เราสามคนใช้เวลาสามอาทิตย์ที่เหลือในช่วงปิดเทอมจัดการทำสูตรน้ำพริกกากหมู สายธารและยักษ์อยู่กับฉันตลอด เพราะกลัวว่าจะฉันคิดมากหลังดร็อปเรียน
ฉันใช้ห้องเก็บของที่ติดกับโรงจอดรถของยักษ์เป็นสถานที่ทำน้ำพริกชั่วคราวเพราะในครัวพื้นที่ไม่พอ แล้วยักษ์ยังให้เพื่อนที่อยู่สาขาวิศวกรรมเครื่องจักรทำเครื่องหั่นหมูให้ฉันอีกจึงทุ่นแรงฉันไปได้เยอะ
ฉันทำคลิปคอนเทนต์ อัปหน้าตาน้ำพริกกากหมู และลงคลิปอาหารเหมือนเดิม แน่นอนว่าแฟนคลับเริ่มจะถามหาน้ำพริกของฉันแล้ว
“สายธารตั้งชื่อน้ำพริกว่าอะไรดี”
“นั่นสิ ยักษ์นายว่าไง”
ยักษ์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตั้งชื่อออกมา
“น้ำพริกยายมิ้นต์ ย่อยไม่ยาก ส่วนมากติดคอ” ผมปล่อยมุกตลก สร้างความขบขันให้กับทั้งสองสาว
“ฮ่า ฮ่า...ฉันจะขายได้ไหมยักษ์” ฉันหัวเราะจนน้ำตาร่วงกับสโลแกนของเพื่อน
“อันนี้ ๆ อร่อยไม่ซ้ำจำสูตรไม่ได้” สายธารเอาด้วย เพิ่มบรรยากาศให้สนุกมากขึ้นไปอีก
“เราว่าอันนี้ กินแล้วตาย คายแล้วรอด” ยักษ์ต่อคำสร้างเสียงหัวเราะกันอีกสักพัก ก่อนจะจริงจังกับการออกแบบโลโก้ ที่เป็นรูปเกียร์แล้วมีเพื่อนสามคนจับมือ สุดท้ายทุกคนสรุปให้ชื่อน้ำพริกแม่มิ้นต์แทน
ขายออนไลน์นั้นดีตรงที่มีออเดอร์แล้วจึงทำสดวันต่อวันและขนส่งก็ยังมารับถึงบ้าน ทำให้ทั้งสามคนไม่ต้องลำบากออกไปส่งกันเอง
สามอาทิตย์ผ่านไป ถึงวันเปิดภาคเรียน ฉันไลฟ์ขายเองทั้งวันได้ออร์เดอร์มาสองร้อยบ้าน ตอนกลางคืนก็ช่วยกันแพ็กกับยักษ์และสายธารกว่าจะได้นอนกันก็ดึกดื่นเที่ยงคืน
“มิ้นต์ไปกินนมแล้วนอนเถอะ ดึกแล้วเดี๋ยวจะไม่ดีกับยายหนูในท้อง” ผมคิดว่ามินต์น่าจะมีลูกสาวนะ
“ช่วยกัน ไม่เป็นไรอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว” ฉันอยากช่วยเพื่อน ฉันให้ส่วนแบ่งทั้งสองคนแต่พวกเขาไม่ยอมรับ บอกแค่ทำกับข้าวอร่อย ๆ ให้กินก็พอ แค่ไม่ต้องไปซื้อข้าวกินเองก็ดีแล้ว
ฉันรู้ว่าพวกเขาห่วงฉัน และอยากเลี้ยงยายหนูไปด้วยกัน ยักษ์และสายธารหยุดทุกครั้งที่พาฉันไปหาหมอ แม้ว่าต้องขาดเรียนก็ตาม ปกติพวกเราก็มีโดดเรียนกันบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก
คุณหมอมักไม่ชินทุกครั้งที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะมาตรวจครรภ์พร้อมกับเพื่อนอีกสองคน และทั้งคู่นั้นดีใจยิ่งกว่าคุณแม่เสียอีก
“อายุครรภ์สี่เดือนแล้วนะครับ คุณแม่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เพิ่มน้ำหนักอีกนิดนะครับ”
คุณหมอแค่แนะนำฉันเพียงเล็กน้อย แต่ว่าสองเพื่อนชายหญิงของฉันก็พากันไปซื้ออาหารบำรุงครรภ์มาให้ โดยยักษ์นั้นโทรหาแม่ของเขา
“แม่คร้าบบ...แม่ เพื่อนยักษ์ท้อง แต่น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ต้องบำรุงอะไรบ้างคร้าบ”
อ้อฉันลืมบอกไป อีกคนที่รู้ว่าฉันท้องก็คุณแม่ของยักษ์นี่เอง ครอบครัวยักษ์ดีกับฉันมาก ยิ่งเวลาเห็นแม่ยักษ์ขนอาหารมาเยี่ยมฉัน ฉันคิดถึงแม่ตัวเองที่สุด แต่ว่าฉันไม่กล้าพูดเรื่องนี้ให้แม่เสียใจ หากไม่มีปริญญาไปฝากแม่ ฉันจะไม่กลับไปเด็ดขาด
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า กิจการน้ำพริกกากหมูของฉันไปได้สวยมากขึ้น ฉันให้รุ่นน้องที่อยากหารายได้พิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ มาช่วยแพ็กในตอนเย็น ทำให้ฉันเบาเรื่องปวดเมื่อยไปได้ รวมทั้งยักษ์และสายธารที่ต้องอ่านหนังสือสอบปลายภาคเรียนที่สองกันแล้ว
หากฉันไม่ท้องป่านนี้ก็คงกลายเป็นหมีแพนด้าอ่านหนังสือแล้ว แต่ไม่เป็นไรฉันคลอดลูกเสร็จก็กลับไปเรียนได้อยู่ดี
กลางดึกหลังจากฉันไลฟ์ขายของเสร็จและกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน ส่วนเพื่อนของฉันเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ฉันรู้สึกปวดหน่วงที่ท้องแล้วสักพักก็มีน้ำไหลออกมา
“โอ๊ย...ปวดท้องจัง” ฉันทรุดนั่งลงค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออก ประจวบเหมาะกับที่ยักษ์และสายธารเข้ามาพอดี
“มิ้นต์!!”
“มิ้นต์เป็นอะไร!!!”
เสียงเพื่อนซี้ทั้งสองตกอกตกใจ จนทำอะไรไม่ถูกเป็นยักษ์ที่ได้สติก่อน
“สายธารพยุงมิ้นต์ขึ้นรถเร็ว น่าจะใกล้คลอดแล้ว” ผมคว้ากุญแจรถได้ก็ถอยออกมารับเพื่อนที่หน้าบ้านแล้วรีบขับไปที่โรงพยาบาลทันที
“แม่ครับ...มิ้นต์เจ็บท้องคลอดแล้วครับ” ยักษ์ไม่รู้จะปรึกษาใคร มีแค่แม่ที่เคยผ่านการเบ่งเขาออกมาก่อน จึงจะรู้ว่าควรทำอะไรเตรียมอะไรบ้าง
“ยักษ์ใจเย็นนะลูกเดี๋ยวแม่ให้พ่อขับรถไป” มลสิกากล่าว
ฉันค่อย ๆ หายใจเข้าออกแล้วก็พยายามทำใจให้เย็น แม้จะปวดท้องมากก็ตาม จนเมื่อถึงห้องคลอดคนที่ฉันนึกถึงกลับเป็นพ่อของยายหนู
‘รามนายเป็นพ่อคนแล้วนะ’ ฉันนึกถึงเขาพร้อมกับหวีดร้องเบ่งคลอด ลมเบ่งมาเป็นระยะ
ฉันอยากให้ความทรมานนี้จบลง
อีกคนที่ฉันไม่นึกถึงไม่ได้ก็คือ แม่ของฉัน ท่านต้องทรมานแค่ไหนกว่าจะคลอดฉันออกมา น้ำตาของฉันไหลรินข้างแก้มพร้อมกับความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างราวกับกำลังจะแหลกสลายอีกครั้ง
อุแว้...อุแว้...อุแว้...!!!
แล้วเสียงสวรรค์ของฉันก็ดังขึ้น เสียงแห่งความยินดีของทั้งคุณหมอและคุณพยาบาล ที่น่าประหลาดใจคือน้ำหนักฉันตอนท้องขึ้นแค่สี่กิโลกรัมเป็นสี่กิโลกรัมที่ลงลูกหมดเลย
“ยินดีด้วยค่ะ ลูกคุณคือผู้หญิง” คุณหมอผู้ทำคลอดบอกฉันพร้อมกับเอาลูกมาวางด้านข้างแล้วถ่ายรูปให้ฉันและลูก แม้ในใจคนเป็นแม่อย่างฉันจะอยากให้มีพ่ออย่างรามอยู่ด้วยก็ตาม แต่มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่อยู่ในชีวิตฉันและลูกอีกต่อไปแล้ว
เสียงจอแจในห้องพักฟื้นดังขึ้น เป็นเสียงตีกันระหว่างสายธารกับยักษ์เคล้ากับเสียงอบอุ่นของแม่มลหรือมลสิกาที่น่าจะมาหลังจากที่ยักษ์โทรบอกเมื่อคืน หากไม่ได้แม่มลฉันก็เตรียมของไปคลอดเองไม่เป็นเหมือนกัน
ฉันลืมตาขึ้นมอง เห็นพยาบาลเข็นรถที่มีเด็กน้อยห่อด้วยผ้าสีชมพูมา ตาแป๋วของยายหนูตกฉันได้เต็ม ๆ
“ได้เวลาคุณแม่ให้นมแล้วค่ะ” คุณพยาบาลบอก เพื่อนฉันสองคนจึงหลบไปนั่งโซฟาอีกฟาก แต่คุณแม่มลยังคงยืนมองท่าอุ้มที่ยังไม่ชินของคุณแม่มือใหม่ จึงเข้ามาช่วยจัดท่าให้