กลิ่นกายหอมเหมือนกลิ่นน้ำทะเลเคล้าเครื่องหนังปนกับดอกไม้ป่าโชยเข้าจมูกฉินชิง กลิ่นเครื่องหอมชั้นสูงของบุรุษผู้ร่ำรวยมักเป็นกลิ่นอันน่าหลงใหล ยิ่งเคล้ากับกลิ่นผิวเนื้อเจือกลิ่นยาสูบบาง ๆ ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ชวนซอนซบอกกว้างอันแข็งแกร่ง
เล่อชุนมีเสน่ห์แห่งบุรุษเพศอย่างเข้มข้น เขาเป็นคนค่อนข้างดุ พูดน้อย เฉียบขาด หากเขาได้พูดมากแปลว่านั่นคือเรื่องที่ควรจัดการ
เช่นเรื่องเกเรเรียนของลูกเลี้ยงสาวแสนดื้อรั้น เล่อชุนจึงต้องเอ่ยปากมากความเสียหน่อย เพื่อให้นางยอมกลับไปเรียนในสำนักศึกษา
เป็นสตรียุคใหม่ต้องมีวิชาติดตัว คุณหนูในสกุลคหบดีย่อมได้รับการศึกษา ทั้งเดินหมาก กาพย์กลอน พิณเพลง รวมถึงศิลปะเย็บปักอันละเอียดอ่อน สตรีมีตระกูลย่อมต้องศึกษาให้ครบถ้วน
แต่ฉินชิงกลับเพิกเฉยการศึกษา วัน ๆ เอาแต่ขี่ม้าออกไปเที่ยวเล่นที่ตลาดร้านค้า เล่อชุนจึงต้องจัดการเรื่องของนางให้เด็ดขาด ไม่ว่าจะแต่งออกไปหรือไม่ นางก็ต้องเป็นสตรีที่เพียบพร้อม อย่างน้อยเพื่อไม่ให้มารดาที่จากไปผิดหวังในตัวเด็กสาว
'อย่าห่วงเลยถิงฮัว ข้าจะดูแลนางให้ดี' เล่อชุนเอ่ยในใจ ต่อหน้าหลุมศพของถิงฮัว
"กลับกันเถิดท่านพ่อ" นางชวนเขากลับสกุลเล่อ
"หากไม่ดื้อก็ดีแล้ว"
"หากข้าดื้อ ท่านพ่อจะทำอะไรข้าเล่า" นางยิ้มมุมปาก
"เด็กดื้อจะไม่มีใครรัก" เขาโน้มกายลง กระซิบเสียงต่ำข้างหูนาง
ฉินชิงเงยหน้าขึ้นมองเล่อชุนอย่างขัดเคือง คำว่าไม่มีใครรักเหมือนเอาเข็มมาทิ่มหัวใจ นอกจากมารดาที่ตาย คงไม่มีใครต้องการนางอีกแล้วกระมัง
"งั้นรึ คอยดูเถิด สักวันข้าจะเป็นสตรีผู้มีแต่ชายหนุ่มมารุมรัก"
"ยังไม่ทันไรก็ดื้อตาใสใส่พ่อเสียแล้ว" เขาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
เล่อชุนเดินนำไปขึ้นรถม้า เขาไม่หันกลับมามองเด็กดื้อเช่นนางอีก
ฉินชิงมองตามแผ่นหลังกว้าง เหมือนถูกท่านพ่อทอดทิ้งให้เดียวดาย นางรู้สึกขัดใจแต่ไม่อาจตอบโต้สิ่งใดได้ รู้สึกรำคาญเหมือนแมลงหวี่ตอมเบ้าตา รำคาญความรู้สึกของตนที่แขวนไว้กับบุรุษที่นางเรียกว่าพ่อ
กลิ่นหอมจากเรือนกายบุรุษโชยเข้าจมูกนางบนรถม้าแม้เขาไม่ขยับร่าง ฉินชิงตวัดสายตามองเล่อชุนแวบหนึ่ง นางเลือกก้มหน้ามองมือตนเองเสียดีกว่าที่ต้องมองหน้าเขาให้หัวใจวุ่นวาย
รถม้าเคลื่อนมาถึงหน้าหมู่เรือนสกุลเล่อ ...สถานที่แห่งนี้เรียกว่าจวนตามศักดิ์ขุนนาง เพราะสกุลเล่อได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ขุนนางขั้นสี่ เนื่องด้วยสละเหมืองทองเป็นสินทรัพย์คลังหลวงทำศึกเมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน ศักดิ์ขุนนางยังสืบทอดต่อเนื่องรุ่นสู่รุ่น แม้ชนรุ่นหลังของสกุลเล่อทำการค้าไม่ได้รับใช้ราชสำนัก แต่ยังถือว่าบรรพบุรุษมีคุณูปการต่อแผ่นดิน
ฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้วยิ่งเย็นเยียบจนเสียดกระดูก
"สวมเสื้อขนเตียวเสียก่อน" เล่อชุนยื่นเสื้อขนเตียวสีเงินเหลือบเทาให้กับฉินชิง
"อากาศเย็นเพียงเล็กน้อย" นางไม่ยอมสวม
"จะถอดทั้งหมดหรือจะยอมใส่เสื้อที่พ่อเตรียมไว้ให้" เขากวาดสายตามองนางทั้งเรือนกาย
"ใส่ก็ได้เจ้าค่ะ" ฉินชิงรับเสื้อขนเตียวไปสวม
เขาดึงมือนางลงจากรถม้า รับร่มจากบ่าวชายผู้ยื่นมากางให้ นำมากางให้ฉินชิงเสียเอง
"อากาศเย็น อย่าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก หากจะไปให้ฝนต้นฤดูหนาวหยุดตกเสียก่อน"
"เจ้าค่ะ"
ร่างสูงใหญ่ยื่นมืออันอบอุ่นจับจูงมือน้อยเข้าไปด้านในเรือนหลัก
เย่วหยุนกับชุ่นเซียวเดินออกมาต้อนรับ พวกนางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของเล่อชุน ร่างโปร่งโค้งเว้าเดินชดช้อยยิ้มแย้มเข้ามาหาผู้นำตระกูลเล่อ ยกถาดใส่ถ้วยชาร้อน ๆ กับผ้าอุ่นมาให้เขาถึงหน้าเรือน
เมื่อเล่อชุนเห็นสองสาวอุ่นเตียงของเขา มือใหญ่จึงปล่อยจากมือของฉินชิงโดยพลัน
"ท่านพี่กลับมาแล้ว" เย่วหยุนนำผ้าอุ่นมาเช็ดมือให้เล่อชุน
"ดื่มน้ำชาอุ่น ๆ ก่อนเจ้าค่ะท่านพี่" ชุ่นเซียวยกถาดน้ำชาให้เล่อชุน เขารับไปดื่มแก้กระหาย
"ส่วนถ้วยนี้ของคุณหนูเจ้าค่ะ" เย่วหยุนส่งชาอีกถ้วยให้ฉินชิงด้วยรอยยิ้ม
"ขอบใจ แต่ข้าไม่ได้กระหายน้ำเช่นพวกเจ้า" เสียงกระแทกแดกดันเหล่าสตรีของเล่อชุน
ฉินชิงเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว นางหันกลับมามองสาวใช้อุ่นเตียงของเล่อชุน พวกนางเป็นบุตรสาวในครอบครัวฐานะยากจน เล่อชุนรับเย่วหยุนมาเลี้ยงดูแทนการยึดที่นาของครอบครัวนาง ส่วนชุ่นเซียวมาจากครอบครัวมือปราบ เล่อชุนใช้เงินหนี้การพนันให้บิดานางแลกกับการได้ชุ่นเซียวมารับใช้บนเตียง
สองสตรีข้างกายเล่อชุนล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างดี ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ อาหาร ที่อยู่ แถมได้เบี้ยไว้ใช้สอยอย่างคล่องมือ
เสื้อขนเตียวแบบเดียวกับที่ฉินชิงสวมอยู่พวกนางก็ได้รับเช่นกัน เพียงแต่สีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย แต่นับว่าเล่อชุนให้การดูแลอย่างเท่าเทียม
"ฮึ! ข้าไม่อยากสวมเสื้อที่เหมือนคนอื่นหรอก" ฉินชิงสะบัดกายเดินเข้าในห้องนอน
"คุณหนูไม่พอใจอะไรรึเจ้าคะ" เย่วหยุนเอ่ยถามเล่อชุน
"เด็กกำลังโตก็พยศเช่นนี้" เล่อชุนมองตามหลังฉินชิง
