เช้าวันต่อมาที่มหาลัย
“นาเดียแกไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแกดูไม่สดชื่นเลย“
ยัยพิ้งถามฉัน
”นั่นสิฉันเองก็ว่าจะถามอยู่ แต่เห็นว่าแกเงียบ ๆ ฉันเลยยังไม่อยากกวนใจ แล้วเมื่อวานติดต่อไปก็ไม่ยอมรับสายด้วย ไม่สบายหรืออะไรแกก็ควรจะบอก ไม่ใช่หายไปดื้อ ๆ แบบนี้“
ยัยข้าวสวยที่นั่งมองฉันด้วยความสงใสอยู่นาน นางถามขึ้น พร้อมทั้งบ่นฉันไปในคราวเดียวกัน เพราะเมื่อวานฉันไม่ได้รับสาย หรือว่าตอบแชทใครเลย เอาจริง ๆ ฉันเอาแต่คิดเรื่องของฉันกับไอ้ศรัณนั่นแหละ
”ฉันไม่สบายนิดหน่อยอ่ะ ฉันก็เลยกินยาแล้วเผลอหลับยาว ตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว แล้วฉันก็กินยาต่อแล้วก็หลับยาวเลยอ่ะแก ฉันเลยไม่ได้ตอบแชทใครเลย“
ฉันไม่รู้จะตอบเพื่อนของฉันทั้งสองคนยังไงดี ฉันเลยเลือกที่จะโกหกไปแบบนั้น
“นาเดีย”
เสียงหวานของพี่เคธี่เรียกฉัน ฉันหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเห็นพี่เคธี่ยิ้ม และก้าวขาเดินเร็วมาที่ฉัน
“คะ”
“พี่มีเรื่องให้นาเดียช่วยพี่หน่อยน่ะ”
“เอ่อคะ.. เรื่องอะไรคะ”
ฉันถามออกไป ทั้งที่ในหัวของฉันก็พอจะเดาออกว่าต้องเป็นเรื่องของศรัณแน่ ๆ เพราะเวลาที่พี่เคธี่กับไอ้ศรัณมีปัญหากัน พี่เคธี่ก็มักจะมาขอให้ฉันช่วยคุยกับไอ้ศรัณให้อยู่เสมอ ถึงฉันกับพี่เคธี่จะดูไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไรนัก แต่ถึงเวลาที่พี่เคธี่กับไอ้ศรัณมีปัญหากัน พี่เคธี่ก็มักจะมาขอให้ฉันช่วยคุยกับไอ้ศรัณให้ แทบจะทุกรอบ แต่พอเขาดีกันเมื่อไร ฉันก็เป็นเหมือนหมาตัวหนึ่งตามระบบนั่นแหละ
“ก็ศรัณน่ะสิ หน้าจะโกรธพี่จนเมื่อวานไม่ยอมมาเรียน พี่อยากรู้ว่าเมื่อวานศรัณเขาไปไหนมาน่ะ นาเดียพอจะรู้บ้างไหม”
คำถามของพี่เคธี่ ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะสบตาพี่เขาเลย
“เอ่อ นุ หนูไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
ฉันตอบออกไปทั้งที่ภายในใจของฉัน มันรู้สึกผิดขึ้นมาดื้อ ๆ
“อืม..เมื่อวานพี่ถามไอศูณย์ กับเมฑินทั้งสองก็ไม่รู้อะไรเลย แล้ววันนี้พี่ก็ยังไม่เจอศรัณเลยด้วย“
”มันหน้าจะเรียนไหมคะ หนูเองก็ไม่เจอเลยค่ะพี่เคธี่“
“เรื่องของวันนั้น”
พี่เคธี่พูดแค่นั้นก่อนจะดึงแขนของฉัน ให้เดินออกห่างจากยัยพิ้งกับยัยข้าวสวย
“คือเรื่องคืนนั้นนาเดียก็อยู่ใช่ไหม”
“คืนไหนคะ”
ฉันถามออกไปพร้อมใจหาบแวบ
“ก็ที่ศรัณเห็นพี่อยู่กับเพื่อน ๆ ของพี่ชายพี่น่ะสิ”
“ออ อ้อ..เอ่ออยู่ค่ะ”
ฉันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าพี่เคธี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องคืนนั้นของฉันกันไอ้ศรัณ ฉันรู้สึกระแวงไปหมด จนคิดกลัวว่าพี่เคธี่จะรู้เรื่องนี้
