“อืมจริงสินาเดีย เมื่อกี้พี่เคธี่บอกว่าเมื่อวาน ศรัณไม่ได้มาเรียนหรอวะ”
ยัยพิ้งหันมาถามฉัน
“ใช่”
“เมื่อวานแกก็ไม่ได้มาเรียนเหมือนกันนิ แกสองคนนี่อย่าบอกนะ ว่าไม่สบายพร้อมกัน“
มันถามฉันและหัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้น เพราะสายตาของมันจ้องมองมาที่ฉัน ราวกับว่าฉันกำลังทำอะไรผิด เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้สงใสอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ฉันเองที่มีเรื่องในใจอยู่แล้ว ก็เลยระแวงไปซะหมด
”ไม่รู้สิ ฉะ..ฉันไม่ได้ติดต่อใครเลย เพราะฉันนอนทั้งวันอย่างที่ฉันบอกอ่ะ“
ฉันตอบพร้อมทั้งไม่กล้าสบตาเพื่อนของฉันเลย
”อืม..แกสองคนนี่ก็ เหมือนกันหลายอย่างเลยนะ ป่วยก็ยังมาป่วยพร้อมกันอีก นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าเพื่อนสนิทอ่ะ“
”แกสองคนก็เพื่อนสนิทค่ะ แล้วไม่ป่วยพร้อมฉันไปด้วยละ มันแค่เรื่องบังเอิญต่างหายละ“
”ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชอบป่วย“
ยัยพิ้งตอบพร้อมยิ้มไปด้วย
“ไม่รักกันจริงนี่หว่า“
ฉันกับยัยพิ้งคุยกัน แต่ยัยข้าวสวยกับเอาแต่ดูรูปพี่เคธี่กับพี่เน
“แกจะดูอะไรขนาดนั้นวะข้าวสวย”
จนฉันต้องถามขึ้น
“เปล่าฉันแค่อยากรู้ว่าศรัณมันไม่รู้จริง ๆ หรอวะ ว่าแฟนของมันเป็นคนยังไง มันถึงหลับหูหลับตาคบอยู่แบบนั้น”
ยัยข้าวสวยพูดพร้อมทั้งทำหน้าสงใสขึ้น
“นาเดีย”
ขณะที่ฉันกำลังนึกถึงไอ้ศรัณ เสียงของมันก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของฉัน ฉันหันไปมองมันทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่ฉันจะรีบหันไปมองตรงที่พี่เคธี่ ที่ยืนอยู่กับพี่เนเมื่อซักครู่ เพราะฉันกลัวว่าไอ้ศรัณมันจะเห็น ก่อนที่ฉันจะไม่เห็นสอนคนนั้นแล้ว ฉันจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกโล่งอก
“แกเก็บมือถือ”
ฉันรีบกระซิบบอกยัยข้าวสวยทันที ก่อนที่ยัยข้าวสวยจะรีบปิดหน้าจอลง
“อืม..ว่าไง“
”กูมีเรื่องจะคุยกับมึงอ่ะ“
”อืม..พูดมาดิ“
ฉันพูดจบมันก็ยกมือของมัน มาคว้าที่แขนของฉัน ก่อนที่มันจะดึงฉันไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง
”ศรัณมันจะมีความลับอะไรนักหนา“
พิ้งมองตามพร้อมทั้งมองนาเดีย ที่ถูกศรัณรากแขนไปอีกโต๊ะหนึ่ง ที่ห่างจากที่เธอกับข้าวสายนั่งอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ก็ห่างพอที่คนทั้งสอง คุยกันแล้วเธอไม่ได้ยินนั่นแหละ
“นั่นสิแก”
ข้าวสวยเองก็มองตามไปเช่นเดียวกัน ก่อนที่คนทั้งคู่จะเลิกสนใจ และหันมาคุยกันเรื่องเรียน เพราะคนทั้งคู่รู้อยู่แล้วว่าศรัณ มาเพื่อคุยกับนาเดีย เรื่องของเคธี่แฟนของศรัณ ที่กำลังมีปัญหากันอยู่
“อะไรของมึง มึงจะดึงกูมาทำไม”
ฉันเดินตามมันอย่างฝืน ๆ
“นั่งลง”
มันออกคำสั่งฉันพร้อมกดไหล่ของฉันให้นั่งลงที่เก้าอี้
“อะไรของมึงอีกเนี่ย”
ฉันเงยหน้ามองหน้ามัน ก่อนที่มันจะนั่งลงตามฉันด้วย
“มึงกินยาอีกเม็ดยัง”
ฉันแอบอึ้งในคำถามของมันเล็กน้อย ก่อนที่ฉันจะตอบออกไป
“อืม”
ฉันพยักหน้าเบา ๆ
“ฮ้าาาา”
มันถอนหายใจออกเสียงดัง จนฉันรับรู้ได้ถึงความกังวนของมัน ว่ามันกำลังกลัวฉันจะท้องลูกของมันอยู่
“ธุระของมึงมีแค่นี้ใช่ไหม กูจะได้ไปทำงานส่งอาจารย์ต่อ”
“เดียกู..คือ..กูมีเรื่องจะบอกมึงอ่ะ”
“อะไรของมึงอีก”
“กูพูดได้ใช่ไหม กูบอกมึงแล้วมึงจะไม่โกรธกูนะ”
“มึงก็พูดมาดิ มึงจะลีลาทำไมวะ”
“กู..กูอยากได้มึงอีก มึงให้กูได้ไหมวะ กูพูดจริงนะเว้ยกูอยากมีอะไรกับมึงอีก”
ฉันสตั้นกับสิ่งที่มันบอกไปชั่วขณะ พร้อมกับปวดร้าวขึ้นมาที่หน้าอก
”มึงพูดอะไรออกมามึงรู้ตัวไหมวะไอ้ศรัณ“
”กูรู้ กูก็บอกมึงตามตรงนี่ไง เย็นนี้กูไปหามึงได้ไหมวะ“
”มึงไปหาแฟนของมึงโน่น แฟนของมึงเพิ่งจะมาหากู แล้วบอกให้กูช่วยคุยกับมึงให้ เรื่องวันนั้นพี่เคธี่บอกว่าผู้ชายคนนั้น เป็นแค่เพื่อนของพี่นทีเท่านั้น มึงเลิกยุ่งกับกูแล้วไปคืนดีกับแฟนมึงโน่น“
ฉันบอกมันแบบนั้น ทั้งที่ฉันเองก็รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก
”เคธี่มาหามึงหรอ“
”อืม“
”แล้วมึงว่าไงบ้าง“
”แล้วมึงจะให้กูว่าไงวะ มึงไม่ตอบแชทพี่เคธี่ไปละ เธอกังวนกับเรื่องมึงอยู่นะเว้ย“
ฉันบอกมันไปทั้งที่ฉันเองก็เจ็บ
”กูไม่รู้วะ กูว่าช่วงนี้เคธี่ดูแปลก ๆ ติดต่อแม่งก็ยาก บางทีกูโทรไปเป็นสิบ ๆ สาย แม่งไม่รับสายกูก็มี กูเอาคืนซะบ้างจะได้รู้ ว่าเวลาที่ถูกทำแบบนี้แล้วจะรู้สึกยังไง“
“มึงทำแบบนี้เพราะแค่จะเอาคืนพี่เคธี่ แค่นั้นหรอวะ”
“ก็ใช่ดิวะ กูขออยู่ห่าง ๆ แบบนี้ก่อนดีกว่า แล้วถ้าเคธี่เธอรักกูจริง เดี๋ยวเธอก็ตามมาง้อกูเองนั่นแหละ”
ไอ้ศรัณมันพูดให้ฉันฟัง เหมือนไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ แต่ฉันที่ได้ฟังแล้วฉันต้องคิดว่า ฉันควรรู้สึกยังไงดี ฉันควรเอาตัวเองไปวางไว้ตรงไหน ฉันถึงจะไม่รู้สึกเจ็บกับความสัมพันธ์นี้
“ทำไมมึงพูดง่ายแบบนี้วะ”
“แล้วมึงจะให้กูทำไงวะ ก็ตอนนี้กูยังไม่อยากคืนดีกับเคธี่นี่หว่า แต่กูต้องการมึงอ่ะเดีย กูบอกมึงไปแล้วนิ”
ผมบอกมันออกไปตามที่ผมรู้สึก ผมไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงต้องการมันมากขนาดนี้ เอาจริง ๆ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ แม่แต่กับเคธี่เองผมก็ไม่เคยที่จะต้องการอะไรแบบนี้ด้วย ผมกับเธอคบกันมาเป็นปี จะไม่ให้มีเรื่องอย่างว่า ก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะคนเราคบกันก็ต้องมีบ้าง ที่เราจะมีความต้องการในตัวของกันและกัน แต่ผมก็ใส่เครื่องป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับเธอ แล้วผมก็แทบจะไม่มีความต้องการเธอเลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่เธอเองก็เร่าร้อนพอตัว เพราะด้วยประสบการที่เธอเคยผ่านมา เธอจึงถือว่าเก่งในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่สำหรับผมแล้วผมกับเฉย ๆ ต่างจากไอ้เดีย ที่ผมแค่นึกถึงมัน ความต้องการก็วิ่งเข้ามาทันที
“มึงทำไมพูดเห็นแก่ตัวแบบนี้วะศรัณ“
“กูยอมรับว่ากูพูดเห็นแก่ตัว มึงเองก็รู้ว่าเคธี่หลอกกูมาแล้วหลายครั้ง แล้วมึงคิดว่ากูจะเชื่อเธอได้ทุกครั้งงั้นหรอวะ”
“แต่มึงก็เป็นแฟนพี่เคธี่อยู่ มึงก็ควรที่จะไปปรับความเข้าใจกับเธอ แล้วก็เลิกคิดเรื่องของกูซะ”
“กูพยายามแล้วเดีย กูทำไม่ได้มึงเข้าใจกูไหมวะ มึงคือคนที่เข้าใจกูที่สุดในตอนนี้ กูโอเครกับมึงวะเดีย“
ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงรู้สึกดีกับไอ้เดียมาก ทั้งที่ผมเองก็รักเคธี่มาก แต่พอมาวันนี้ผมกับรู้สึกสับสน อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“กูไม่คุยกับมึงแล้ว”
ไอ้เดียมันลุกขึ้น ก่อนที่ผมจะรีบคว้าแขนของมันไว้
“ปล่อยกู กูไม่อยากฟังสิ่งที่มึงพูด มึงทำเหมือนกับว่ามึงรักพี่เคธี่ แต่มึงก็แม่งอยากมาเอากับกู โดยที่มึงไม่คิดถึงความรู้สึกกูเลย กูผิดหวังในตัวมึงมากไอ้ศรัณ”
“เดียมึงฟังกูก่อน มันไม่ใช่แบบนั้น”
ผมดึงมันให้นั่งลงอีกครั้งอย่างแรง เพราะมันไม่ยอมฟังที่ผมพูด แถมมันยังมาว่าผมเห็นแก่ตัวอีก
“มึงเลิกพูดเถอะ มึงยิ่งพูดกูยิ่งรู้สึกผิดหวังในตัวมึง“
มันด่าผมพร้อมทั้งหายใจเร็ว ผมรู้ว่ามันกำลังโกรธที่ผมพูดแบบนั้นออกไป แต่ผมไม่รู้จะบอกมันยังไงดี
“เดียกูขอร้อง มึงฟังกูก่อน“
ผมจับแขนมันไว้แน่น เพราะผมกลัวว่ามันจะเดินหนีผมไป
”มึงพูดมาดิ ก็ฟังอยู่“
”กูอยากมีความสัมพันธ์กับมึงอีก กูไม่รู้ว่าทำไมกูถึงรู้สึกแบบนี้ แต่ว่ากูแม่งรู้สึกดีกับมึงจริง ๆ นะเว้ย“
ผมบอกมันไปตามความต้องการของผม ผมไม่อยากเสียเคธี่ไป และผมก็อยากมีความสัมพันธ์กับไอ้เดียไปด้วย ซึ่งมันอาจจะฟังดูแปลก ๆ แต่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมผมถึงมีความรู้สึกแบบนี้ ผมนอนคิดมาทั้งคืน กับความรู้สึกของผมในตอนนี้ มันอาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวเอามาก ๆ และผมก็เกลียดความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่ผมก็อยากบอกไอ้เดียให้มันเข้าใจผม