เปรมวดีรีบชะโงกหน้าออกไปดูต้นตอของเสียงนั้น เธอเห็นเพื่อนร่วมงานกำลังยืนตัวสั่นเทาอยู่กับที่ แม้แต่ตัวของวาสิตาเองก็ดูไม่พอใจ มองไปยังใบหน้าของสามีแล้วมองกลับมาทางเธออีกครั้ง จนต้องรีบหลบสายตาและมุดหน้าเข้ามาอยู่ในมุมมืดแทน
“แก! วันโลกาวินาศหรือไงวะเนี่ย เรื่องเยอะเรื่องมากทั้งผัวทั้งเมีย! ได้ยินหมดแล้วใช่ปะ?” อรปรียาถามเพื่อนออกไป คนที่นั่งหน้าซีดได้แต่พยักหน้ารับเบา ๆ
“ฉันว่ารีบออกไปเถอะ อารมณ์เหมือนวัยทอง เอาใจโคตรยาก รวยแล้วเยอะเบอร์นี้ อย่ารวยนะขอร้อง”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นรู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจอยากจะหาเรื่อง แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ยังไงเสียเปรมวดีก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
“พักสงบสติอารมณ์นะออย เดี๋ยวทางนั้นฉันเคลียร์เอง”
“อดทนหน่อยนะเปรม ท่องเอาไว้เหมือนฉันนี่ ลูกค้าคือพระเจ้า! ลูกค้าคือพระเจ้า!!!! อื้มมมม! อกจะแตกตาย!”
เปรมวดีจึงต้องค่อย ๆ เดินออกไปเผชิญหน้ากับคนที่กำลังโวยวายสร้างเรื่องให้ปวดหัว ใบหน้าของวาสิตาก็ดูไม่ค่อยพอใจมากเหมือนกัน หันมามองจ้องเธอเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อให้ตัวแหลก
“ไม่ทราบว่าคุณต้องการอะไรเหรอคะ?”
“ฉันบอกให้เธอเอาบรั่นดีมาเสิร์ฟ ไม่ได้บอกให้พนักงานอีกคนเอามาเสิร์ฟให้ หูของพนักงานบนเครื่องนี้มันเป็นยังไงนะ สงสัยจะเป็นหูของคนพิการ ถึงได้ฟังคำสั่งของคนไม่รู้เรื่อง” ดวงตาคมดุจ้องมองหน้าเปรมวดีด้วยความไม่พอใจ ชักสีหน้าใส่ไม่ได้แคร์ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไรด้วยซ้ำ
“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าฉันจัดเตรียมอาหารตามที่คุณผู้หญิงท่านนี้สั่งอยู่ เลยไม่ได้ออกมาดูแล ขออภัยด้วยค่ะ แต่ตอนนี้คุณก็ได้รับเครื่องดื่มไปแล้วไม่ใช่หรือไงคะ ทำไมถึงต้องโวยวายสร้างเรื่องอยู่อีก ถึงจะมีแค่คุณสองคน แต่ก็ต้องการความสงบอยู่นะคะ”
เพชรรัตน์มองอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ เปรมวดีรู้ดีว่าคนที่กำลังมีปัญหาอยู่ด้วยคือคนของวิบูลย์เทวัญเจ้าของเครือธุรกิจขนาดใหญ่ภายในประเทศ และพนักงานในสายการบินทุกคนต่างรู้กันดีว่าเขาคือเพื่อนสนิทของเจ้าของสายการบินที่พวกเธอกำลังทำงานอยู่ในขณะนี้ ถ้าเครื่องบินลงจอดเมื่อไหร่สงสัยคงต้องโดนผู้บริหารเรียกเข้าห้องเย็นพูดคุยกันยาวแน่งานนี้
“ฉันสั่งใครคนนั้นก็ต้องเป็นคนไปเอามาให้ เธอยกแก้วบรั่นดีมาให้ฉันสิเปรมวดี”
เสียงทุ้มออกคำสั่งอีกรอบ เปรมวดีจึงพยักหน้ารับและยอมทำตามอย่างว่าง่าย
