น่าสนใจ
หลังจากที่รู้ว่าตัวเองผ่านการสัมภาษณ์และได้รู้วันเริ่มทำงานแล้ว พิชญ์ชาพรก็รีบโทร. ไปบอกข่าวดีนี้กับพ่อและแม่ของเธอ ซึ่งพ่อกับแม่ของเธอนั้นดีใจมากที่ลูกสาวเก่งและหางานทำได้เร็วกว่าที่คิดเอาไว้
พ่อกับแม่ของเธอดาวน์รถยนต์ให้หนึ่งคัน เพื่อเป็นของขวัญที่ได้งานทำ และเพื่อให้ลูกสาวคนสวยได้ขับไปทำงาน
ตอนที่รู้ว่าพ่อกับแม่จะดาวน์รถยนต์ให้ พิชญ์ชาพรก็ได้แซวพ่อกับแม่ตัวเองไปขำๆ ว่า ‘อย่าคิดว่าพิชญ์จะรู้ไม่ทันนะ ว่าพ่อกับแม่จะดาวน์ศูนย์บาทให้อะ’ ตอนแรกก็แค่แซ็วขำๆ แต่ที่ไหนได้ พ่อกับแม่ของเธอกลับทำจริงๆ ดาวน์รถยนต์ศูนย์บาทให้ แล้วให้เธอผ่อนหนักๆ
โอ๊ยยย อีพิญช์อยากจะบ้าตาย นี่มันเรียกของขวัญยังไงเนี่ย
ถึงแม้ว่าเงินเดือนเลขาฯ จะค่อนข้างสูง แถมยังมีค่าล่วงเวลาสวัสดิการต่างๆ ที่ทางบริษัทมีให้ ทำให้สามารถผ่อนรถได้แบบสบายๆ แต่สำหรับคนที่ติดเที่ยวกลางคืนและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอย่างพิชญ์ชาพรนั้นอดที่จะร้องไห้ในใจไม่ได้ แล้วไหนจะค่าเสื้อผ้า ค่าเครื่องสำอางค์อีก หรือว่านี่จะเป็นแผนของพ่อกับแม่เธอ ที่ทำแบบนี้เพราะอยากให้เธอเลิกเที่ยวกลางคืนใช่ไหม!
และไม่ว่าจะเป็นแผนของพ่อกับแม่เธอจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือคนอย่างเธอเลิกเที่ยวไม่ได้แน่นอน! เสียใจกับคนคิดแผนล่วงหน้าได้เลย เพราะยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ!
ในที่สุดวันแรกของการทำงานก็มาถึง แน่นอนว่าพิชญ์ชาพรตื่นเต้นมาก เธอตื่นตั้งแต่ตีห้า ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ยืนยิ้มและพูดให้กำลังใจตัวเองอยู่ในกระจกอยู่ประมาณสามสิบนาทีได้ ก่อนจะรีบขับรถออกจากคอนโดฯ ตั้งแต่หกโมงเช้า เพราะกลัวว่าถ้าออกช้ากว่านี้รถจะติดและอาจจะไปทำงานสายได้ ทำงานวันแรกก็ควรไปเช้าๆ และไม่ควรสร้างประวัติการเข้างานสายตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน
คอนโดมิเนียมที่พิชญ์ชาพรพักอาศัยอยู่ตอนนี้ เป็นคอนโดฯ ที่พ่อกับแม่เธอซื้อให้ตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนปีหนึ่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งซื้อต่อมาจากลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ตอนนี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ อีกอย่างทางนั้นก็ขายให้ในราคาที่ถูกมากเพราะเห็นว่าเป็นญาติกัน แถมยังผ่อนจ่ายได้ด้วย เป็นญาติที่น่ารักสุดๆ ไปเลยล่ะ กลับมาจากเมืองนอกเมื่อไหร่
อีพิชญ์จะหอมแก้มให้หนำใจเลย คิกคิก
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ความสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเดินเข้ามาในบริษัทในชุดทำงานเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กระโปรงทรงกระสอบยาวสิบแปดนิ้ว รองเท้าคัชชูสีดำส้นเตี้ย เอิ่ม...ใครเห็นนี่รู้เลยว่ายายนี่เป็นพนักงานใหม่ชัวร์
แต่จะให้ทำไงได้ เริ่มงานวันแรกก็ต้องงี้แหละ แต่มาในชุดสีสันฉูดฉาดก็เกรงใจ เดี๋ยวจะเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะได้รู้จักคำว่า ‘แฟชั่นนิสต้าตัวแม่’ มันเป็นยังไง!
พิชญ์ชาพรเดินเข้ามาในบริษัทด้วยความมั่นใจ ก่อนจะเดินหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์แล้วหันซ้ายหันขวา เพราะไม่แน่ใจว่าจะต้องไปไหนก่อน ระหว่างไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลกับตรงไปยังห้องทำงานได้เลย ทว่าก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าห้องทำงานของเธอคือที่ไหน งั้นไปที่ฝ่ายบุคคลก่อนแล้วกัน
หญิงสาวมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง เพื่อดูว่าเธอพอจะถามใครแถวนี้ได้บ้าง ก่อนที่สายตาเธอจะปะทะเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนรอลิฟต์อยู่ข้างๆ เธอ ท่าทางน่าจะเป็นพนักงานของบริษัทนี้ เธอจึงขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามทันที
"ขอโทษนะคะ พอดีมาเริ่มงานที่นี่วันแรก ไม่ทราบว่าฝ่ายบุคคลอยู่ชั้นไหนเหรอคะ"
"ชั้นห้าค่ะ" หญิงสาวคนข้างๆ ตอบ ก่อนจะขมวดคิ้วมองเธอ พร้อมทำสีหน้าเหมือนกำลังนึกอะไรสักอย่าง "เอ่อ...เมื่อกี้คุณบอกว่าเริ่มงานที่นี่วันแรก ใช่ที่มาสัมภาษณ์ตำแหน่งเลขาฯ เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วหรือเปล่าคะ พอดีฉันก็มาทำงานที่นี่วันแรกเหมือนกัน ตำแหน่งเดียวกันเลย"
หือ...พิชญ์ชาพรรีบมองสำรวจคู่สนทนาอีกครั้งทันที เมื่อกี้เธอบอกว่าพึ่งมาเริ่มงานที่นี่วันแรก แถมยังตำแหน่งเดียวกันอีก แต่ทำไมถึงได้แต่งตัวไม่เหมือนมาเริ่มงานวันแรกเลยล่ะ เธออยู่ในชุดเสื้อยืดคอเต่า
สีขาวรัดรูป แล้วสวมทับด้วยเบลเซอร์สีเขียวมิ้นต์ พร้อมกางเกงสแลกสีเดียวกันกับเบลเซอร์
"จะ...จริงเหรอคะ คุณก็มาสัมภาษณ์วันนั้นเหมือนกันเหรอ" พิชญ์ชาพรถามอีกฝ่ายกลับ เธอกลับไปเปลี่ยนชุดตอนนี้ทันไหมเนี่ย
พอเทียบกันแล้ว ชุดที่เธอใส่มาวันนี้ ดูเหมือนเด็กหงิมๆ อย่างไงอย่างนั้นเลย
"จริงค่ะ วันนั้นฉันยังเห็นคุณอยู่เลย เรานั่งข้างกันค่ะ"
"อ๋อค่ะ พอดีวันนั้นฉันเบลอๆ นิดหน่อย เลยไม่ทันสังเกตอะไร"
ก็เล่นเมาค้างขนาดนั้น แค่เอาตัวรอดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ไม่มีเวลาสังเกตคนรอบข้างหรอก หญิงสาวคิดในใจ
"ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปพร้อมกันเลยนะคะ ฉันชื่อก้อยนะคะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอ"
"ชื่อพิชญ์ค่ะ"
"ค่ะ คุณพิชญ์" ก้อยหรือกมลชนกส่งยิ้มให้พิชญ์ชาพรอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินนำเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับกดไปที่ชั้นห้า แล้วหันมาพูดกับพิชญ์ชาพรที่เดินตามเข้ามาอีกครั้ง "ต่อไปนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ เพราะเจ้านายของเราอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน คงได้ประสานงานกันบ่อยๆ"
"ฉันก็คิดอย่างนั้นค่ะ เอ่อ...คุณก้อยอายุเท่าไหร่คะ ฉันจะได้เรียกถูก" พิชญ์ชาพรถามคู่สนทนาด้วยความเกรงใจนิดๆ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่าที่ไปถามเรื่องอายุกับคนที่พึ่งเจอแบบนั้น
"ยี่สิบสี่ปีค่ะ คุณพิชญ์ล่ะคะ"
"พิชญ์ยี่สิบเอ็ดค่ะ งั้นขอเรียกว่าพี่ก้อยก็แล้วกันนะคะ"
"ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องงานให้คิดซะว่าเราเป็นเพื่อนกันนะคะ เพราะเรามาพร้อมกัน" กมลชนกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามต่ออย่างชวนคุย "แล้วพิชญ์รู้ยังว่าต้องเป็นเลขาฯ ของใคร ระหว่างคุณ
คีรินภัทรกับคุณศรัณภัทร"
"ยังไม่รู้เลยค่ะ เขาบอกแล้วเหรอคะ"
"ยังหรอก พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน พิชญ์คิดว่าจะได้ใคร"
"คนไหนหล่อกว่าอะคะ" พิชญ์ชาพรเอ่ยถามอย่างติดตลกนิดๆ
"อ้าว ยังไม่เคยเห็นเหรอ" กมลชนกถามด้วยสีหน้างงๆ "น่าจะเคยเห็นแล้วนี่ วันนั้นทั้งคุณคีรินภัทรกับคุณศรัณภัทรก็เป็นกรรมการสัมภาษณ์เราด้วย"
"หือ..." พิชญ์ชาพรเลิกคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะถามต่อ "คนไหนอะคะ"
"ก็ผู้ชายหล่อๆ สองคนที่นั่งอยู่ในนั้นแหละ จะมีสองคนที่ดูอายุน้อยๆ หน่อย"
"ใช่สองคนที่นั่งริมสุดปะคะ คนสุดท้ายกับรองสุดท้าย" เธอถามอย่างพยายามเก็บอาการตื่นเต้นให้ได้มากที่สุด
"ใช่ๆ สองคนนั้นแหละ" กมลชนกว่าพร้อมกับหยิบสมาร์ตโฟน
ของตัวเองออกมา แล้วกดเข้าเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อเปิดรูปผู้บริหารหนุ่มทั้งสองให้พิชญ์ชาพรดู "คนนี้คือคุณคีรินภัทร ส่วนคนนี้คือคุณศรัณภัทร เลือกคนไหน"
โอ้ มาก๊อด! ใช่จริงๆ ด้วยอะ สุดหล่อทะลุทะลวงมดลูกของ
อีพิชญ์ ว่าแต่...
"เรามีสิทธิ์เลือกด้วยเหรอคะ" พิชญ์ชาพรถามด้วยความสงสัย แต่เต็มไปด้วยความหวัง ถ้าเลือกได้นี่ จะถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่เลย คนอย่างอีนีพิชญ์มีสิทธิ์เลือกผู้ชายค่า เอ่อ...ถึงจะเป็นเจ้านายก็เถอะ ตอนนี้นับรวมไปหมดค่า
"เลือกไม่ได้อะ" จบกัน! คำตอบของกมลชนกดับฝันชะนีมาก
"ก็แค่ให้เลือกขำๆ ว่าถ้าเลือกได้จะเลือกคนไหน สรุปเลือกใคร"
"จริงๆ พิชญ์ก็ได้ทั้งสองคนนะ แต่ถ้าให้เลือก..." พิชญ์ชาพรหยุดคิดสักพัก ไม่นานก็เลือกได้ "พิชญ์เลือกคุณศรัณภัทรค่ะ ตรงสเปกแล้วก็น่าจะใจดีกว่า"
แต่ก็ได้แค่เลือกจริงๆ แหละ เคยได้ยินสุภาษิตนี้ไหม ‘กบเลือกนาย’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กบไม่มีสิทธิ์เลือกนายหรอก แต่นายต่างหากที่มีสิทธิ์เลือกกบ
และใช่! ตอนที่กมลชนกให้เธอเลือกนายแบบขำๆ ก็ขำจริงๆ นะ เพราะเธอก็ไม่ได้ทำงานกับเจ้านายที่ตัวเองเลือก แต่กลับได้คนที่ไม่ได้เลือก ซึ่งคนคนนั้นก็คือ...รองฯ คีรินภัทรนั่นเอง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คนที่เลือกก็ไม่เป็นไร เพราะคนที่ไม่ได้เลือกก็หล่อกร้าวใจไม่แพ้กัน เรื่องแบบนี้มันแทนกันได้น่า แค่เห็นหน้าเจ้านายในแต่ละวันก็คงจะมีกำลังใจในการทำงานไม่น้อยเลยล่ะ อิอิ
"ฝั่งนี้คือห้องทำงานของท่านรองฯ คีรินภัทร ส่วนฝั่งนี้คือห้องของท่านรองฯ ศรัณภัทร ส่วนนี่คือโต๊ะทำงานของน้องๆ ทั้งสอง" พนักงานฝ่ายบุคคลที่พาเลขาฯ สาวทั้งสองคนขึ้นมาส่งเอ่ยบอก แล้วอธิบายงานคร่าวๆ ว่าเลขาฯ ต้องทำอย่างไรบ้าง หน้าที่หลักๆ คืออะไร ก่อนจะบอกให้เลขาฯ สาวทั้งสองให้เข้าไปรายงานตัวกับเจ้านายตัวเองก่อนด้วย
พิชญ์ชาพรวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะหน้าห้อง สำรวจโต๊ะทำงานของตัวเองนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายตัวเอง เพื่อขออนุญาตเข้าไป
"เชิญครับ"
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไป หลังจากที่ได้ยินเจ้าของห้องอนุญาตให้เข้าไปได้ พร้อมกับคีรินภัทรที่เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะ" พิชญ์ชาพรเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าสวยที่สุดในโลก ก่อนจะแนะนำตัวกับเจ้านายคนใหม่ของตนอย่างเป็นทางการ "ดิฉันชื่อพิชญ์ชาพรนะคะ หรือจะเรียกพิชญ์เฉยๆ ก็ได้ค่ะ ดิฉันเป็นเลขาฯ ของคุณ"
"สวัสดีครับ" คีริณภัทรยิ้มตอบ แล้วแนะนำตัวเองกับเธอบ้าง "ผมคีรินภัทร ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ"
"ค่ะ มีอะไรแนะนำดิฉันได้เลยนะคะ"
"ครับ...เชิญคุณพิชญ์นั่งก่อน" ชายหนุ่มผายมือบอกให้เลขาฯ สาวนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขา พิชญ์ชาพรเดินเข้ามานั่งตามที่เขาบอกทันที จากนั้นเจ้านายของเธอก็เริ่มชวนเธอคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยทันที "คุณพิชญ์เป็นคนที่ไหนนะครับ"
"ดิฉันเป็นคนจังหวัด...ค่ะ แต่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วก็หางานทำที่นี่เลย"
คีรินภัทรพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถามต่อ "แล้วนี่พักที่ไหน มาทำงานยังไง"
"ดิฉันขับรถมา พักอยู่แถวๆ ลาดพร้าว"
"รถไม่ติดแย่เหรอ แถวนั้น"
"ก็คงติดค่ะ แต่เมื่อเช้านี้ดิฉันออกมาแต่เช้า ถนนก็เลยจะโล่งๆ หน่อย" จริงๆ เธอก็อยากถามเขากลับนะ แต่เขาเป็นเจ้านาย
ถ้าถามมันจะดูเป็นการละลาบละล้วงไหมนะ แต่คงไม่หรอก เขามีสิทธิ์ถามเรา เราก็ต้องมีสิทธิ์ถามเขาสิ งั้นถามเลยแล้วกัน "แล้วคุณคีรินภัทรล่ะคะ พักอยู่แถวไหนคะ"
"ผมเหรอ…" ก็ใช่น่ะสิ นั่งกันอยู่สองคนเนี่ย ไม่ถามคุณแล้วจะถามใครค้า "ผมอยู่บ้าน บ้านผมอยู่แถวเกษตรนวมินทร์"
"ก็ไกลอยู่นะคะ"
"ครับ ไกลระดับหนึ่ง ตอนมาทำงานผมก็ออกเช้าหน่อย ไม่งั้น
ก็คงสาย"
"เอ่อ...แล้วปกติคุณมาทำงานกี่โมงคะ เผื่อคุณมาเช้า ฉันจะได้กะเวลาถูก" ถ้าเจ้านายมาเช้า เราก็ต้องมาให้เช้ากว่าเจ้านายถูกมะ เป็นไงล่ะ ตำแหน่งเลขาฯ ดีเด่นแห่งปี ต้องยกให้อีพิชญ์แล้วล่ะ
"ผมมาถึงที่ทำงานก็ราวๆ แปดโมงกว่าๆ แต่คุณไม่ต้องมาก่อนผมก็ได้"
"ได้ไงล่ะคะ เห็นฝ่ายบุคคลแจ้งมาว่าดิฉันต้องเตรียมอาหารเช้าให้คุณด้วย" นี่แหละค่ะงานของเลขาฯ ขี้ข้าดีๆ นี่เอง
"ตอนเช้าผมรับแค่กาแฟอย่างเดียวก็พอครับ ส่วนมากตอนเช้าผมจะทานมาจากที่บ้าน แต่ถ้าวันไหนผมจะมาทานที่นี่ผมจะแจ้งคุณก่อน"
"อ๋อ ได้ค่ะ" ต้องแบบนี้สิคะ เจ้านายมาโปรดของอีพิชญ์ "แล้วจะรับเป็นกาแฟแบบไหนคะ"
"กาแฟดำครับ" คีรินภัทรตอบ พร้อมกับเลื่อนสมุดจดบันทึกไปให้เลขาฯ สาว "ผมจดทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวผม และสิ่งที่คุณต้องทำลงไปในนี้แล้วครับ ลองเอาไปอ่านคร่าวๆ ดูก่อน"
"ค่ะ" พิชญ์ชาพรรับสมุดบันทึกเล่มนั้นมา
"วันนี้คงไม่มีอะไรมาก แต่ถ้ามีอะไรแล้วผมจะเรียก ตอนนี้เชิญคุณพิชญ์ตามสบายเลยหรือจะเดินชมบริษัทก่อนก็ได้นะครับ" คีรินภัทรว่าขึ้นอย่างใจดี พร้อมกับส่งยิ้มให้เลขาฯ สาว
เนี่ย! เจ้านายมาโปรดของแท้เลย ทั้งหล่อกร้าวใจ แล้วก็ทั้งใจดีอีกต่างหาก เอ่อ...ถ้าไม่หลอกให้ตายใจ แล้วใช้เยี่ยงทาสทีหลังอะนะ