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด พี่อธิบายกับศรัณไปแล้ว แต่ดูเหมือนศรัณจะไม่เชื่อ และก็ไม้ยอมฟังในสิ่งที่พี่อธิบายด้วย“
”เมื่อไรคะ“
ฉันเริ่มสนใจมากขึ้น เพราะฉันอยากรู้ว่าไอ้ศรัณมันพูดอะไรกับพี่เคธี่ไปบ้าง
”เมื่อวานพี่โทหาศรัณ แต่เขากว่าจะรับสายก็ปาเข้าไปเป็นสิบ ๆ รอบ แล้วพี่แชทไปก็อ่านนะ แต่ก็ไม่ยอมตอบ ไม่รู้ว่าจะเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดไปบ้างหรือเปล่า“
สีหน้าของพี่เคธี่ดูกังวล จนฉันรู้สึกผิดขึ้นมาภายในใจมากกว่าเดิม หรือที่ไอ้ศรัณมันไม่ยอมรับสาย เพราะมันอยู่กับฉันเมื่อวาน ฉันอดที่จะคิดไม่ได้ว่าที่ไอ้ศรัณมันไม่ยอมรังสาย อาจเป็นเพราะฉันก็ได้
“แล้วศรัณมันว่าไงบ้างคะ”
“เคธี่ได้เวลาเรียนแล้วนะ ไปกันเถอะ“
พี่เคธี่ไม่ทันที่จะตอบเสียงของพี่เว เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของพี่เคธี่ก็ดังขึ้น จนฉันกับพี่เคธี่ต้องหันไปมองพร้อมกัน
“รู้แล้วน่า”
พี่เคธี่หันไปตอบ ก่อนจะมองกลับมาที่ฉัน
“พี่ฝากนาเดียคุยกับศรัณให้พี่หน่อยนะ แล้วถ้าเจอศรัณแล้วบอกให้ศรัณตอบแชทพี่ด้วยนะ”
พี่เคธี่พูดอย่างรีบ ๆ พร้อมทั้งค่อย ๆ ก้าวขาถอยหลังไปหาพี่เวด้วย
“ค่ะ”
ฉันพยักหน้ารับและก็ยิ้มบาง ๆ ส่งให้พี่เคธี่ไปด้วยพร้อมทั้งความรู้สึกที่บอกไม่ถูก แต่ที่ฉันรู้คือฉันไม่ชอบกับความรู้สึกแบบนี้เอาซะเลย
”พี่เคธี่กับศรัณทะเลาะกันอีกแล้วหรอ“
พิ้งถามฉัน พร้อมมองตามหลังของพี่เคธี่ไป
”อืม“
ฉันตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ กับพิ้ง
”แล้วก็มาขอให้แก เป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์อีกตามเคย“
ยัยพิ้งพูดน้ำเสียงที่ฉันดูออก ว่ายัยพิ้งไม่พอใจ เพราะมันเห็นแบบนี้ จนมันเองก็เบื่อแทนฉัน
”อืม“
ฉันพยักหน้าตอบยัยพิ้งไป
”แล้วพอเขาดีกันแกก็เป็นหมาอีกตามเคย เมื่อไรแกจะเลิกยุ่งกับคู่นี้ซักทีวะนาเดีย แกก็รู้ว่าพี่เคธี่เธอก็ไม่ได้ชอบแก พี่เขามาคุยดีกับแก ก็แค่เวลาที่แกมีผลประโยช แกเองก็รู้ พอถึงเวลาเขาดีกัน พี่เคธี่ก็สั่งห้ามไม่ให้ศรัณคบแกเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ คนแบบนี้หน้าช่วยเหลือด้วยหรอ”
ยัยข้าวสวยบ่นฉัน พร้อมทั้งส่ายหัวเบา ๆ หลังจากที่หล่อนพูดจบ
“ฉันรู้ แต่ฉันจะทำไงได้ละแก ก็ในเมื่อไอ้ศรัณมันเป็น..เอ่อ เป็นเพื่อนฉันนิ”
ฉันพูดคำว่าเพื่อนได้ไม่เต็มปาก เพราะแค่นึกถึงไอ้ศรัณ เรื่องราวของเมื่อวานก็ตามมาหลอกหลอนฉันทุกครั้ง ฉันควรทำยังไงต่อไปดี ตอนนี้ฉันไม่ใช่แค่แอบรักมัน แต่ฉันดันไปพลาดมีความสัมพันธ์กับมันไปแล้ว และความรู้สึกที่มองมันเป็นเพื่อน ก็ไม่ได้สนิทใจเหมือนอย่างเคยอีกแล้ว
“แกก็ใจดีเกิน ..เพื่อนแล้วยังไง เป็นเพื่อนแล้วต้องคอยแกปัญหาให้ทุกอย่างเลยหรอ”
พิ้งเองก็ไม่เห็นด้วย ที่ฉันเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องของไอ้ศรัณและพี่เคธี่
“โน่นไง พี่เคธี่แฟนคนดีของเพื่อนแก ยืนคุยกับใครอยู่โน่น”
ยัยข้าวสวยหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นว่าพี่เคธี่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้ชาย คนที่อยู่ในผับวันนั้น ที่พี่เคธี่บอกว่าเป็นเพื่อนของพี่ชาย แต่แปลกที่ตอนนี้พี่นที พี่ชายของพี่เคธี่ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่พี่เคธี่ก็ยังยืนคุยกัน แถมยังดูสนิทสนมกันมากด้วย
“ถ่ายรูปไว้เลยดีกว่า”
ยัยพิ้งพูดพร้อมทั้งยกมือถือขึ้นมา
“อย่าแก”
ฉันรีบคว้ามือถือของยัยพิ้งมาถือไว้ เพราะฉันไม่อยากให้ยัยพิ้งถ่าย
“ทำไมละแก ก็แค่ถ่ายไว้ ไม่ได้จะเอาไปทำอะไรซักหน่อย”
ยัยพิ้งหันมาขมวดคิ้วส่งมาที่ฉันเบา ๆ
“มันเป็นเรื่องของเขา เราไม่ต้องไปยุ่งหรอก”
“ฮุ้ย..ก็ได้ เอามือถือฉันคืนมาฉันไม่ถ่ายก็ได้”
ฉันยื่นมือถือให้ยัยพิ้ง พร้อมทั้งเอ็ดดูสีหน้าของหล่อง ที่ตอนนี้หน้าบึ้งลงเล็กน้อย
แช่ !!!!
ขณะที่ฉันกำลังยื่นมือถือให้ยัยพิ้ง เสียงชัตเตอร์ของยัยข้าวสวยก็ดังขึ้นเบา ๆ เพราะนางลืมปิดเสียงไว้
”ยัยข้าวสวย“
ฉันหันไปมองพร้อมทำเสียงดุขึ้น
”แฮร !!! ฉันแค่อยากเห็นหน้าผู้ชายชัด ๆ นะแก“
หล่อนพูดจบก็ก้มลงซูมรูปในมือถือ เพื่อดูใบหน้าของผู้ชายที่ยืนคุยกับพี่เคธี่ และยัยพิ้งก็รีบตามไปก้มลงดูด้วย
”นี่มันพี่เน พี่ที่เคยมาจีบยัยแก้วตานิ“
ยัยพิ้งพูดขึ้นและมองหน้ายัยข้าวสวย ก่อนจะมองมาที่ฉัน
”ใช่ ๆ พี่คนนี้แหละ ที่อยู่ในกลุ่มของพี่คราม เพลย์บอยตัวพ่อในมหาลัยเลยนะแก“
ยัยข้าวสวยพูด ขณะที่ก้มลงดูรูปอยู่
”ใช่แล้วไอ้คนนี้แหละ ที่มาหลอกยัยแก้วตาเมื่อตอนปี 1 อ่ะ เห็นเขาว่าฟันแล้วก็ทิ้งไป อย่างไม่มีเยื่อใยเลยนะแก แกจำได้ไหมที่ช่วงนั้นยัยแก้วตาไม่มาเรียนเป็นอาทิตย์เลยอ่ะ ก็เพราะไอ้ผู้ชายคนนี้แหละ“
”จำได้ ๆ ฉันเคยได้ยินมาว่าสาว ๆ บางคนก็เหมือนจะเต็มใจให้แก๊งนี้ฟันด้วยนะแก เพราะเขาว่ากันว่า แก๊งนี้ไม่ได้แค่หล่ออย่างเดียวนะ รวยมาก ๆ ด้วย โดยเฉพาะพี่ครามรายนั้นคือสุด ๆ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าทำไมพี่เขาไม่มาจีบฉันบ้าง“
ยัยข้าวสวยพูดพร้อมทั้งยิ้มไปด้วย จนฉันเองก็อยากที่จะเห็น ว่าพี่ครามคนที่เพื่อนของฉันพูดถึงนี่คือคนไหน
”แล้วแบบนี้ ถ้าพี่เคธี่จะรอดไหมเนี่ยแก“
ยังพิ้งพูดพร้อมทั้งหันไปมองดูพี่เคธี่อีกครั้ง
”หึ หึ ฉันว่าไม่รอด“
ข้าวสวยมองหน้าของฉัน นั่นทำให้ฉันนึกถึงความรู้สึกของไอ้ศรัณขึ้นมาทันที เพราะถ้าเป็นแบบนั้นไอ้ศรัณมันคงจะเสียใจเอามาก ๆ เพราะฉันรู้ดีว่ามันรักพี่เคธี่มาก