะไรมาก
“คุณเป็นคนที่นี่หรอครับ?” ชินถาม
“เปล่า…เป็นคนกรุงเทพ” ฉันตอบแบบไม่ค่อยสนใจ พลางเหลือบมองรอบ ๆ ร้าน
“มานั่งดื่มเหล้าไกลเหมือนกันนะครับ” เขาพูดน้ำเสียงแฝงความหยอกเล็ก ๆ
“อือ ก็แค่หนีความวุ่นวาย” ฉันตอบแบบเฉย ๆ แล้วหันกลับไปมองแก้ววิสกี้ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้สนใจเขามากนัก
“อยากดื่มอะไรอีกไหมครับ…ผมเลี้ยง” ชินถามเสียงเรียบ แต่แฝงความสุภาพ
“ฮ่า ๆ …นายเนี่ยนะ จะเลี้ยง? เหล้าแพงขนาดนี้เลี้ยงไหวหรอ พนักงานที่นี่เงินเดือนเยอะขนาดนั้นเลย” ฉันตอบแบบเบื่อ ๆ พลางยักคิ้วให้เขา
“ผมเลี้ยงคุณได้นะครับ…คุณลูกค้า” ชินพูดพลางหยุดเช็ดแก้วในมือ แล้วโน้มตัวลงมาเล็กน้อย น้ำเสียงสุภาพแต่เป็นมิตร
“ไม่ต้องอ่ะ…ฉันมีเงิน เลี้ยงตัวเองได้” ฉันตอบเสียงเรียบ รักษาท่าทีสงบ
ชินพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มแบบเข้าใจ แต่ยังคงเฝ้าดูว่าฉันจะสั่งอะไรต่อไป
ฉันยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบช้า ๆ มองไปรอบ ๆ บาร์ สายตายังกวาดมองพี่เจเจที่ยืนอยู่ไกล ๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพียงรับรู้ถึงการถูกจับตาอยู่ตลอดเวลา
“ตอนนี้ได้เวลาผมต้องเลิกงานแล้ว” ชินพูดพลางเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
“แล้ว?” ฉันตอบเสียงเรียบ มองเขาอย่างนิ่ง ๆ
“นั่งอยู่คนเดียว ระวังตัวด้วยนะครับ…ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย มันอันตรายนะครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย แต่ยังคงสุภาพ
“นายเลิกงานแล้วนิ…ไปเถอะ กลับบ้านไปสักที” ฉันตอบแบบเฉย ๆ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมากนัก พลางจิบวิสกี้ช้า ๆ เหมือนจะบอกว่าไม่ได้สนใจ
ชินยิ้มมุมปากเบา ๆ พยักหน้า ก่อนจะหันตัวออกไปจากบาร์ ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่คนเดียวกับแก้ววิสกี้และความเงียบรอบตัว
ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้เสียงเพลงคลอเบา ๆ กับแสงไฟสลัวทำให้บรรยากาศรอบตัวดูว่างเปล่า ก่อนจะหันไปมองโต๊ะที่พี่เจเจนั่งอยู่เมื่อกี้…
แต่ตอนนี้ เขากลับหายไปแล้ว ไม่รู้หายไปตอนไหนด้วยซ้ำ เหลือแค่เก้าอี้ว่างเปล่าและแก้วเหล้าที่ยังมีน้ำแข็งละลายช้า ๆ ทิ้งเอาไว้
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย ความรู้สึกบางอย่างแวบเข้ามาในใจ มันทั้งหงุดหงิด ทั้งสับสน ทั้ง…เหมือนจะผิดหวัง แต่ฉันก็สลัดออกทันทีด้วยการยกแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกอีกครั้ง
หายไปไหนของเขาวะ… ฉันคิดในใจ ก่อนจะวางแก้วลงแรง ๆ อย่างหงุดหงิด
ฉันยกแก้วขึ้นกระดกอีกครั้ง ความขมของเหล้าไหลลงคอ แต่กลับไม่ช่วยให้ความรู้สึกในใจมันจางลงเลยแม้แต่น้อย
