ตอนที่10 แทบหัวใจวาย

1991 คำ
หลายปีผ่านไป “ว่าไงคะ?” เสียงงัวเงียที่เพิ่งกดรับโทรศัพท์ ทำให้คนที่อยู่ปลายสายถึงกับยิ้มไม่หุบทันทีที่ได้ยินเสียงหวาน “รบกวนเวลานอนหรือเปล่านะ รู้สึกผิดจังเลยที่โทรมาก่อกวนคนขี้เซา” “ไม่เป็นไรค่ะ คุยได้” “แล้ววันนี้จะกลับมากินข้าวที่บ้านหรือเปล่า รู้ไหมว่าผมทำกับข้าวไว้รอแล้วนะ” น้ำเสียงสดใสของชานนท์ถามกลับ เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับคนปลายสาย คนที่หัวใจสุดแสนจะคิดถึง คนที่เขาแอบรักแอบชอบแต่ไม่กล้าบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ เปรมวดียังคงตื่นได้ไม่เต็มตานัก เพราะสถานที่ที่เธออยู่ตอนนี้เป็นเวลาคลาดเคลื่อนจากเวลาในประเทศไทยหลายชั่วโมงมาก เนื่องจากเพิ่งบินมาถึงโอซาก้าได้ไม่นาน เพราะเครื่องบินเที่ยวล่าสุดที่เธอทำหน้าที่เป็นแอร์โฮสเตสประจำเครื่องล้อเพิ่งแตะรันเวย์ เกิดความผิดปกติทางสภาพอากาศจนทำให้ไม่สามารถไปต่อได้ จึงต้องส่งผู้โดยสารทั้งลำลงยังสถานีสำรองทั้งหมด ตัวเองก็ต้องเตรียมตัวกลับเมืองไทยในวันนี้ ทำให้เวลาพักผ่อนค่อนข้างมีน้อยมากสำหรับชีวิต ได้งีบนิดหน่อยก็ทำให้รู้สึกสดชื่นมากอยู่เหมือนกัน “ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะกลับไปถึงที่โน่นกี่โมง ที่นี่หิมะตกหนักมากเลยค่ะ หนักจนถึงรถที่ตักหิมะในสนามบินต้องออกทำงานกันตลอดเวลาเลย” “โห สภาพอากาศแย่ขนาดนั้น?” “ใช่ค่ะ แถมสนามบินก็ยังขอให้เอาผู้โดยสารขาออกติดเครื่องกลับไทยไปด้วยนะ แย่ชะมัด!” เสียงบ่นอุบอิบ พร้อมกับทำท่าทีบิดขี้เกียจเพื่อเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายในคราเดียวกัน “อย่าพูดแบบนั้นสิ มันเป็นธุรกิจของเขานะ ยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมตีเที่ยวบินเปล่ากลับมาเฉย ๆ แน่ บ่นเก่งขนาดนี้ลาออกมาให้ผมเลี้ยงดีกว่าไหมล่ะ” ใบหน้าหล่อยิ้มแฉ่งส่งให้ พูดหยอกเอินปนความจริงที่ใจนึกคิดและอยากพูดให้อีกคนได้ยินบ้าง “พูดเป็นเล่นไป ก็เข้าใจแหละค่ะว่ามันคือธุรกิจ แต่แทนที่จะได้พักผ่อนนานกว่านี้หน่อย ผิดแผนไปหมดเลย เฮ้อ....ชีวิตของเปรมวดีนี่นะ ใครว่ามันดี ใครบอกว่าสบายกัน” ใบหน้าสวยที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ส่ายหน้าไปมาเบา ๆ ทำเอาชานนท์ต้องยิ้มตามเธอไปด้วย “วันนี้ผมไม่ได้ไปเข้าเวรนะส่วนลูกหมูน้อยก็กินอิ่มมาก ๆ ด้วย กินจุมากกว่าผมซะอีกเปรมรู้หรือเปล่านะ” ชานนท์แพลนกล้องหันไปทางลูกสาวตัวน้อยของเปรมวดีที่อายุจะเต็ม 4 ขวบในปีนี้ รูปร่างอ้วนท้วนกลมสมบูรณ์ไปทุกส่วน แม้แต่ท่อนแขนก็ยังกลมแน่นชวนให้มันเขี้ยวทุกครั้งที่ได้มองเห็น ทุกคนในครอบครัวจะเรียกลูกสาวของเธอว่า ‘ลูกหมูน้อย’ เด็กหญิงหน้าตาสวยที่มีใบหน้าเหมือนตุ๊กตากระเบื้องฝรั่งเศส ใบหน้าได้พ่อมาอย่างกับฝาแฝด แต่ทว่าพ่อของลูกไม่ใช่ผู้ชายจากปลายสายที่กำลังพูดคุยด้วยในตอนนี้ แต่ชานนท์ก็ยินดีที่จะรับเป็นพ่อของเด็กในท้องให้ ทั้งที่เปรมวดีปฏิเสธแล้วแต่ก็ต้องจำยอมรับกับความเมตตา ที่เขาให้ที่พักพิงกับเธอและลูกมาตั้งแต่ต้นและอยู่ผูกพันกันมาเกือบจะห้าปีแล้ว แต่สำหรับผู้หญิงที่มีราคีและมีลูกติดอย่างเธอการจะเปิดใจให้ผู้ชายสักคนเข้ามาในชีวิตอีกถือเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้แต่อาชีพแอร์โฮสเตสที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ก็มีชานนท์เป็นคนคอยสนับสนุนให้ทุกอย่าง จึงทำให้เปรมวดียิ่งรู้สึกว่าเขามีบุญคุณท่วมหัวจนไม่กล้าพูดอะไรมาก เธอหวังเพียงแค่ว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะสามารถเก็บเงินใหม่ได้อีกสักก้อน เก็บให้ได้มากพอและจะย้ายออกไปใช้ชีวิตอยู่กันตามลำพังสองคนแม่ลูกให้สบายใจกว่าที่เป็นมา “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเปรมดูเหม่อ ๆ นะ” เปรมวดีกระพริบตาสองสามครั้ง สลัดความคิดเรื่องเดิม ๆ ในอดีตออกจากหัว แล้วหันกลับมามองชายหนุ่มที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือตอนนี้แทน ชานนท์เป็นคนดีที่ไม่เคยคิดจะหักหาญน้ำใจเธอเลยสักครั้ง ที่สำคัญไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลัง เขาดูเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายดีมาตลอด ไม่เคยจะทำให้เธอต้องรู้สึกลำบากใจ ข้อนี้จึงทำให้เธอเองก็เริ่มหวั่นไหวไปทางเขาอยู่บ้างในบางครา “เปล่าค่ะ กำลังคิดว่าอาทิตย์หน้ามีวันหยุดตั้งหลายวัน เรานัดกันไว้ว่าจะพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ เปรมกลัวว่าจะเป็นคุณเองหรือเปล่าที่ไม่มีเวลาอีกตามเคย” “นึกว่ากังวลเรื่องอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอกนะ ผมจะลางานเอาไว้ล่วงหน้า” “เอ๊ะ! ทำไมเป็นคุณหมอแต่ไม่รักษาตารางเวลางานของตัวเองแบบนี้นะ แล้วถ้าวันนั้นเกิดมีคนไข้เคสด่วนขึ้นมาจะทำยังไงกันคะ วุ่นวายกันไปหมดแน่ ๆ เลยสิงั้น” เปรมวดีขมวดคิ้วมุ่น เธอว่าชีวิตเธอไม่ค่อยมีเวลาเป็นของตัวเอง แต่ชานนท์ยิ่งหนักกว่าอีก เพราะอาชีพหมอไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ เวลาพักผ่อนก็น้อยนิดมาก ๆ เลย “ถึงมีคนไข้เคสด่วนก็ยังมีหมอคนอื่น แต่สำหรับเปรมกับเจ้าหมูน้อยมีแค่ผมคนเดียวมาตลอดไม่ใช่หรือไง แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องปล่อยให้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดผ่านพ้นไปโดยที่ไม่ทำให้มันคุ้มค่าด้วย ผมสัญญาอะไรไว้แล้ว ผมไม่เคยผิดสัญญาเปรมเองก็รู้ดีนี่นา” หัวใจของเปรมวดีอุ่นวาบขึ้นมาทุกครั้งที่ชานนท์ใช้คำพูดดี ๆ แบบนี้มาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เปรมวดีเพิ่งจะเข้ามาทำงานของสายการบินนี้ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น เขายังรับผิดชอบดูแลทุกอย่างให้ จนกว่าเธอจะสามารถเก็บเงินได้ตามที่วาดฝันเอาไว้ เพราะเงินที่ได้มาในวันนั้นก็ถูกใช้จ่ายในชีวิตประจำจนร่อยหลอแทบไม่เหลือเก็บ ที่ผ่านมาชานนท์คือกำลังใจดี ๆ ที่มีให้กันมาตลอด เป็นเรื่องที่สมควรที่สุดที่เธอจะมองข้ามไม่ได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนที่เคยทำร้ายเธออย่างเช่นเขาคนนั้นที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูก “ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ เราจะเลื่อนไปวันอื่นเพราะถึงยังไงวันเกิดก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น เปรมชินแล้วค่ะกับการที่ไม่ต้องฉลองวันเกิด เพราะถึงยังไงมันก็เป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้นเอง” “ไม่ได้เด็ดขาด ผมจะไม่ยอมให้วันสำคัญของเปรมต้องผ่านไปโดยที่ผมไม่ทำอะไรให้ประทับใจ ยังไงผมก็จะต้องเคลียร์งาน แล้ววันนั้นพวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบครอบครัวสักที ดีไหมครับ?” “ตามใจสิคะ ถึงยังไงเปรมคงห้ามคุณไม่ได้อยู่แล้ว” เปรมวดีเผยรอยยิ้มที่สดใสเหมือนดวงอาทิตย์ให้ได้เห็น เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะเป็นคนพูดเชิญชวนเขาให้มีส่วนร่วมในชีวิตก่อน เห็นจะมีแต่เขาเท่านั้นที่ต้องวิ่งไล่เอาใจเธอมาตลอดและพยายามทำทุกอย่างให้เปรมวดีเห็นเขามีค่าในสายตาของเธอบ้าง แต่เพราะอาทิตย์หน้า ‘ไออุ่น’ ลูกสาวสุดที่รักอยากจะไปเที่ยวสวนสัตว์เหมือนเพื่อน ๆ เปรมวดีจึงอยากพาลูกไปเที่ยวและถือว่าเป็นการฉลองวันเกิดของตัวเองไปด้วยเสียเลย เปรมวดียิ้มออกมาอีกครั้ง ชานนท์ชอบพูดคำว่าครอบครัวให้ได้ยินเสมอ ในหัวใจของชานนท์เธอและลูกสาวกลายเป็นคนในครอบครัวของเขาไปแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่เขาเซ็นรับรองบุตรให้กับเธอ ถึงแม้ไม่ใช่คนที่ทำร้ายกันจนหมดอนาคต แต่เขายังกล้ารับผิดชอบคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก แถมชานนท์ยังคงส่งเสียให้เธอได้กลับไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายจนจบ จนได้รับปริญญาเพื่อลบคำสบประมาทของใครหลายคนที่เคยดูถูกเธอเอาไว้ สนามบิน ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมงเศษที่ได้พักผ่อน เปรมวดีก็ต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศไทย คุณแม่ลูกหนึ่งที่หุ่นยังสวยเช้งในชุดเครื่องแบบยูนิฟอร์มของสายการบินเดินออกมาจากห้องพักของพนักงาน จัดแต่งหน้าตาและเสื้อผ้าของตัวเองให้ดูดีตามกฎระเบียบ เพื่อนร่วมอาชีพเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะชักชวนให้ไปเตรียมตัวที่เครื่องด้วยกัน “น่าเบื่อนะ แทนที่จะได้กลับแบบสบาย ๆ แต่เราก็ต้องมีลูกค้าบินกลับไปด้วยซะงั้น แถมยังเป็นพวกเรื่องมากซะด้วยสิ น่าเบื่อตายชักแน่ ๆ งานนี้!” “ใครเหรอ เหมือนได้ยินออยจะบ่นตั้งแต่ตอนขึ้นเครื่องมาแล้วนะ” “เขามาเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ เห็นว่าเครื่องบินส่วนตัวมีปัญหาละมั้ง บังเอิญว่ามีเรื่องต้องรีบกลับเมืองไทยด่วนเลยต้องกลับกับเราด้วย แถมยังสนิทสนมกันกับเจ้าของสายการบินนี้อีก แล้วดูสิต้องมาเดือดร้อนพวกเราเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้แบบนี้ แทนที่จะได้นอนพักสบายก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นแล้ว” “เอาเถอะน่าออย ยังไงก็ไม่ได้เดินทางไกลขนาดนั้น คงไม่มีอะไรหรอก คิดซะว่าอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้กลับไปพักร้อนยาว ๆ หลายวันติดแล้ว เธอเองก็ลาพักผ่อนเอาไว้ไม่ใช่เหรอ ฉันเองก็ลาเหมือนกัน” พนักงานสาวพยักหน้าให้กันและกัน พร้อมกับเสียงหัวเราะขบขันเมื่อคิดถึงเรื่องที่ไม่ต้องมาสอนงานพนักงานประจำเครื่องคนใหม่ ใครก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานแอร์โฮสเตสสบายและเงินดีมาก แต่ที่จริงแล้วมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดเอาเสียเลย เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านการอบรมอย่างหนักและยังต้องมีบุคลิกภาพที่ดูดีเป็นสง่า สบายตาแก่สายตาของลูกค้าเมื่อยามที่ให้บริการ สำหรับคนที่ปั้นหน้าไม่เก่งอย่างเปรมวดีก็ถือว่าเป็นงานที่ยากพอตัว เพราะในแต่ละวันต้องพบกับลูกค้าร้อยพ่อพันแม่ บางทีก็ทำให้หงุดหงิดแทบอยากจะกรี๊ดวันละหลายรอบอยู่เหมือนกัน “นั่นไงยัยเปรม เขามากันแล้ว รีบออกไปยืนต้อนรับกันเร็วเข้า คุณลูกค้ากิตติศักดิ์ท่านเดินมาโน่นแล้วเจ้าค่ะ” เปรมวดีทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างนึกตลกกับการจีบปากจีบคอพูดของเพื่อนสาว พร้อมกับส่ายหน้าให้เพื่อนเบา ๆ แล้วรีบเดินตามหลังไปยืนเรียงแถวรอต้อนรับตามหน้าที่ ในขณะที่ลูกค้าคนพิเศษลงจากรถลำเลียงผู้โดยสารของสนามบินมาจอดเทียบบันไดขาขึ้นของเครื่องบิน แต่แล้วทันทีที่ร่างสูงใหญ่ของคนคุ้นหน้าเดินขึ้นบันไดเข้ามาใกล้ เปรมวดีแทบจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ หัวใจเธอเต้นแรงแทบทะลุอกออกมาแล้วในเวลานี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม