ตอนที่ 5 แม่ของทิวา

1023 คำ
สา อลิสา เด็กกำพร้าที่อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุสามขวบ จนเมื่อเธออายุเก้าขวบได้รับการอุปการะจากครอบครัวนักการเมืองที่มีตำแหน่งใหญ่โตทางการเมือง ความดีใจที่มีผู้ใหญ่ใจดีเข้ามาเปลี่ยนชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเธอเป็นแค่ตัวประกอบในบทละครที่ถูกเขียนขึ้นเท่านั้น รัฐมนตรีใจบุญชอบช่วยเหลือเด็กกำพร้า เพื่อช่วยเรียกคะแนนเสียง และปกปิดความดำมืดไว้เบื้องหลัง หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าสื่อ สาเป็นเพียงเด็กรับใช้ในคฤหาสน์หรู เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาวก็ถูกลูกชายของรัฐมนตรีขืนใจ กลายเป็นที่ระบายความใคร่ ไม่กล้าปริปากบอกใคร ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม อดทนรอวันที่จะโบยบินออกไปจากที่นี่ “แกกล้ามากนะนังสา” เสียงกราดเกรี้ยวของรัฐมนตรีขจรเดชเมื่อเห็นภาพข่าวที่เลขาฯ พรินต์ออกมาให้อ่าน ก่อนจะขยำและปาใส่หน้าของสา แม้ในเนื้อข่าวจะมีแต่คำเยินยอก็ตาม “หนูทำอะไรผิดเหรอคะ” สาแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่เป็นความตั้งใจของเธอ ที่ผ่านมาเธอตั้งใจเรียน และบอกตัวเองว่าต้องเรียนให้เก่ง ฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากหนังสือและสื่อโซเชียล เตรียมทั้งด้านภาษาและวิชาการอื่นๆ จนได้เป็นหนึ่งในสองคนที่ได้รับทุนไปเรียนต่อปริญญาตรีและปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา “ยังมีหน้ามาถาม แกไปบอกนักข่าวว่าฉันจะส่งแกไปเรียนอเมริกา” “แต่หนูสอบชิงทุนได้ ไม่ได้รบกวนเงินคุณเลยนะคะ” “กล้าต่อปากต่อคำฉันรึนังสา” เสียงตวาดดังลั่นอย่างน่าหวาดหวั่นใจ “หนูไม่กล้าค่ะ” สาก้มหน้าสงบเสงี่ยมเจียมตัว “ให้มันไปๆ ให้พ้นหูพ้นตาเถอะคุณ จะได้อยู่ให้ห่างจากตาขุนพล” บงกชเพชรเห็นเป็นโอกาสให้สาไปพ้นหูพ้นตา และอยู่ห่างจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวน สหรัฐอเมริกาได้รับการขนานนามว่า “Melting Pot” หมายถึง แหล่งรวมของผู้คนที่มาจากหลากหลายวัฒนธรรมที่หล่อหลอมรวมกัน โดยมีผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติเผ่าพันธุ์อพยพเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดินแดนแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพ โดยมีเทพีเสรีภาพเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศ สาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนแห่งเสรีภาพ เธอรู้ว่าควรปิดปากเงียบเกี่ยวกับเบื้องหลังของรัฐมนตรีขจรเดชเพื่อชีวิตอันสงบสุข หลังเลิกเรียนสาทำงานพิเศษเพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะสหรัฐอเมริกาไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติทำงาน Part-time อย่างถูกกฎหมาย งานที่นักเรียนหรือนักศึกษาจะสามารถทำพิเศษได้ในระหว่างเรียนจึงเป็นงานที่ทำได้ในมหาวิทยาลัย ซึ่งงานส่วนใหญ่ก็คือการทำงานในร้านอาหาร ร้านค้า หรือห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ส่วนชั่วโมงการทำงานสามารถทำได้ยี่สิบชั่วโมงต่อสัปดาห์ ค่าแรงอยู่ที่ประมาณเจ็ดถึงแปดดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อชั่วโมง เธอจึงต้องใช้เงินให้คุ้มค่าที่สุด จนกระทั่งวันหนึ่ง “เปื้อนหมดเลย” สาเก็บขนมปังที่ทำตกพื้นขึ้นมาด้วยความเสียดาย พยายามปัดเศษฝุ่นออกให้มากที่สุด “อย่าบอกนะว่าเธอจะกิน” สาละสายตาจากขนมปังในมือมองเจ้าของเสียง “เออ...มันแค่เปื้อนนิดหน่อย” ชายหนุ่มสองคนที่มีใบหน้าเหมือนกันทำให้สาตกใจเล็กน้อย คิดว่าตัวเองหิวจนเห็นภาพซ้อน “แต่มันตกพื้นแล้วนะ” “นี่ไง ไม่เปื้อนแล้ว” สายื่นขนมปังที่เธอปัดเศษฝุ่นผงออกจนหมดให้ชายหนุ่มดู “ยังไงก็สกปรกอยู่ดี” ของตกพื้นแล้วจะสะอาดได้ยังไง ไม่รู้ว่ากี่รอยเท้าที่เหยียบย่ำเดินผ่านไปผ่านมา “ยังกินได้...นี่” ขนมปังในมือถูกแย่งไป สามองตามตาละห้อยที่อาหารมื้อเย็นของตัวเองลงไปอยู่ในถังขยะ “คนไทยหรือเปล่า” คนที่ยืนอยู่เอ่ยถาม “ใช่” ตอบเสียงแผ่วเพราะยังเสียดายขนมปัง “งั้นเราสองคนเลี้ยงข้าว” คนที่เอาขนมปังไปทิ้งถังขยะเอ่ยบอก “แต่เราไม่รู้จักกันนะ” “เธอเรียนที่นี่?” “ใช่” “เธอเรียนปีอะไรแล้ว” “ปีสอง” “งั้นเราก็เป็นเพื่อนกัน เพื่อนเลี้ยงข้าวเพื่อนได้” “แต่เราก็ยังไม่รู้จักกันอยู่ดี” “เธอชื่ออะไร” “สา” “ฉันปลี” “ฉันปลัง” ชายหนุ่มอีกคนแนะนำตัว “เรารู้จักกันแล้ว จะไปกันได้หรือยังท้องเธอร้องอย่างกับกลองเพล” “ไปก็ได้” สาหน้าแดงด้วยความอาย ท้องเจ้ากรรมก็ส่งเสียงประท้วงไม่หยุด นับตั้งแต่วันนั้นสาก็ได้เป็นเพื่อนปลีกับปลัง ทั้งสองคนช่วยเหลือเธอเรื่องงานพิเศษ ด้วยการให้ไปทำงานร้านอาหารไทย ซึ่งทั้งคู่เป็นหุ้นส่วน ทำให้ชีวิตในอเมริกาของเธอดีขึ้นมาก จนกระทั่งขึ้นปีสี่ เสียงโครมครามดังออกมาจากห้องน้ำของร้านอาหารไทยที่สาทำงาน “เกิดอะไรขึ้นสา” ปลีมองขวดสบู่เหลวกับแจกันใส่ต้นไม้ดับกลิ่นตกจากเคาน์เตอร์อ่างล้างมือแตกกระจายบนพื้น กลัวว่าเศษกระเบื้องจะทำให้สาได้รับบาดเจ็บ จึงรีบใช้ไม้ถูพื้นดันออกพ้นทาง “ปลี...” สาเงยหน้ามองเพื่อน ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส “ปลีถามว่าเกิดอะไรขึ้น” “สา...สาท้อง” สิ่งที่ใช้ยืนยันคำพูดอยู่ในมือที่สั่นเทา “ท้อง!!” ปลีกับปลังแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไร่จันทรัชในช่วงเวลาปัจจุบัน “แล้วสาท้องกับใคร” ทับทิมถามด้วยความอยากรู้ “ผู้ชายคนหนึ่ง” “นายพบตะวัน อยากโดนย๊ากอีกใช่ไหม” ทับทิมอยากกระโดดถีบคนยียวนอีกสักรอบ “ย๊ากแรกยังเจ็บไม่หายเลย” ปลียกมือขึ้นมาลูบหน้าอกตัวเอง ยังหลงเหลือความเจ็บอยู่บ้าง “ถ้าไม่อยากโดนย๊ากที่สองก็เล่ามา” “จะเล่าเดี๋ยวนี้ละครับ” ทับทิมตั้งตารอฟังเรื่องราวของสา หากคนตรงหน้ายังทำเป็นเล่นจะทุบให้กระอักเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม