1 วันซวย
วันเปิดเรียน
โคร้ม!!!
เสียงกระแทกจากด้านหลัง ดังสนั่นจนผมสะดุ้งสุดตัว
“แม่งเอ้ย!!”
ผมสบถออกมาเสียงดัง ก่อนจะรีบเหยียบเบรกจอดข้างทาง รถของผมถูกชนท้ายเข้าอย่างจัง
ผมผลักประตูรถออกแรงๆ แล้วเดินอ้อมมาดูด้านหลังทันที แค่เห็นภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมหัวเสียไม่น้อย ถึงขั้นเลือดขึ้นหน้าเลยทีเดียว
“ไฟท้ายแตก! ตูดยุบ! เวรเอ้ย!! นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย!!”
ผมสบถดังลั่นไม่สนคนรอบข้าง พร้อมกำหมัดแน่น เดินกระแทกเท้าเข้าไปหาคู่กรณีที่ยังจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ข้างๆ
“ขับรถอะไรของเธอวะ! ตาบอดรึไง ถึงไม่เห็นว่ารถมันชะลอตัวอยู่!”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์รีบถอดหมวกกันน็อกออก หน้าตาเธอดูตกใจ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะสนใจว่าเธอเป็นจะเป็นยังไง รู้แค่ว่าผมพึ่งถอยรถมาใหม่ ผมเลยด่าไม่ยั้ง
ไม่สนซักนิด ต่อให้เธอเป็นผู้หญิงก็ตามแต่
“ขอโทษนะคะรุ่นพี่ คือฉันรีบค่ะ”
พอได้ยินเธอเรียกว่ารุ่นพี่ ผมก็สังเกตเห็นว่าเธอใส่ชุดนักศึกษา มหาลัยเดียวกับผม
“ขอโทษแล้วยังไง รถฉันราคาตั้งหลายล้าน เธอต้องชดใช้ค่าเสียหาย รอตรงนี้ห้ามไปไหน ”
ผมรีบโทรหาประกันทันที และยังจ้องเธอเอาไว้ กลัวว่าเธอจะชิ่งหนี รอเกือบๆยี่สิบนาทีเจ้าหน้าที่ประกันก็มา
“ผมประเมินแล้ว ค่าซ่อมอยู่ที่2แสนบาทนะครับ เพราะอะไหล่ทั้งหมดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ทางคู่กรณีต้องรับผิดชอบ ”
“สองแสนเลยเหรอคะ!! ”
-โฟกัส-
ฉันโพล่งขึ้นเสียงดัง เมื่อได้ยินว่าค่าซ่อมรถแพงหูฉี่ถึงสองแสนบาท
“ทำไม…หรือเธอชนแล้วจะไม่จ่าย ”
หลายครั้งแล้วนะ ไอ้รุ่นพี่คนนี้ปากเสียใส่ฉันสุดๆ
“ไม่ใช่ว่าจะไม่จ่าย แค่งงว่าทำไมมันแพงแค่นั้นเอง ”
ฉันถามห้วนๆ เพราะเริ่มโมโหแล้วเหมือนกัน หล่อรวยซะเปล่า ปากเสียที่สุด
“มันก็ต้องแพงสิ รถฉันเป็นรถนำเข้า เพราะฉะนั้น อะไหล่ที่จะเอามาซ่อม ก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกัน เซ็นซะ ”
เขายื่นเอกสารมาตรงหน้าฉันพร้อมบังคับให้เซ็น เงินตั้งสองแสนฉันจะหาที่ไหนมาจ่าย
โอ้ย~ชีวิตตัวน้อยๆของโฟกัส
“คือ…ฉันขอผ่อนจ่ายได้ไหมคะ ให้รุ่นพี่สำรองไปก่อน ”
“อะไรของเธออีกวะ เรื่องมากชิบหาย ”
ฉันถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ถ้ากัดหัวฉันได้นายนี่คงกัดไปแล้ว โมโหร้ายเป็นบ้า
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อโฟกัสหรืออลินดา สถาปัตย์ปี1
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เรียนดี ฉันเลยได้ทุนเรียนฟรี เข้ามาเรียนในมหาลัยเอกชนแห่งนี้
ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีน้าเปิดร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เลยพอได้อาศัยบุญบารมีซุกหัวนอน พอไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แต่ก็ช่วยงานที่ร้านบ้าง และตั้งใจว่าจะหางานพาร์ทไทม์ทำควบคู่ไปด้วย
“อะไรวะ!! มีปัญญาชนรถคนอื่น แต่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหาย ”
รุ่นพี่ยังบ่นไม่หยุด
“ ฉันไม่ได้พูดว่าจะไม่จ่าย แต่ฉันจะขอผ่อนจ่าย
เอาเลขบัญชีพี่มาสิ วันนี้ขอจ่ายห้าพันก่อน ”
ฉันมีเงินติดตัวแค่นิดหน่อยเอง บ้าไปแล้ว ซวยสุดๆไปเลย
“ห้าพัน!!!ชาตินี้เธอจะใช่หนี้ฉันหมดป่ะ เธอนี่มันสุดยอดเลย ”
“แล้วพี่จะเอาไงวะ ก็คนมันยังไม่มีนี่หว่า ”
ฉันโมโหถึงขั้นยืนเท้าสะเอวเถียงกลับฉอดๆ
ปกติฉันก็ไม่ทนกับอะไรอยู่แล้วนะ แต่นี่ที่เงียบเพราะคิดว่าตัวเองผิดจริงหรอก
“จะเอายังไง ก็ไปหาตังค์มาจ่ายไง มันเข้าใจยากตรงไหน ไม่มีเงินจ่ายแล้วยังจะปากดีอีก ”
“พี่นั่นแหละ ผู้ชายอะไรขี้วีนชิบหาย พี่พูดไม่ดีกับฉันก่อนนะ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องพูดดีกับพี่ป่ะ ”
เราต่างฝ่ายต่างก็แยกเขี้ยวใส่กันข้างถนน อย่างไม่มีใครยอมใคร
“ ยอมไม่ยอมก็เรื่องของพี่เถอะ ”
ฉันโมโหเลยเดินกลับมาขึ้นรถ มอเตอร์ไซค์ฉันก็เสียหายเหมือนกันนะ
พรึบ
“ว้าย!!พี่จะทำอะไรห๊ะ!!!ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฉันร้องเสียงหลง เมื่อรุ่นพี่ในช็อปวิศวะเดินตามฉันมาซ้อนมอไซค์
“ก็ไปมหาลัยกับเธอนะสิ รถฉันส่งซ่อม เธอจะให้ฉันไปยังไง ”
“แล้วทำไมพี่ต้องจับเอวละ เอามือออกไปนะ ”
ฉันโวยวายเอี้ยวตัวหันไปต่อว่าเขา
“แล้วเธอจะให้ฉันจับตรงไหน รถเธอมีที่จับรึไง
ปากดีอย่างเธอฉันไม่พิศวาสหรอกนะ และเรื่องแต๊ะอั๋งตัดออกไปได้เลย ”
ฉันถอนหายใจยาว ไอ้รุ่นพี่ปากเสีย ปากปีจอ
“จะไปกับฉันใช่ไหม…ได้เลย…ฮึ”
และแผนแกล้งไอ้รุ่นพี่ปากเสียก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉัน ฉันสตาร์ทรถพร้อมขับแบบหวาดเสียว
สวี้ดสว้าดน่ากลัว ดูซิยังจะปากดีอีกมั้ย
“เฮ้!!ขับช้าๆหน่อย เดี๋ยวก็ชนคันอื่นอีกหรอก ”
ฉันได้แต่กลั้นหัวเราะ นึกสมน้ำหน้าในใจ ตอนนี้รุ่นพี่จับเอวฉันแน่นกว่าเดิมซะอีก
อยากปากดีนักก็ต้องโดนแบบนี้แหละ
“ไม่เบาใช่ไหม…ได้…นี่แน่กอดเอวแม่งเลยจบ”
“ว้าย!!!เอามือออกไปนะ ”
ฉันร้องโวยวายใหญ่ เมื่อเขาไม่ได้ทำแค่จับเอว แต่กอดรอบเอวเล็กของฉันจนแน่น แขนเขากับหน้าอกฉันห่างกันนิดเดียว
“ไม่เอาออก ถ้าเธอยังขับน่าหวาดเสียวอยู่ ฉันก็จะกอดอยู่แบบนี้แหละ และจะกอดเข้าไปจนถึงมหาลัยเลยคอยดูสิ อยากแกล้งฉันเธอคิดผิดแล้ว”
“ก็ได้ๆ ฉันขับช้าแล้วนี่ไง เอามือพี่ออกไปสิ ”
และสุดท้ายฉันก็ต้องยอม ไม่ยอมได้ไงละ เป็นใครก็ไม่รู้มากอดเอวฉันแน่นขนาดนี้ แล้วคนปากเสียก็ยอมปล่อยกอด กลับไปจับเอวฉันเหมือนเดิม แต่ฉันได้ยินเสียงขำในลำคอเหมือนผู้ชนะ
“หึ~”
ฉันขับให้เป็นปกติเข้ามาจอดหน้าคณะวิศวะ คนมองฉันกับรุ่นพี่กันยกใหญ่ อายคนชิบหาย