เสียงเพลงยังดังกลบความคิดในหัว แต่จู่ ๆ ก็มีเงาของใครบางคนมาบังแสงไฟตรงหน้า ทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“นั่งคนเดียวแบบนี้…ไม่กลัวเหรอครับ” เสียงผู้ชายแปลกหน้าดังขึ้น เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่งตัวเนี้ยบ ดูเหมือนคนมีตังค์ และที่สำคัญ…สายตาของเขามันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี
“เรื่องของฉัน” ฉันตอบเสียงเรียบ ก่อนจะก้มหน้าหยิบแก้วขึ้นมาอีกครั้ง หวังจะทำเป็นไม่สนใจ
แต่เขากลับยื่นมือมาจับข้อมือฉันแน่นจนฉันสะดุ้ง “มากับพี่ดีกว่า…เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
ฉันรีบสะบัดมือออกทันที ความกลัวแล่นเข้ามาในอก “ปล่อย!” ฉันพูดเสียงแข็ง แต่ยิ่งพูด เขาก็ยิ่งยิ้มมุมปากแบบน่าขนลุก
และในจังหวะที่ฉันกำลังจะลุกออก เสียงทุ้มคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง…
“กูว่ามึงปล่อยเธอ แล้วไสหัวไปจากตรงนี้ซะ…ก่อนที่กูจะหักมือมึง”
ฉันหันขวับไปมอง พี่เจเจ…ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเย็นเฉียบ ร่างสูงใหญ่ของเขาแทบจะบดบังทุกอย่าง
ฉันชะงักทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ทำไม ผู้ชายที่จับข้อมือฉันเมื่อกี้ยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปมองเจเจด้วยสายตาท้าทาย
“แล้วมึงเป็นใครวะ?”
พี่เจเจยกยิ้มมุมปาก แต่แววตาคมกริบเต็มไปด้วยอันตราย เขาเดินเข้ามาใกล้ช้า ๆ จนฉันต้องถอยไปด้านหลังโดยอัตโนมัติ
“กูเป็นคนที่จะหักมือมึง ถ้ามึงไม่ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” เสียงของเขาทุ้มต่ำ กดลึกจนทำให้ผู้ชายคนนั้นนิ่งไปชั่วขณะ
“หึ ทำเป็นพระเอกมาช่วยเลยนะ…หรือว่าเป็นแฟนเด็กนี่?” อีกฝ่ายแสยะยิ้มพลางมองฉันอย่างดูถูก
ตุบ!
เสียงหมัดกระแทกดังขึ้นอย่างรวดเร็ว จนฉันแทบไม่ทันตั้งตัว ผู้ชายคนนั้นเซไปชนเก้าอี้ ข้อมือของเขาถูกเจเจบิดจนส่งเสียงร้องลั่น
“อ๊ากกก ปล่อย!”
“กูเตือนแล้ว แต่มึงไม่ฟังเอง” พี่เจเจออกแรงบิดข้อมืออีกนิด ก่อนจะผลักร่างของมันลงพื้นอย่างไม่ปรานี
บรรยากาศเงียบสนิท มีเพียงเสียงเพลงที่กลายเป็นฉากหลังของความตึงเครียด ฉันยืนนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก
พี่เจเจหันมามองฉันด้วยสายตาดุจนฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคอ โคตรน่ากลัว…แต่ทำไมถึงรู้สึกใจสั่นวะ
“เดิน” เขาพูดเสียงนิ่ง แต่ทรงพลังจนฉันต้องขยับเท้าอย่างอัตโนมัติ
“พี่…จะพาไปไหน” ฉันเอ่ยถามเสียงสั่นนิด ๆ
“ไปจากตรงนี้ จะรอให้มันมาล่อเธอหรือไง” เขาหันมามองแวบหนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดปนบางอย่างที่ฉันอ่านไม่ออก