ตอนที่ 4 ตามถึงที่
หมวยเล็กกลับเข้ามานั่งที่เดิมท่ามกลางสงครามระหว่างเพื่อนที่กำลังเถียงกันไม่หยุดกับแค่เรื่องกุ้ง
พายแพ้กุ้งเรื่องนี้หมวยเล็กรู้มาตั้งนานแล้ว เวลาที่เธอสั่งอะไรมากินด้วยกันจะไม่มีพวกกุ้งเลยสักครั้ง แต่คราวนี้พายเป็นคนสั่งเอง เธอก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องสั่งหรืออยากให้เพื่อนกินกัน
“เก่งนักก็แดกไปเลย”
“ทำไม นายอยากให้ฉันตายเหรอ อ๋อ หรือว่าฉันมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว”
“เนี่ย เธอขี้งอน ขี้ประชดตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ใครงอน สำคัญตัวผิดไปแล้วไอ้บ้านี่ ”
หมวยเล็กหย่อนตัวนั่งลงข้างเพื่อนสนิทพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ สองคนนี้เป็นเพื่อนกันก็จริงแต่เธอก็เห็นทะเลาะกันมาตลอด เจอหน้ากันเป็นอันต้องเถียงกันทุกครั้งไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
“พักทะเลาะกันก่อน หิวแล้วค่า” เธอเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างพอจะทำให้คนที่นั่งตรงข้ามกันนั้นต้องยิ้มตาม
สำหรับเซฟ หมวยเล็กเป็นผู้หญิงที่สวยและน่ารักในร่างเดียว เป็นคนที่ตรงกับใจต้องการทุกอย่างแต่ติดอยู่อย่างเดียว เธอไม่ค่อยรับมุกจีบสาวที่เขาหยอดให้เท่าไร จะมีก็แต่วันนี้ที่เธอยอมตกลงไปอ่านหนังสือด้วย
ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเธอมีคนคุยด้วย ตอนนี้อาจจะเลิกคุยไปแล้ว เขาอาจจะเข้ามาในจังหวะที่พอดี
เซฟคิดในใจแล้วยิ้ม ตักกุ้งในจานไปให้หมวยเล็ก
“หมวยกินกุ้งได้ใช่ไหม”
“กินได้ ๆ แต่เวลามากับพายหมวยไม่ค่อยสั่งหรอก กินคนเดียวมันไม่อร่อยเท่ากินกับเพื่อน เวลาสั่งก็จะสั่งที่เราสองคนชอบเหมือนกันมากกว่า”
“แล้วเธอสั่งมาทำไม รู้ว่ากินไม่ได้ก็ยังจะสั่ง” ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาดุ ๆ
“ก็สั่งมาให้คนอื่นแดกไง อย่าถามมากได้ไหม กิน ๆ ไป รำคาญ”
“ปากแบบนี้ไง ถึงไม่มีแฟนกับเขา”
พายจิปากใส่เพื่อนอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะหันไปจิ้มปีกไก่ทอดน้ำปลาใช้ฟันฉีกเนื้อมันอย่างนึกโมโห
“แต่คนจีบพายเยอะน้า ว่าไม่ได้” หมวยเล็กพูดไปยิ้มไป
เพื่อนสาวของเธอก็ฮอตเอาเรื่อง ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องตามจีบตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ทว่า ก็ไม่เห็นเพื่อนคุยกับใครจริงจังสักคน คุยไปสักพักก็เลิกคุยพร้อมกับหตุผลง่าย ๆ ว่าเบื่อ ไม่อยากมีแฟน
“ใครมันสายตาย่ำแย่ขนาดนั้น”
“ก็เหมือนสาว ๆ ที่มองนายนั่นแหละ ไม่เห็นมีอะไรน่ามองเลย”
เซฟหัวเราะในลำคอแล้วทำเป็นเมินคำพูดของพายไป เขาไม่อยากเถียงเพื่อนให้ตัวเองดูไม่ดีต่อหน้าสาวอีกแล้ว เดี๋ยวหมวยเล็กได้เห็นสันดานแย่ตัวเองหมดพอดี โดยเฉพาะเรื่องปากหมาเนี่ยที่หนึ่งเลย
ทั้งสามคนนั่งกินข้าวและคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบห้าทุ่มก็พากันออกมาจากร้าน
“ไม่รับสายล่ะ เห็นตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ขี้เกียจคุย”
จะเรียกว่าน้อยใจหรือโกรธก็ว่าได้ แต่เธอก็ไม่ได้คาดหวังให้เขามาง้อหรือเอาใจเธอ เพราะมันก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว ทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อสนองความต้องการของตัวเองทั้งนั้น
“แก นั่นใช่รถพี่เพลิงไหม”
หัวใจของหมวยเล็กหล่นวูบลงพื้นเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อน พอหันไปมองรถคันนั้นก็ทำเอาหัวใจเต้นรัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น รถหรูแบบนี้ก็ไม่มีใครเขาขับกันเยอะหรอก ทั้งสีทั้งป้ายทะเบียนใช่หมด
เขามาจริง !
“มาจริงดิ” เธอก็ไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่ผ่านมาเพลิงเอาแต่ใจก็จริงแต่ก็ไม่เคยสนใจเธอถึงขั้นตามมาถึงที่ จะมีก็แต่เรียกไปหาที่ห้อง
“ถ้าไม่รับ ฉันว่าแกแย่แน่”
หมวยเล็กพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะกดรับสายที่โทร.เข้ามาแบบไม่เว้นช่องว่าง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาโกรธเธออยู่จริง ๆ
“คะ”
(...)
“พี่พะ”
(มาขึ้นรถ)
น้ำเสียงเรียบนิ่งจนยากที่จะคาดเดาอารมณ์ทำเอาหมวยเล็กต้องเงียบตาม เขาวางสายไปแล้ว พูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสาย นิสัยเขาก็แบบนี้ ไม่ยอมให้เธอได้เถียง บางทีมันก็น่าโมโห
“ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”
“อือ แกไปเถอะ”
หมวยเล็กพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงไปยังรถที่เธอนั่งประจำ เวลานี้มันไม่ได้มีแค่เธอแล้วสิ หรือจะเรียกได้ว่ามันไม่ใช่ที่ของเธอตั้งแต่แรกแล้วก็ว่าได้
เขาจอดรถในจุดที่ไม่มีร้านค้าข้างทาง ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน มันเป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่ที่เธอได้รู้จักกับเพลิง ทุกอย่างต้องทำแบบลับ ๆ ก็มีแต่พักหลัง ๆ ที่เขายังพอไปรับไปส่งเธอบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อย เพราะส่วนใหญ่เธอใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า
ก็ไม่ได้กลัวนักหรอกแค่ไม่มีเขาในสักวันหนึ่ง
หมวยเล็กเปิดประตูแล้วขยับตัวเข้าไปนั่ง ขณะที่เจ้าของรถไม่พูดอะไรสักคำก็เคลื่อนรถออกไป ภายในห้องโดยสารที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ไม่มีแม้แต่เพลงสากลที่เขาชอบเปิดฟัง มันเงียบสนิทจนเธอใจไม่ดี จึงถือวิสาสะเอื้อมมือไปเปิดเพลง ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงดนตรีดังขึ้น