ร้านอาหารกึ่งบาร์หรูใจกลางเมืองถูกตกแต่งด้วยไฟสีอบอุ่นและเสียงดนตรีแจ๊สเบา ๆ ต่างจากผับวุ่นวายโดยสิ้นเชิง
ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนขึ้นถึงข้อศอกเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาคมกริบของเจเจกวาดมองหาคนที่นัดเอาไว้
ไม่นานนัก เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างรออยู่ที่มุมโต๊ะริมหน้าต่าง ผมยาวสลวยถูกรวบอย่างตั้งใจ ริมฝีปากแต่งสีแดงเข้มตัดกับผิวขาวจัด เธอคือ “เชอร์รี่”
หญิงสาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความมั่นใจและแรงดึงดูดที่มักทำให้ใครต่อใครตกอยู่ในอำนาจสายตา
“พี่เจเจมาช้ากว่าที่คิดนะคะ” เชอร์รี่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ พลางปรายตาคม ๆ มองเขาเหมือนกำลังท้าทาย
เจเจยกยิ้มบางที่มุมปาก ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน “รถติด” เขาตอบสั้น ๆ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยเล่ห์นัย
เชอร์รี่หัวเราะเบา ๆ “หรือจริง ๆ แล้วกำลังลังเลที่จะมาหาเชอร์รี่กันแน่”
เจเจไม่ได้ตอบตรง ๆ เพียงแค่เอื้อมมือหยิบเมนูขึ้นมาดู แต่เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “ถ้าฉันไม่อยากมา เธอคงไม่ได้เห็นหน้าฉันหรอก”
เชอร์รี่เลิกคิ้ว ก่อนวางแก้วไวน์ลงแล้วโน้มตัวเล็กน้อย “งั้นคืนนี้…คงมีเรื่องสนุกให้เราคุยกันยาวแน่”
“แล้วเธออยากคุยเรื่องอะไร” เจเจเอ่ยขึ้นขณะวางเมนูลง ดวงตาคมยังจับจ้องไปที่เชอร์รี่ไม่วาง
เชอร์รี่ยกยิ้มบาง แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เธอไขว่ห้างใหม่อย่างจงใจให้ร่างสูงตรงหน้าสังเกตเห็นท่าทีท้าทายแฝงเร้นอยู่ในทุกการเคลื่อนไหว
“ก็เรื่องของเราไงคะ” เสียงหวานเจือเสน่ห์ดังออกมา “นี่เราคุยกันมาจะสองวันแล้วนะ แต่พี่เจเจยังไม่พาเชอร์รี่ไปคอนโดพี่เลย”
เจเจเลิกคิ้วเล็กน้อย แววตาคมกริบกวาดมองเธอด้วยสายตาที่อ่านยาก “ทำไมต้องอยากไปขนาดนั้นด้วย…หรือจริง ๆ แล้วเธออยากอย่างอื่น” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววเย้ยหยัน แต่กลับมีประกายบางอย่างที่เชอร์รี่จับได้
เชอร์รี่หัวเราะเบา ๆ ก่อนเอนตัวมาข้างหน้า โน้มตัวจนกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งระหว่างพวกเขา
“แล้วไม่ได้หรอคะ?” เธอกระซิบช้า ๆ ริมฝีปากแดงสดแตะรอยยิ้มยั่ว “พี่เจเจก็อยากได้เชอร์รี่นี่…ไม่งั้นคืนนั้นพี่คงไม่—”
เธอจงใจหยุดคำพูดค้างไว้ ราวกับทิ้งระเบิดลูกเล็ก ๆ ลงกลางโต๊ะ ปล่อยให้ความทรงจำจาก ‘คืนนั้น’ หวนกลับมาในหัวของเจเจอีกครั้ง
เจเจหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงต่ำทุ้มคล้ายคำรามที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวขมุกขมัวไปถนัดตา ดวงตาคมวาววับราวกับนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อเพียงหนึ่งเดียวตรงหน้า