วาสิตาแม้จะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เพิ่งเคยเห็นสามีเอาแต่ใจตัวเองมากขนาดนี้ ต่อให้ตนวางท่าออดอ้อนหรือยั่วยวนเขาเพียงใด แต่เพชรรัตน์ก็ไม่เคยให้ความสนใจเหมือนที่เขาสนใจคนตรงหน้า ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะตามจิกตามสั่งเธอที่เป็นเมีย อย่างที่เห็นทำกับเปรมวดีในตอนนี้เลย
เปรมวดีจำใจเดินเข้าไปยืนข้างรถเข็นก่อนที่จะนำเอาแก้วเครื่องดื่มมาส่งให้เพชรรัตน์เองกับมือ เมื่อชายหนุ่มรับแก้วเครื่องดื่มไปจากเธอ เขาก็ยกขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย เพียงครู่เขากลับกระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วหันมาหัวเราะใส่หน้าเปรมวดีเสียงดังลั่น
“ฮ่า ๆ ๆ สายการบินนี้ใช้แต่ของราคาถูกเนอะ มิน่าล่ะถึงได้จ้างแต่พนักงานที่มีความรู้ความเข้าใจต่ำ ๆ กว่าทุกคลาสของสายการบินมาเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องแบบนี้ คนคัดเลือกเอาตาไหนคัดเลือกมานะ ตาต่ำ!”
พูดจบเพชรรัตน์ก็แทบจะโยนแก้วลงไปบนรถเข็นทันที เปรมวดีรีบคว้าแก้วเอาไว้แทบไม่ทัน ทำให้บรั่นดีที่อยู่ในแก้วกระฉอกออกมาเปื้อนไปตามแขนเสื้อและมือที่ขาวผ่องของเธอเต็มไปหมด
อรปรียาที่ยืนแอบมองอยู่หน้าซีดเผือดไปตาม ๆ กัน เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองกับเพื่อนทำอะไรผิดมากมาย ถึงได้ถูกลูกค้าคนสำคัญรายนี้กลั่นแกล้งทั้งผัวและเมียเลย แต่ผิดกับเปรมวดีเธอรู้ดีว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด เพราะความไม่พอใจเธอล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับอะไรที่อยู่รอบตัวทั้งนั้น
“ในเมื่อบรั่นดีไม่ถูกใจถูกคอคุณ ตอนนี้ก็คงไม่มีเครื่องดื่มอะไรที่พอจะทดแทนได้แล้วค่ะ อีกอย่างสิ่งที่คุณลูกค้าต้องการมันก็ไม่ได้มีอยู่ในรายชื่อของเครื่องมาตั้งแต่แรก เพราะจำได้ว่าคุณลูกค้าไม่ได้มีเที่ยวบินที่จะมากับพวกเรา ดังนั้นจึงต้องขออภัยนะคะหากการเตรียมการไม่ประทับใจมากขนาดนี้ ถ้าจะโทษใครคงต้องไปโทษและต่อว่าเพื่อนของคุณเอง ฉันขอตัวก่อน”
เปรมวดีไม่หวาดกลัวว่าเขาจะทำอะไรต่อ ในเมื่อเขาไม่คิดให้เกียรติใคร เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติเขาอีกแล้ว
การที่เพชรรัตน์ลงมือทำอะไรสักอย่างต่อหน้าภรรยาแต่งแบบนี้ เขาต้องคิดให้มากกว่านี้หรือเปล่า หากไม่ต้องการให้ผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาให้ต้องอับอาย เหมือนอย่างครั้งหนึ่งที่เคยวางอำนาจอยู่ในคฤหาสน์ของวิบูลย์เทวัญ แต่นี่ไม่ใช่บ้านหลังนั้นที่เธอจะต้องมาทนกับคนที่ไม่เคยเห็นค่าคนอื่นแบบนี้ได้ เคยคิดว่าเขาเยอะเขาเรื่องมาก แต่หลายปีก่อนไม่ได้เยอะจนบ้าขนาดนี้เลยนี่นา
แต่ใครจะคิดว่าท่าทางอวดดีของเปรมวดีจะถูกเก็บมาใส่ใจ เพชรรัตน์มองตามแผ่นหลังผอมบางและรูปร่างเพรียวระหงที่เดินหายเข้าไปภายในห้องพักของพนักงานจนลับสายตา ยังต่อปากต่อคำได้ดีเหมือนเดิม เปรมวดีไม่เคยเปลี่ยน แต่ที่เปลี่ยนคงเป็นความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง
ผ่านไปเพียงครู่ใหญ่เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ทั้งเปรมวดีและเพื่อนร่วมงานต่างรู้สึกอึดอัดใจกันมาก
“วันซวยหรือไงวะที่ต้องมารองรับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนพวกนั้นแบบนี้ ฉันทำงานมากับคนเป็นแสนเป็นล้าน ไม่เคยจะเห็นใครนิสัยแย่เหมือนสองคนนี้เลยนะเปรม ให้ตายเถอะ!” อรปรียายังคงนั่งบ่นเหมือนเดิม ไม่สบอารมณ์อยู่เช่นเดิมแม้จะผ่านมาหลายนาทีแล้ว
“คนร้อยพ่อพันแม่น่ะออย จะให้เหมือนกันทุกคนไม่ได้หรอกช่างเขาเถอะ”
“งั้นฉันขอลงไปนั่งพักแล้วก็เช็คสต๊อกก่อนนะ ดูเหมือนว่าจะมีของอีกหลายรายการที่ฉันไม่ได้เช็คเอาไว้ด้วย”
“ไปเถอะไม่ต้องกังวล อีกแค่ครึ่งชั่วโมง พอเปิดประตูเครื่องออกไป พวกเราก็ไม่ต้องเครียดกับเขาอีกแล้ว”
“ไม่รู้พวกเขาไปกินรังแตนมาจากไหนกัน น่ารำคาญเหลือเกินคนรวยพวกนี้ ทำตัวเหมือนกับมีอภิสิทธิ์เหนือชีวิตคนอื่น เพื่อนเจ้าของบริษัทนี้แล้วไงวะ ต้องบริการเหมือนพระเจ้าเหรอ พ่อแม่เขาไม่สั่งสอนลูกตัวเองบ้างหรือยังไง ใช้ชีวิตยังไงโตมาถึงจะได้ไม่เป็นที่รังเกียจของสังคมแบบนี้”
“เขาไม่มีพ่อแม่หรอกออย” เปรมวดีเผลอตอบกลับอย่างลืมตัว ทำเอาคนที่ได้ยินมองจ้องหน้าแล้วรู้สึกสงสัย
“ว่ายังไงนะ เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่มีพ่อมีแม่ยัยเปรม รู้จักเขาเหรอ?”
“เอ่อ.... เปล่าหรอก ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ก็มีอย่างที่ไหนล่ะคนที่มีการศึกษาสูง หน้าตาดี ฐานะทางบ้านก็ดี จะมีนิสัยสันดานต่ำแบบนี้ได้ อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะ เอาเป็นว่ารีบไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ อีกไม่นานพวกเราก็จะได้กลับไปพักผ่อนให้สบายกายสบายใจกันแล้ว”
อรปรียาเดินไปที่เก็บสต็อกสินค้าอีกฝั่ง เพื่อตรวจเช็คอาหารเครื่องดื่มที่จะต้องเตรียมส่งต่อให้แก่พนักงานต้อนรับรอบหน้า
เปรมวดีกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่เพียงแค่เปิดประตูห้องพักพนักงานออกไป เธอกลับถูกฝ่ามือของใครบางคนคว้าดึงเอาร่างออกไปอย่างรวดเร็วตกใจมากเพราะมันคือมือของชายหนุ่มคนที่เธอหนีเขามานานหลายปี เรี่ยวแรงมหาศาลฉุดดึงเธอเข้าไปภายในห้องน้ำที่มีพื้นที่ใช้สอยเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“คุณเพชรจะทำอะไร ปล่อยเปรมเดี๋ยวนี้คะ ปล่อย!!”
“หึ! ดีใจจังที่ยังจำชื่อผัวตัวเองได้อยู่ ไม่เจอกันตั้งหลายปี ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญขึ้นมากขนาดนี้ อะไรที่ทำให้เธอกลายเป็นคนหัวแข็งขึ้นมาได้นะเปรมวดี!!”