เวลา 18:00 น.
เพชรรัตน์กลับมาถึงห้องพักของคอนโดหรู เป็นอาทิตย์แล้วที่เขาไม่เคยกลับบ้านวิบูลย์เทวัญเลย ภายในห้องที่ดูเงียบและมืดสนิท ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่มาก
วันนี้เปรมวดีไม่ได้ไปเรียน แต่ทำไมภายในห้องเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน ร่างสูงเดินวนเวียนหาไปทั่วทั้งห้องพัก ประตูทุกบานที่เขาเปิดเข้าไปดูคิดว่าเธอจะอยู่ก็ไม่มีให้เห็น จนกระทั่งต้องไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าถึงได้รู้ว่าเสื้อผ้าบางส่วนและกระเป๋าสะพายเป้ของหญิงสาวได้หายไป
“บ้าฉิบ!!! หายไปไหนวะ คิดจะหนีฉันไปอีกแล้วใช่ไหมเปรมวดี ถ้าฉันหาเจอคราวนี้ฉันจะไม่ใจดีกับเธออีกแล้วนะ”
ถึงกับรีบเดินออกจากห้องพักไปด้วยความหงุดหงิดและอารมณ์เสีย คืนนี้ต้องตามหาเธอให้เจอไม่ว่าจะพลิกฟ้าแผ่นดินหาเปรมวดีก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี!
เปรมวดีเลือกที่จะไม่ติดต่อใครที่รู้จัก ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัดว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน ตอนนี้เธอกำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่เพื่อเดินทางไปที่สถานีรถไฟ
“มันไปทางนี้เหรอคะพี่ นานมากแล้วนะเมื่อไหร่จะถึง?” เปรมวดีเอ่ยถามคนขับแท็กซี่ขึ้น ลำพังเธอเองก็ไม่เคยเดินทางไปไหนมาไหนเลย เลยไม่คุ้นเคยกับถนนในกรุงเทพฯสักเท่าไหร่นัก
“ไปทางนี้แหละ ทางลัดน่ะน้อง ไปเส้นอื่นรถมันติด ใกล้จะถึงแล้ว ๆ”
เปรมวดีมองถนนรอบ ๆ ที่รถกำลังวิ่งผ่าน รู้สึกว่าแถวนี้จะมีแค่ป่าและดูเงียบชวนให้ระแวงมากเหลือเกิน
“พี่แน่ใจเหรอคะ ทำไมไม่ไปถนนใหญ่นะ”
“แน่ใจสิ พี่ขับเส้นนี้ตลอด พี่คุ้นชินกับเส้นทางดีน้องไม่ต้องกลัวหรอกนะ”
คนขับรถแท็กซี่แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ มองเปรมวดีผ่านทางกระจกมองหลังตลอดเวลา หญิงสาวมองจ้องกระจกบานนั้นก่อนจะขนลุกซู่ รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จะได้แต่นั่งตัวลีบหวั่นกลัวกับสายตาที่กำลังจ้องมองเธออยู่ ก่อนที่จะถึงตึกร้างในอีกเพียงไม่กี่นาทีต่อมา รถแท็กซี่คันนั้นก็จอดสนิท
“รถเสียเหรอคะ จอดทำไม?”
“สงสัยรถจะเสียน้อง เดี๋ยวพี่ลงไปดูก่อนแป๊บนึง”
คนขับแท็กซี่เปิดประตูลงจากรถไป พร้อมกับเปิดกระโปรงรถขึ้นเหมือนกำลังตรวจเช็คสภาพรถที่บอกว่าเสีย เปรมวดีควานมือหาโทรศัพท์มือถือเพื่อที่จะติดต่อหาใครสักคน แต่พอค้นหาทั้งกระเป๋าสะพายเป้และในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กที่กำลังสะพายอยู่ ถึงกับอยากตบกะโหลกตัวเองแรง ๆ นัก
“ลืมโทรศัพท์เหรอเนี่ย ลืมได้ยังไง รีบขนาดนั้นเลยเหรอเปรม โอ้ย!!”
เพียงเสี้ยววินาทีประตูรถฝั่งที่เธอนั่งอยู่ก็ถูกเปิดกว้างออก พร้อมกับร่างสูงของคนขับรถมาหยุดยืนยิ้มเจ้าเล่ห์จ้องมองเธออยู่ชวนให้ตกใจมาก
“พี่จะทำอะไรหนูอ่ะ”
“ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่กันสองต่อสอง หนูคิดว่าพี่จะทำอะไรเหรอฮะ?”
“ไม่นะ พี่อย่าทำอะไรหนูเลย หนูมีเงินนะ พี่ปล่อยหนูไปเถอะ พี่อยากได้เท่าไหร่บอกหนูมาได้เลย”
“พี่ไม่ได้อยากได้เงินน้องหรอก แต่พี่อยากได้ตัวน้องมากกว่า สาว ๆ สวย ๆ แบบนี้ได้ลองสักครั้งสองครั้งพี่ก็คงจะมีความสุขมาก มามะ มาขึ้นสวรรค์กับพี่เถอะน้อง”
คนขับรถแท็กซี่ผลักร่างของเปรมวดีให้นอนลงบนเบาะทางด้านหลัง แต่หญิงสาวกลับใช้เท้าถืบท้องคนขับรถแท็กซี่จนหงายหลังออกไปภายนอกรถอีกครั้ง เซถลาเสียหลักไปจนถึงข้างทางที่เป็นเนินสไลด์ ก่อนที่หญิงสาวจะรีบลนลานลุกขึ้น พร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ใส่หลัง วิ่งเหยียบขาคนที่เสียหลักนอนอยู่บนพื้นไปอย่างลุกลี้ลุกลน
“เฮ้ย!! หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดนะ! แกจะหนีไปไหนฮะ!”
คนขับรถที่ตั้งหลักได้ รีบวิ่งตามหลังเปรมวดีไปติด ๆ แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเล็กจะวิ่งเร็วกว่ามาก เธอไม่เหลียวหันกลับมามองทางด้านหลัง สายตาจ้องมองไปแค่ตรงหน้า เพื่อให้ตัวเองหนีรอดปลอดภัยได้ในตอนนี้ก็พอแล้ว
ด้วยเวลาที่ค่ำมืด หนทางที่ดูเปลี่ยวชวนให้รู้สึกกลัว เปรมวดีจึงใช้โอกาสนั้นหลบที่พุ่มไม้ใหญ่ข้างทาง เพื่อเป็นเกราะกำบังไม่ให้อีกฝ่ายได้มองเห็น
“โอ้ย หายไปไหนแล้ววะเนี่ย วิ่งเร็วฉิบหาย กูยังไม่ได้กินเลย ปัดโธ่เว้ย!”
คนขับรถแท็กซี่คันนั้นเดินวนหาอยู่หลายรอบ พอไม่มีวี่แววก็ต้องจำใจยอมเดินกลับไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ ก่อนจะขับผ่านหน้าของเปรมวดีไปไกล หญิงสาวได้แต่นั่งหอบหายใจเหนื่อย พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ชีวิตเธอต้องเจออะไรบ้างหลังจากนี้ ขนาดเพิ่งเริ่มต้นก็ต้องพบเจอกับความซวยเข้าแล้วแบบนี้
ความมืดความเงียบที่อยู่รายล้อม ทำให้หญิงสาวได้แต่ยืนตัวสั่น จ้องมองหนทางว่าเธอควรจะเดินไปข้างหน้าหรือว่ากลับคืนไปข้างหลัง ไม่ว่าจะไปข้างหน้าหรือข้างหลังมันก็ดูมืดสนิทไม่ต่างกันเลย สุดท้ายแล้วเธอก็เลือกเดินไปตามเส้นทางที่รถแท็กซี่คันนั้นขับผ่านไปเมื่อครู่นี้
ฝีเท้าที่ก้าวเดิน น้ำตาที่ยังไหลอาบแก้ม ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในหัวใจ ฝ่ามือลูบวนที่หน้าท้องของตัวเองเบา ๆ “เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้นะลูก เราต้องไปมีชีวิตที่มีความสุขกันสองคน แม่กลัวเหลือเกิน แต่อย่างน้อยตอนนี้แม่ก็ยังมีหนูอยู่ ขอบคุณนะลูก”
ใช้เวลาเกือบ 20 นาที กว่าจะเดินออกมาเจอถนนใหญ่ที่มีแสงไฟส่องสว่าง ทำให้ความมืดเงียบที่เคยมีจางหายไปชั่วพริบตา เสียงร้องไห้ที่เดินมาสุดทาง น้ำตาที่มันเคยรินไหล ตอนนี้แห้งเผือดไม่มีให้เห็นได้อีกแล้ว ใบหน้าสวยหวานที่มีแต่ความกังวลหันมองซ้ายและขวาอีกครั้ง ไม่มีรถสักคันที่วิ่งผ่าน เธอควรไปทางซ้ายหรือทางขวาดีล่ะแบบนี้
“ไปซ้ายแล้วกัน จะไปโผล่ที่ไหนก็ช่างเถอะ ชีวิตมันคงไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วมั้ง”
ฝ่าเท้าเรียวที่สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ก้าวเดินไปตามฟุตบาทที่มีแสงไฟส่องสว่างเป็นระยะ ๆ ไม่รู้หรอกว่าอีกไกลแค่ไหน อีกนานแค่ไหนถึงจะเจอบ้านสักหลังให้ถามไถ่ หรือมีที่พักสักแห่งให้ได้พักพิงอาศัยเอาแรงจนถึงเช้า ถ้าหากโชคดีก็อาจจะเจอรถสักคันให้ได้โบกเรียกไปส่งยังสถานที่ที่เธอต้องการจะไปตั้งแต่แรก แต่พอนึกถึงหน้าตาของคนขับรถคนนั้นแล้ว การที่เธอต้องเรียกรถคันใหม่ก็ยังทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี เดินไปคนเดียวแบบนี้คงจะปลอดภัยมากกว่าอีก