"ท่านพี่อาบน้ำร้อนดีกว่าเจ้าค่ะ พวกข้าเตรียมให้ในห้องอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว"
"อืม..พวกเจ้าช่างเข้าใจปรนนิบัติ" เขาเอ่ยชมพวกนาง
"หรือท่านพี่อยากอาบน้ำที่บ่อน้ำพุร้อนด้านหลังก็ย่อมได้ พวกข้าจะอาบเป็นเพื่อนเจ้าค่ะ" เย่วหยุนช้อนตามองอย่างยั่วยวน
"ไปบ่อน้ำพุร้อนก็แล้วกัน แช่น้ำแร่คงทำให้เลือดลมไหลเวียนดียิ่ง" เล่อชุนเดินนำไปที่บ่อน้ำร้อน
ฉินชิงรู้สึกเมื่อยขบตามเนื้อตัว จึงอยากอาบน้ำแร่ให้ร่างกายผ่อนคลาย ฉินชิงหยิบชุดคลุมอาบน้ำพร้อมผ้าพันกาย เดินไปที่บ่อน้ำพุร้อนด้านหลังซึ่งเป็นบ่อแยกชายหญิง
เมื่อก้าวขาลงน้ำก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่บ่อน้ำพุชายด้านข้าง เสียงบุรุษสตรีกำลังโรมรันเล้าโลมกันอย่างถึงอกถึงใจ
"ซี้ดส์ ท่านพี่ ดียิ่งเจ้าค่ะ ลึกอีก"
"แข็งแกร่งยิ่งนักท่านพี่"
เสียงครวญครางกระเส่ากระสัน เสียงเนื้อกระแทกกันดังสนั่น ผสานเสียงบุรุษคำรามเหมือนสัตว์ป่า
"อาาาา แน่นดีเหลือเกิน ตอดรัดดียิ่งเย่วหยุน"
"ท่านพี่เจ้าขา ข้าบ้างสิเจ้าคะ" เสียงชุ่นเซียววอนขอบางสิ่งจากเขาบ้าง
ฉินชิงเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ฉากไม้ไผ่สาน แหวกรูเล็กให้กว้างขึ้นพอให้ดวงตาสำรวจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ่อน้ำพุร้อนฝั่งตรงข้าม
สิ่งที่เห็นทำให้เด็กสาววัยกำลังโตรู้สึกร้อนเร่าขึ้นทันที เย่วหยุนกำลังยืนเกาะโขดหิน โก้งโค้งหันสะโพกขาวอวบไปทางเล่อชุน นายท่านสกุลเล่อกำลังกระแทกบั้นเอวสอบเข้าใส่บั้นท้ายกลมแน่นแบบเข้าสุดออกสุด เสียงกระแทกดังตั้บ ๆ ๆ ฟังดูสยิวลามก
"ท่านพี่ ข้าบ้างเจ้าค่ะ" ชุ่นเซียวโก้งโค้งรอ แอ่นสะโพกกระดกขึ้นด้วยความอยากกาม
ไม่ช้าเล่อชุนก็ชักแท่งเนื้อออกจากร่องรักของเย่วหยุน ทิ่มแท่งเอ็นหนาพรวดพราดเข้าในร่องสวาทของชุ่นเซียว
"อูยยย ท่านพี่ ลึกเหลือเกินเจ้าค่ะ ซี้ด อาาา อื๊อ เสียวยิ่ง" ชุ่นเซียวครางอย่างสาแก่ใจ
ฉินชิงเห็นรูปร่างของพ่อเลี้ยงอย่างเต็มตา กายแกร่งสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำยำแห่งบุรุษ กำลังขยับบั้นเอวกระทั้นแท่งรักเข้าใส่สองสตรีเต็มแรงจนหัวสั่นหัวคลอน
ร่างเปลือยเปล่าของเล่อชุนช่างดึงดูดสายตา ยิ่งแท่งเนื้อยาวใหญ่แข็งขึงกำลังกระทั้นเร่งรัวในจังหวะดิบเถื่อนยิ่งทำให้ลูกเลี้ยงสาวรู้สึกร้อนเร่าขึ้นอีกหลายระดับ
ฉินชิงเอามืออุดปากตนเองไว้ไม่ให้กรีดร้องออกมา สายตาจดจ้องพ่อเลี้ยง(เอว)ดุ ขยับซอยสะโพกถี่ยิบใส่ร่องสวาทของชุ่นเซียว
ภาพเสพสมอันร้อนเร่ากับเสียงเนื้อแฉะกระแทกกันดังสนั่นยังก้องอยู่ในหู...