จนแล้วจนรอด ภูริตาก็ไม่สามารถขัดความต้องการของคินน์ได้ เธอต้องพาบุตรสาวย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา เธอไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร แต่เธอก็ยอมทำ เพราะการเขามาอยู่ที่นี่ของเธอ ทำให้เธอได้เย็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิมของบุตรสาว
“เป็นไงครับ ชอบบ้านของเรามั้ยครับ” คินน์อุ้มบุตรสาวเดินชมรอบบ้าน ทั้งพ่อและลูกมีอาการเห่อไม่ต่างกัน
“ชอบค่ะ บ้านใหญ่ค่ะมากค่ะ น้องมายด์ไม่เคยมีบ้านใหญ่” เด็กน้อยบอกบิดาตามจริง ในขณะที่ภูริตาได้แต่มองสองพ่อลูกด้วยความอ่อนใจ คงจะยากแล้วล่ะ ถ้าจะพาบุตรสาวแอบหนีออกจากที่นี่ เพราะดูท่าแล้วบุตรสาวคงไม่ให้ความร่วมมือแน่นอน
“เดี๋ยวเอาไว้น้องมายด์หายดีกว่านี้ก่อนนะครับ เราจะเลือกน้องหมาด้วยกัน” ผู้เป็นบิดาเอ่ยอย่างเอาใจ
“ค่ะ คุณพ่อ” เด็กน้อยยิ้มแก้มป่องอวดบิดา
“งั้นเราเข้าบ้านกันเถอะครับ ไปดูห้องที่ของน้องมายด์กับคุณแม่ ที่คุณพ่อเตรียมไว้ให้” คินน์กล่าวกับบุตรสาว ก่อนที่เขาจะใช้สายตาชวนหญิงสาวให้เดินตามเขาเข้ามาในบ้าน ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปก็พบว่ามีบรรดาคนรับใช้ยืนรออยู่แล้ว ภูริตาถึงกับทำหน้าไม่ถูก เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ทำให้เธอได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้กับทุกคน
“ทุกคนนี่คือคุณหนูมายด์ลูกสาวของผม ส่วนนี่คือคุณมิ้นท์ภรรยาของผม เคารพพวกเขาทั้งสองคนเหมือนที่เคารพผผมด้วย” เสียงอันทรงพลังอำนาจของคินน์หันไปสั่งคนรับใช้ทั้งหมดในบ้าน ในขณะที่ภูริตารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากกับตำแหน่งที่เขามอบให้ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเพื่อลูกเขาจะยอมยกย่องเธอออกหน้าออกตาเช่นนี้
“ค่ะคุณคินน์” ทุกคนตอบรับเกือบจะพร้อมๆ กัน ก่อนที่จะประนมมือไหว้ภูริตา จนเธอรับไหว้แทบไม่ทัน ในขณะที่เด็กหญิงภูษิตามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก
เมื่อแนะนำทั้งสองคนแม่ลูกแล้ว คินน์ก็พาทั้งคู่มาที่ห้องที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ ห้องเด็กหญิงสีชมพูหวานแหวว มีตุ๊กตาวางอยู่ที่เตียง พร้อมกับของเล่นของเด็กผู้หญิงวางอยู่เต็มห้อง เด็กน้อยยิ้มแป้นด้วยความดีใจ
“ห้องนี้เป็นห้องของหนูกับคุณแม่นะครับ ถูกใจมั้ยครับ” คินน์เอ่ยถามบุตรสาวอย่างเอาใจ