“ปากเก่งดีนี่…เชอร์รี่” เขาโน้มตัวเล็กน้อย สายตากดดันจนแทบกลืนร่างบางเข้าไปทั้งตัว “งั้นไปกันเลยไหม…ฉันก็อยากเช็กของสักหน่อยเหมือนกัน”
เชอร์รี่แทบไม่ได้ขยับถอยหนี ตรงกันข้าม รอยยิ้มยั่วยวนกลับปรากฏบนเรียวปากสีสดอย่างท้าทาย หัวใจเธอเต้นแรง แต่แววตายังคงฉายประกายมั่นใจไม่ต่างจากนักพนันที่กำลังวางเดิมพันครั้งใหญ่
“กลัวพี่จะติดใจจนไม่อยากปล่อยต่างหาก…” เธอกระซิบตอบแผ่วเบา ก่อนจะไล้นิ้วมือเรียวยาวไปตามขอบแก้วไวน์ราวกับตั้งใจยั่ว
——
- คอนโดเจเจ -
“อ่าห์…อ๊าาาาา…”
เสียงครางหวานของเชอร์รี่ดังสะท้อนก้องในห้องสลัว ทุกจังหวะหายใจของเธอเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและปรารถนาที่ปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“อืม…ซี๊ดดด…พี่เจ…เชอร์รี่ชอบมากเลยค่ะ…แรงกว่านี้อีก…ค่ะ” เธอพร่ำบอก มือเล็กกำผ้าปูแน่น ขณะที่ใบหน้าแดงจัดขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทว่า เสียงที่ลอดเข้าหูเจเจกลับไม่ใช่เสียงของเธอ
ในหัวเขา…มันกลับชัดเจนเป็นอีกคนหนึ่งแทน
“อื้อ…อื้อออ…พี่…เจเจ…แรง…อ๊ะ!”
เสียงครางนั้นดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับตอกย้ำอยู่ในกมลสันดาน ลมหายใจแรงขึ้นพร้อมกับภาพแจมซ้อนทับอยู่บนร่างตรงหน้าโดยไม่อาจปัดทิ้งได้
เจเจกัดฟันกรอด ดวงตาวาวโรจน์ยิ่งกว่าความปรารถนา มันคือความหมกมุ่นที่กำลังกัดกินหัวใจเขาอย่างช้า ๆ
“อ๊ะ…อ๊ะ…พี่เจ…ดีจังเลยค่ะ…” เชอร์รี่ครางเสียงพร่าด้วยความสุขสม ดวงตาหรี่ปรือคล้ายจะละลายอยู่ตรงหน้าเขา
แต่เจเจกลับไม่โฟกัสที่เธอเลย ในหัวเขายังวนเวียนแค่ภาพใบหน้าหวานกับเสียงสะอื้นปนเสียวของ แจม
“อื้ออ…พี่เจเจ…แรงอีก…อ๊ะ…”
“แจมมม…” เสียงทุ้มหลุดออกจากปากโดยไม่รู้ตัว
เชอร์รี่เบิกตากว้างทันที ร่างที่กำลังเคลื่อนไหวสะดุดลงชั่ววินาที เหมือนถูกสาดน้ำเย็นจัดใส่กลางใจ
“…เมื่อกี้พี่ว่าอะไรนะคะ?” เสียงเธอสั่นเครือ แต่เจเจกลับไม่แม้แต่จะหยุด เขากดกระแทกแรงกว่าเดิมราวกับใช้ความรุนแรงปิดบังความผิดพลาด
“อ๊ะๆๆๆ พะ…พี่เจ…ชะ…เชอร์รี่นะคะ ไม่ใช่…”
“หุบปากสักที!” เจเจขึ้นเสียง ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความเข้มงวด กดร่างเชอร์รี่แนบกับเตียง
เขากระแทกเข้ามาอีกครั้ง แต่แล้วก็หยุดนิ่งชั่วขณะ ปล่อยให้อารมณ์ที่เดือดพล่านของเธอเผชิญความรอคอย ความหงุดหงิดปนความปรารถนาที่เชอร์รี่ไม่อาจควบคุม ทำให้หน้าเธอร้อนระเรื่อ
“พี่เจเจ…ทำไมหยุดคะ? เชอร์รี่ยังไม่เสร็จเลยนะ~” เธอเอ่ย พลางส่งสายตายั่วยวน ท้าทายเต็มที่
เจเจถอนหายใจเบา ๆ ก่อนลุกขึ้นอย่างใจเย็น ดึงกางเกงขึ้น แต่สายตายังคงเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง
“ออกไป” เสียงทุ้มต่ำแต่ชัดเจน กลั่นกรองคำพูดอย่างหนักแน่น
