หวังสวมแหวนเสร็จเรียบร้อย เจ้าสัวภูวเดชและท่านศาสตราเชิญเจ้าหน้าที่ส่วนตัวเพื่อให้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสตามฤกษ์มงคล
ภควัตเป็นฝ่ายจรดปลายปากกาก่อนเจ้าสาว มือเย็นเฉียบละล้าละลังชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็เลือกเซ็นชื่อตัวเองตรงนั้น ด้านเจ้าสาวเช่นกันหล่อนนิ่งสงัดกระทั่งศาสตราต้องสะกิดแล้วถึงลงมือทำตามหน้าที่
“แม่ขอให้อรและภาคมีความสุข ต่อจากนี้หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก” คุณหญิงจริยาเอ่ยด้วยวาจาอ่อนโยน แววตาเจือห่วงใยไม่ลืมย้ำลูกสาวคนเดียวอีกครั้งหนึ่ง
“แม่รักอรมากนะ”
“อรก็รักแม่ค่ะ” เจ้าสาวโผกอดมารดาราวเด็กน้อย
“ขี้แยไม่ได้นะลูก หนูโตขึ้นอีกก้าวแล้วจะมาติดแม่แบบเก่าไม่ได้อีก” สองแม่ลูกเกลี่ยหยาดน้ำตาของกันและกัน
“แม่ฝากดูแลอรด้วยนะภาค”
“ครับ”
“โธ่คุณหญิง ยายอรไม่ใช่เด็ก ๆ นะ ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอก ภาคต้องดูแลลูกสาวลุงดีอยู่แล้วใช่มั้ยลุงรู้” นายตำรวจใหญ่แทรกขัดจังหวะซึ้ง มือย่นมิวายลงน้ำหนักบริเวณหัวไหล่ภรรยา
“เบาใจเถอะ ตาภาครักหนูอรมาก สองคนนี้เขามีความรู้สึกดี ๆ กันตั้งแต่เด็ก” เจ้าสัวภูวเดชหัวเราะร่า ท่าทีสมปรารถนาเล่นเอาลูกชายเม้มเรียวปากหยักเป็นเส้นตรง
“งั้นผมก็วางใจ เรามาคุยกับเรื่องพรรคดีกว่าเจ้าสัว ผมมีคนแนะนำให้ท่านรู้จักด้วยสมัยหน้าเผลอ ๆ ผมจะบอกให้เขาดันท่าน”
“งั้นหรือ เอาสิเขาอยู่ไหนล่ะ”
“ผมให้คนจัดห้องรอไว้แล้ว เชิญครับ” ครั้นชายชราทั้งสองสาวเท้าพ้นบานประตู ภควัตจึงพ่นลมหายใจอึดอัด นี่สินะแต่งงานทางการเมือง ไม่มีแววตารักใคร่ ไม่มีสีหน้าห่วงใยของพ่อทั้งสองคน มีเพียงการเจรจาผลประโยชน์มหาศาล ดีหน่อยอรลดาเป็นน้องน้อยที่รู้สึกดีด้วยตั้งแต่วัยเยาว์
“พี่ภาค…”
“พี่ไปนะอรไว้เจอกัน คุณแม่ครับผมฝากน้องก่อนนะครับ เมื่อกี้ช่างโทร. มาแจ้งคนของผมว่าจะเข้ามาแต่งตัวให้น้องสำหรับงานค่ำ ส่วนผมช่างอยู่อีกห้องหนึ่งน้องอรจะได้สวยให้เต็มที่ไม่อึดอัด” เรียวปากหยักระบายยิ้มบางเบาพลางหมุนปลายเท้ายังทิศประตู ทันทีที่บานกั้นระหว่างกันปิดลง เจ้าบ่าวซึ่งใครคิดว่าน่าอิจฉานักหนาแปรสีหน้าเซื่องเซ็ง
ร่างสง่าเกือบก้าวเข้าห้องแต่งตัวทว่านัยน์ตาคมกริบดันเหลือบเห็นบางคนเข้าเสียก่อน ร่างระหงอันคุ้นเคยมุ่งตรงทางห้องน้ำด้วยใบหน้าราบเรียบ ท่าทางเหมือนไหมเวลานี้นิ่งจนชายหนุ่มหมั่นไส้
ไวเท่าความคิดสมองสั่งการให้เบี่ยงกายตามเธอทันควัน เข้าไปทักทายซะหน่อยอย่างน้อยก็ในฐานะ ‘คนเคยแนบชิด’
อยากรู้เหมือนกันที่ทำเหมือนเลิกรักพอเจอหน้าหน่อยสาวเจ้าจะอวดเก่งได้สักกี่น้ำ!
ภควัตสำรวจอย่างดีไม่พบแขกเหรื่อบริเวณนั้น มือสากจึงหยิบป้ายทำความสะอาดก่อนกดล็อกบานประตูฉับไว ร่างสูงโปร่งแนบพิงผนังห้องน้ำด้วยใบหน้ายียวน ชายหนุ่มกอดอกพลางผิวปากฮัมเพลงสากล
เหมือนไหมผุดลุกหยุดทำธุระส่วนตัวแทบไม่ทัน สุ้มเสียงแหบพร่าเช่นนั้น เธอจำได้ทันควันว่าคนซึ่งเฝ้ารออยู่คือใคร หญิงสาวกำหมัดแน่นพลางสูดลมหายใจเข้าปอด ตั้งใจหนีหน้าทำตัวไม่เป็นปัญหาก็แล้วแต่เหมือนภควัคไม่ยอมจบสักที
ตอนนี้เธอชักหงุดหงิด ผู้ชายคนนั้นจะตามเป็นเจ้ากรรมนายเวรไปถึงไหน!
ปัง!
มือนุ่มผลักประตูก็พบเขายืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าเมินเฉยมองผ่านราวนักธุรกิจแค่เศษฝุ่นละออง ไม่อาจมีค่าจนต้องให้ความสนใจ
“ไหม!” เสียงกดต่ำประกาศชัดว่าเส้นความอดทนขาดผึง ร่างสง่าปราดคว้าเรียวแขนขาวรวดเร็ว พลังกำลังบุรุษดันร่างเล็กแนบแนวอ่างล้างหน้า
“ปล่อยมือค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”
“ฉัน ? คุณ ?” คิ้วขมวดมุ่นปมใหญ่
“หึ เข้าใจพูดดีนี่” สรรพนามห่างเหินทำเอาเรียวปากหยักกระตุกวูบเป็นเส้นตรง มือสากบีบแขนขาวกระทั่งรอยแดงปรากฏ
“ไหมนี่เก่งนะเรื่องยั่วให้ผมโกรธจนอยาก…” สายตาโลมเลียมแล่นไอร้อนสู่ผิวหน้าขาวนวล เหมือนไหมกัดฟันกรอดโกรธตัวสั่นเทา ยิ่งเห็นปลายนิ้วชี้ไล่สัมผัสทั่วตารางนิ้วผิวนอกเนื้อเธอยิ่งรังเกียจผู้ชายคนนี้
มาบอกว่าอยากทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกับเจ้าสาวตัวจริง จิตใจหยาบกระด้างนี้มีความรู้สึกบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงเลวร้ายเกินคน!
“โอ๊ย!” ฉับพลันอาการเจ็บปวดปะทะปลายเท้าจำต้องอุทาน เหมือนไหมบดขยี้รองเท้าดำขลับจนภควัตถอยร่นแทบไม่ทัน
เพียะ!
เธอไม่รอให้เขาตั้งตัวทันมือบางฟาดสุดกำลังกระทั่งวงหน้าหล่อเหลาสั่นสะเทือน รสเจ็บปวดไม่อาจปลุกจิตใจดำมืดก้าวสู่แสงสว่าง คนไร้อารยธรรมปรี่รวบเอวคอดกิ่วซึ่งกำลังก้าวหนีอีกทาง
“ทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ!” คนตัวเล็กตวาดเสียงเดือดยามถูกบังคับกายให้นั่งแนบโต๊ะอ่างล้างมือ วงแขนกำยำจรดกักขังราวผู้ร้าย ภควัตแสยะยิ้มเหี้ยมไม่แคร์ว่าจะถูกมือนุ่มทุบตีแค่ไหน
“ไม่ปล่อย มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เธอหนีฉันทำไมฮะเหมือนไหม!”
“คุณพูดขนาดนั้นจะให้ฉันทนได้ยังไง เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่าถามจริง ตัวเองแต่งงานมีความสุขกับคนรักส่วนฉันทุกข์ตลอดชีวิตเพราะเป็นเมียน้อย คิดถึงใจฉันบ้างสิ ฉันเป็นคนนะไม่ใช่ตุ๊กตายางมีชีวิตมีหัวใจ เมื่อคุณอยากเริ่มใหม่ ฉันเองก็จะมูฟออนเหมือนกัน!” เหมือนไหมตะคอกด่าคนตรงหน้าสุดเสียง
“หึ…เริ่มใหม่ มูฟออน ?” เขากลั้วเสียงพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม
“จะหาผัวใหม่ถามผัวเก่าแล้วยังว่ายอมมั้ย”
“ผัวเก่าใคร เท่าที่ฉันจำได้ก็ไม่เคยมีผัว!” เธอเงยหน้าสวนกลับทำเอาเขาสะอึก ฉับพลันมือเย็นเฉียบบีบพวงแก้มนุ่ม คำซึ่งบอกว่าไม่เคยมีผัวบาดร้าวราวหนามแหลมเฉือนใจแกร่งเหวอะหวะ
ท่าทีเย่อหยิ่ง ถ้อยคำราบเรียบเผาหัวใจชายหนุ่มมอดไหม้กลายดั่งจุณเพลิง!
เขามองหน้าเธอไม่ได้ สบตาเย็นชาไม่ไหวอีกต่อไป เรียวปากหยักพุ่งพรวดทำสิ่งที่ปรารถนาประกบจุมพิตร้ายเพื่อเลือนทุกความเจ็บปวดของวันนี้…
แค่เสี้ยวนาทีก็ยังดี… ทำไมใกล้เหมือนไหมแค่นี้กลับรู้สึกไกลเกินเอื้อม!
คนตัวเล็กขัดขืนสุดแรง มือนุ่มทุบแผงอกกำยำเท่าไรภควัตก็ไม่คิดปล่อยจูบ สัมผัสดุดันแทบไม่เหลือภาพอ่อนโยนครั้นอดีต ลิ้นร้อนซอกซอนล้ำลึกขณะมือหนากดพวงแก้มนวลให้ตอบรับสัมผัส กระทั่งหญิงสาวพ่ายแพ้ในที่สุด เหมือนไหมไม่มีโอกาสแม้แต่ลอบหายใจ น้ำหูน้ำตาไหลอาบดวงหน้างาม
สมองสั่งการวิธีสุดท้ายซึ่งสามารถจบเรื่องบัดซบได้คือต้องทำให้ผู้ชายคนนี้ได้เลือด เล็บยาวสบโอกาสตะปบวงหน้าหล่อเหลาข่วนเขาไม่ยั้งมือ หนำซ้ำไรฟันคมกัดลิ้นร้ายจนรสคาวเลือดคลุ้งโพรงปากทั้งคู่
“ทำบ้าอะไรฮะ เธอรังเกียจฉันมากหรือไง!” ภควัตผละออกแทบทันใด ชายหนุ่มก่นด่าหญิงสาวจอมอวดดีผ่านคำพูดและสายตาแข็งกร้าว
“ไม่ใช่แค่รังเกียจ” หลังมือบดขยี้ริมฝีปากตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า
“แต่เกลียด!” เหมือนไหมก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน แววตารวดร้าวปนเกลียดชังทำเอาคนเห็นแก่ได้ชาวาบถึงขั้วหัวใจ
“แค่หน้าคุณสักนาทีฉันยังไม่อยากมองเลย” นัยน์ตาล้นด้วยหยาดความเศร้าหรี่มองผนัง เพราะไม่ปรารถนาแสดงด้านอ่อนแอให้เขาเห็น
“…” คล้ายโลกหยุดหมุน คนที่เคยเทิดทูนรักตนนักหนาตอนนี้สวนทางสิ้นเชิง เจ้าบ่าวหนุ่มนิ่งสงัดไร้เรี่ยวแรงอาละวาดหญิงสาวต่อ
“ในความคิดคุณฉันอาจจะเป็นผู้หญิงง่าย ๆ ต่อให้ตายคุณก็ไม่มีวันรักฉันได้ และคุณคงคิดว่าสุดท้ายพอคุณไม่สนใจฉันก็กลับมาหาคุณใหม่อยู่ดี”
“…”
“คุณคิดแบบนั้นฉันก็ไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะที่ผ่านมาฉันมันเป็นแค่ของตายสำหรับคุณ”
“…”
“แต่จะบอกอะไรให้อย่างหนึ่ง” ดวงตาแดงก่ำสบตาเจ้าบ่าวหนุ่มตรงไปตรงมา
“ฉันยอมเพราะฉันรัก…”
“…”
“แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ความรู้สึกพวกนั้นมันไม่เหลืออยู่”
“ไหม…”
“หัวใจฉันหยุดเต้นตั้งแต่วันนั้น อย่าถามนะว่าทำไม เพราะคุณขยี้มันเองกับมือ” ริมฝีปากกระจับคลี่ยิ้มขมปร่ามือนุ่มผลักร่างสูงพ้นทางราวตัวเชื้อโชค ยิ่งแผ่นหลังบอบบางถอยห่างทีละก้าว ใจแกร่งคล้ายถูกคว้านออกจากอกพร้อมกับเธอ
ผู้หญิงที่เขาเคยดูถูกว่าไร้ค่า ไม่เคยเพรียกปรารถนา… วันนี้ภควัตเสียเหมือนไหมไปแล้ว!
ชายหนุ่มยืนนิ่งเกือบสิบนาที นัยน์ตาแดงก่ำมองภาพสะท้อนกระจกเงายิ่งชังตนเองขึ้นหลายสิบเท่า ที่ผ่านมาเขาเผลอทำอะไรลงไป… ถลำลึกใกล้ชิดเหมือนไหมขนาดนั้นได้อย่างไร ปฏิเสธไม่ได้ว่าใจเจ็บร้าวราวถูกเหล็กทาบไว้เพียงหญิงสาวหันหลังให้
เธอมีอิทธิพลเกินไป…
ทุกอณูหัวใจเดือดพล่านก็เพราะเธอ!
ตืด ตืด!
สมาร์ตโฟนบางเฉียบสั่นระริกปลุกเจ้าบ่าวหลุดภวังค์ หยิบขึ้นมาดูหน้าจอก็พบว่าณดลคงโทร. ตามประสามือขวาเวลาเป๊ะ เจ้าบ่าวหนุ่มกดปฏิเสธสายจดจ้องใบหน้าตนเองคราหนึ่ง เครื่องมือสื่อสารพลันกลับมาดังเช่นเดิม
จะรีบห่าอะไรนักหนาวะ…
สบถคำหยาบคาย หากไม่ได้โพล่งออกไปอย่างใจคิด
“มีอะไร”
‘กะ…เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ’
“เรื่อง ?” บัดนี้ต่อให้ฟ้าดินถล่มทลายก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาอีก
‘คุณไหมครับ คุณไหมถูกรถกระบะเฉี่ยวที่ลานจอดรถนาย!’ ภควัตชะงักค้างเรียวปากหยักพยายามควานเสียงเพื่อเปล่งถามต่อ
“มะ…มึงว่าไงนะ”
‘ผมเรียกรถพยาบาลแล้ว นายรีบมาชั้นแอลสามนะครับ’ ไวเหนือความคิดปลายเท้าจ้ำอ้าวแทบเหาะหาคนเจ็บ ภควัตหอบหายใจถี่รัววิ่งลงบันไดหนีไฟมายังชั้นดังกล่าวก็พบเพียงคราบเลือดเปื้อนพื้นซีเมนต์
เขามาช้า…สายเกินไป
หากเลือดผู้หญิงคนนั้นทำเอาร่างสง่าไร้การเคลื่อนไหว ทุกสัดส่วนของร่างกายชาวูบตั้งแต่หัวจดเท้า!