สายตาของเธอและเขาจับจ้องมองกันอย่างไม่วางตา หัวใจเธอเต้นแรงมาก ทั้งตื่นเต้น ตกใจและหวั่นกลัวอย่างบอกไม่ถูกเลย โลกที่ว่ากว้างดูเล็กแคบลงทันตาเห็น เมื่อเขาค่อย ๆ ถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากดวงตาที่ถูกปิดบังเอาใบ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อคมเข้มที่ดูดีไม่เคยเปลี่ยน
ดวงตาคมดุจับจ้องมองหน้าแอร์โฮสเตสสาวที่คุ้นเคยอย่างไม่วางตา เปรมวดีทำได้เพียงยืนนิ่งบีบฝ่ามือของตัวเองแน่นเพื่อลดอาการประหม่าที่กำลังเกิดขึ้น สายตาที่มองมาอย่างคาดโทษ แววตาที่ดุกร้าวน่าเกรงขาม เปรมวดีรู้ตัวแล้วว่าเรื่องบัดซบในชีวิตน่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับที่เคยอ่านในคำทำนายโชคชะตาตามหน้าฟีดของพวกหมอดูตลกร้ายว่าดวงของคนเรามักจะเสวยเคราะห์และเสวยสุขในช่วงที่ใกล้ถึงวันเกิดเสมอ คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ ชีวิตไม่เคยเชื่อคำนายของหมอดูมาก่อน แต่ทำไมครั้งนี้ดูเหมือนจะแม่นจนทำให้รู้สึกหวั่นกลัวมากเหลือเกิน
เขาเองก็จำเธอได้ทันทีที่มองเห็น แถมเขายังคงใช้สายตามาดร้ายข่มขู่เอาไว้ให้รู้สึกกลัว ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงทักทาย ก่อนจะเดินเข้าไปภายในเครื่อง ตามติดด้วยภรรยาสาวคนสวย คนที่เขาตกลงปลงใจแต่งงานด้วยเมื่อหลายปีก่อน
ขาทั้งสองข้างของเปรมวดีถึงกับสั่นสะท้านแทบยืนทรงตัวไม่ไหว ทำได้แค่ก้มหน้าลงในตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านไป แม้จะอยากเดินหนีไปให้ไกลแสนไกล แต่เพราะนี่มันคือหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบและทำให้ดีที่สุด เธอควรจะต้องแยกแยะให้ได้ระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวต้องแยกให้ออก เธอหนีเขามานานมาก หากวันนี้ต้องเผชิญหน้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แบบนี้ เธอก็ต้องผ่านมันไปให้ได้อีกครั้งเหมือนกับตลอดหลายปีที่เคยผ่านมา
ภายในห้องพักของพนักงานบนเครื่อง เปรมวดีเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น ก่อนที่จะพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างบานเล็กที่ปรากฏปุยเมฆลอยคละคลุ้งเป็นทางยาว พยายามสูดลมหายใจเข้าและออกเพื่อปรับอารมณ์ให้เป็นปกติให้ได้ กลับมาเจอกันอีกแบบนี้ เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้เธอมีชีวิตที่สงบสุขได้อีกแน่ ๆ
ตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตกำลังจะเข้าที่เข้าทาง แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องหวนกลับมาเจอกับคนที่เป็นต้นตอของความโชคร้ายทั้งหมดในชีวิตนี้อีกครั้ง
“เป็นอะไรไปหรือเปล่าเปรมทำไมหน้าซีดขนาดนั้น เมาเครื่องเหรอหรือไม่สบาย” เสียงทักเรียกจากเพื่อนร่วมงานทำให้เปรมวดีสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปยิ้มให้เล็กน้อย
“แค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเท่านั้นเอง สงสัยฉันจะนอนไม่พอมากกว่าล่ะมั้งออย”
เปรมวดีรีบแก้ตัวกลับ แล้วเดินกลับไปหาน้ำเย็นดื่มเพื่อลดอารมณ์ที่ตึงเครียดในเวลานี้ พยายามข่มอารมณ์ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด
“เธอยังดีเวียนหัวเพราะนอนไม่พอ ฉันนี่สิเวียนหัวกับความเอาแต่ใจของยัยคุณหนูเย่อหยิ่งคนนั้นเต็มทีแล้ว จะบ้าตาย!”
เปรมวดีแทบจะไม่ต้องหันกลับไปถามว่าวาสิตามีความเรื่องมากในเรื่องอะไรบ้าง เพราะเท่าที่เธอรู้จักตัวตนของหล่อนคนนั้น นับตั้งแต่วันแรกที่เพชรรัตน์พากลับมาจากปางไม้ทางภาคเหนือ ลูกสาวเพียงคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ก็มักจะแผลงฤทธิ์บ่อยให้รู้กิตติศักดิ์ภายในบ้านของวิบูลย์เทวัญ หลายต่อหลายครั้งใครต่อใครมักจะสนับสนุนให้เอาแต่ใจและปล่อยให้ความเย่อหยิ่งของหล่อนมีคุณค่าอยู่เหนือความเป็นคนของคนอื่นเสมอ จนตอนนี้กลายเป็นสันดานที่แก้ยากไปแล้ว ไม่รู้จะต้องสงสารหรือสมเพชผู้หญิงคนนั้นดี แต่อย่างน้อยวาสิตาก็มีดีอยู่ข้อคือชุบชีวิตเธอทำให้เธอได้หนีมาหายใจหายคอได้เต็มปอดนานเกือบห้าปีแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีวันนี้คงไม่ต้องหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแบบนี้อีก
“ฉันเองก็เคยเห็นในหน้าข่าวมาเหมือนกันว่าเขาค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมาก”
“ไม่ค่อนข้างหรอก เรียกว่าเยอะเลยแหละ รู้หรือเปล่าว่าแก้วน้ำที่เสิร์ฟบนเครื่องก็ใช้ไม่ได้นะจ๊ะ จะต้องเอาแก้วน้ำส่วนตัวที่เตรียมมาด้วยเท่านั้น แล้วมันใช่ที่ไหนล่ะมันผิดกฎของสายการบินก็รู้กันอยู่ ดูอย่างแครกเกอร์ไข่ปลาคาเวียร์นางก็บอกว่ากินไม่ได้เหม็นคาวชวนจะอ้วก ให้ไปเปลี่ยนเป็นโทสต์หรือไม่ก็พวกของกินเล่นอย่างอื่นมาให้แทน แล้วแต่ละอย่างที่อยากได้คือเราไม่ได้เตรียมไว้ในเมนูอาหารไงเข้าใจปะ มันจะไปหามาได้ยังไงวะประสาทไปใหญ่แล้ว นางไม่เข้าใจหรือไงว่าตอนนี้เราลอยอยู่บนฟ้า พูดมาแล้วฉันโมโห!”
เพียงแค่ได้ยินเพื่อนสนิทบ่นออกมาอย่างนั้น เปรมวดีก็คิดถึงตัวเองในสมัยที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านวิบูลย์เทวัญก่อนที่จะย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจครั้งหนึ่งของวาสิตานี่แหละ ทำให้เธอถึงกับถูกเพชรรัตน์เกือบลงมือทำร้ายมาแล้ว เป็นภาพความทรงจำที่เธอไม่อาจลืมมันไปได้
“ไม่เป็นไรหรอกอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเมืองไทยแล้วอดทนหน่อยนะยัยออย”
“ถ้าไม่กลัวโดนไล่ออก ฉันก็จะไม่ทนนะ ฉันอยากบวกกับนางมาก เห็นว่าตัวเองรวยมาก เลยต้องชี้นิ้วสั่งทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ เหอะ! ถ้ารวยแล้วเป็นงี้อย่ารวยเลย รำคาญ!”
เปรมวดีเข้าใจเพื่อนร่วมงานแม้แต่ตัวเธอเองก็ต้องทนอึดอัดจนแทบหายใจลำบากไม่ต่างกันเลยสักนิด แต่เพราะคำว่าหน้าที่ คำว่างานและเงิน ไม่ว่าจะอยากชักสีหน้าใส่แค่ไหนก็คงทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มรับให้ผ่านพ้นไปเท่านั้น
“เปรมรอบหน้าฉันไม่ออกไปแล้วนะ ฉันกลัวจะอดใจไม่ได้ เธอช่วยเอาเครื่องดื่มออกไปเสิร์ฟให้ตามเวลาด้วยก็แล้วกัน ฉันจะต้องไปหาขนมที่นางบอกว่าอยากกินที่ห้องเก็บของสักหน่อย ดูไปแล้วน่าจะงานช้างเชียวล่ะไฟล์ทนี้ หงุดหงิดโมโหเป็นบ้า ทำไมต้องเจอลูกค้าประสาทแดรกแบบนี้ด้วยนะ พระเจ้าช่างกลั่นแกล้งคนสวยเหลือเกิน”
เปรมวดีถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเธอเองก็มีเจตนาจะให้เพื่อนออกไปรับหน้าตั้งแต่ครั้งแรกแล้วเหมือนกัน ถึงไม่ได้ออกไปเสิร์ฟอาหาร เสิร์ฟเครื่องดื่มเองตั้งแต่แรก แต่เมื่อเพื่อนได้รับความเดือดร้อนแบบนี้ คงถึงเวลาแล้วที่จะทำทุกอย่างให้จบสิ้นด้วยตัวเอง