“อะ…ออกไปไหนคะ? เรายังสนุกกันอยู่เลย~” เธอถามพลางทำหน้าเซ่อ ๆ ส่งสายตายั่วยวนอีกครั้ง บรรยากาศรอบตัวร้อนระอุขึ้นทันที
เจเจมองเธอ ดวงตาคมจับจ้องเต็มไปด้วยความเข้มงวด เสียงเข้มเอ่ยคำตัดพ้อ
“สนุกอะไรของมึง…มึงร้องอยู่คนเดียว รูมึงก็หลวม ไหนเขาว่ามึงเด็ดไง…ลองแล้วก็งั้น ๆ”
คำพูดของเขากรีดลงตรงความมั่นใจของเธอ หน้าเธอร้อนผ่าว ความโกรธและความอยากเอาชนะผสมปนเปกัน
“แหม…พี่เจเจพูดแรงนะคะ~ ให้เชอร์รี่ช่วยพี่ให้เสร็จดีไหมคะ?” เธอเอ่ยพร้อมรอยยิ้มยั่วยวน ค่อย ๆ ย่อตัวลงตรงกลางระหว่างขาของเขา
แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร มือใหญ่ของเขาก็รวบผมเธอแน่น แล้วออกแรงดึงอย่างแรง
“โอ๊ยยย…ปล่อยนะ พี่เจเจ!” เธอร้องด้วยความเจ็บปนตกใจ หัวใจเต้นแรง มือกำขอบเตียงแน่น
เจเจก้มมองเธอด้วยสายตาเย็นยะเยือก เสียงทุ้มต่ำแผ่ว ๆ แต่ชัดเจน
“กูบอกให้ออกไป…หูตึงหรือไงวะ?”
แรงตึงของสถานการณ์ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงขึ้น ความหงุดหงิดปนความปรารถนาเหมือนจะเผาไหม้ร่างกายเต็ม ๆ
เชอร์รี่รู้สึกถึงแรงกดรอบตัว ใจเต้นรัวจนแทบควบคุมไม่อยู่ เธอกลืนน้ำลายแล้วถอยหลังอย่างระมัดระวัง
“คะ…ค่ะ…เชอร์รี่…เชอร์รี่ไปก่อนนะคะ”
เธอรีบหันตัววิ่งออกจากห้องโดยไม่รอให้เขาพูดต่อ
ประตูปิดลงเบา ๆ หลังเธอไป ทิ้งให้เจเจยืนอยู่คนเดียวในห้อง เงียบ เย็นยะเยือก และเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ลอยอยู่ในอากาศ
เจเจปล่อยตัวเองให้ก้าวไปที่ระเบียง มือหยิบบุหรี่ออกจากซอง สูบเข้าลึก ๆ ก่อนจะพ่นควันออกไปตามสายลมเย็น กลิ่นควันลอยไปกับลม ช่วยชะล้างความคิดยุ่งเหยิงและความหงุดหงิดบางส่วนออกไป
สายตาคมของเขาจับจ้องออกไปไกล ๆ แต่ในใจกลับหมุนวนไปกับภาพของแจม ร่างเล็กนั้น รอยยิ้ม ความเขินอาย ความดื้อดึง มันยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ
เจเจพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งเป็นสายยาว สายตาเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ในหัวกลับไม่สงบเลยแม้แต่น้อย
เสียงหนึ่งดังชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเสียงของแทนไท
“มึงห้ามจีบแจม กูไม่อนุญาต”
คำพูดนั้นก้องสะท้อนอยู่ในความทรงจำ
เจเจขมวดคิ้ว หัวเราะในลำคออย่างขื่น ๆ
“เหี้ยไรของมึงวะ”
แต่เสียงของแทนไทก็ยังดังตามมาไม่หยุด
“ห้ามจีบไอแจมน้องกู ต่อให้น้องกูจะชอบมึง มึงก็ห้าม กูรู้ว่ามึงมันเลิกเจ้าชู้ไม่ได้หรอก เสือตัวพ่อแบบมึง…น้องกูหยุดมึงไม่ได้หรอก”
เจเจกำบุหรี่แน่นจนเกือบบดไฟดับ ความหงุดหงิดแล่นพล่านไปทั่วร่าง เขาแหงนหน้าขึ้น สูดอากาศเย็นเข้าปอดลึก ๆ แต่ก็ไม่อาจดับเสียงนั้นในหัวได้
น้องกูหยุดมึงไม่ได้หรอก
ประโยคนี้กลับยิ่งตอกย้ำให้เจเจรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย