ผมไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งยัยเด็กนี่นะครับมันคงเป็นเพราะผมชินกับการเดินของผม ปกติไม่มีคนงานคนไหนมาอยู่ใกล้ขนาดนี้ ผมเองก็ไม่เคยสอนงานใครจะมีคนจัดการเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ผมแค่ต้องดูแลภาพรวมของมันแต่ว่าผมทำเป็นทุกขั้นตอนเพราะกว่าจะได้แบบทุกวันนี้ผมลงแรงไปไม่น้อย ใครที่เพิ่งมาเห็นไร่ของผมวันนี้คงไม่คิดว่ามันใช้เวลาถึง 8 ปีเต็ม นั่นก็เป็นอีกสาเหตุที่ผมแทบไม่ได้เจอใครเลยรวมทั้งเพื่อนด้วย
"..."
"ลุกไหวไหมเรา"
"ไหวค่ะ...นายหัว"
ยัยนี่ปากก็ว่าไหวสุดท้ายก็ไม่แต่ผมลองจับข้อมือข้อเท้าเลยไม่หัก ข้อเท้าน่าจะพลิกตอนลื่นลงไป แถวนี้ก็ไม่มีคนงานที่ตัวใหญ่พอจะพยุงยัยนี่ได้ผมเลยตัดสินใจแบกเธอกลับไปที่รถเอง แต่ก็ยังไม่วายจะมาเรื่องมากใส่ผมอีก
"จับดี ๆ"
"ไม่ ๆ ต้องนายหัวทำแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะนะคะ"
"ระหว่างฉันแบกกับคนงานในไร่มาแบกเธอเลือกเอา"
"...."
เธอคงนึกเรื่องที่ผมขู่เธอไว้เอาจริง ๆ คนที่นี่ก็ไม่มีใครกลัดมันขนาดนั้นหรอกครับมีเมียกันหมดแล้ว ที่ขู่เพราะไม่อยากให้ไปไหนคนเดียวเป็นผู้หญิงจากต่างถิ่นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาคงแย่ขู่กันไว้ก่อนดีที่สุด ตอนที่เธอปีนขึ้นหลังผมทำให้ผมรู้สึกว่าคิดถูกหรือคิดผิดก็ไม่รู้ที่เสนอตัวเองให้เธอปีนขึ้นหลัง เพราะผมเห็นว่าน่าจะง่ายสุดที่จะพาเธอเดินกลับ ใครจะคิดว่ายัยเด็กนี่ตัวจะนิ่มและหอมขนาดนี้ ข้อมือก็เล็กนิดเดียวเองแถมไอ้นั่นก็นิ่มทิ่มหลังผมตลอดทางเดิน ผมไม่ได้จะเอาเปรียบเธอนะครับ นี่ขนาดผมใส่เสื้อ 2 ชั้นมันยังรู้สึกได้ พอถึงรถผมเลยรีบปล่อยเธอลงทันที
"เดี๋ยวไปออฟฟิศกันก่อนถ้าเจ็บมากค่อยไปโรงพยาบาล"
"นายหัว..."
"อะไรอีก"
"ฉันขอโทษนะคะ"
เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ มือสองข้างบีบกันแน่นจนผมเองก็ไม่รู้จะตอบกลับไปว่าอะไร เลยเลือกจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาที่ออฟฟิศแล้วพยุงเธอเดินเข้าด้านใน ให้พนักงานผู้หญิงมาช่วยกันหาอะไรมาประคบแล้วก็จัดการให้กินยาแก้ปวดดักไว้ก่อน แล้วก็ให้พาเธอเดินกลับขึ้นบ้านเธอไป
"ไปแกล้งน้องเขาท่าไหนเลยเป็นแบบนี้"
"เธอลื่นเองฉันยังไม่ได้ทำอะไร"
"งั้นก็ให้พักสักวันดูอาการก่อน"
"เออ"
ฉันที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่ปลายเตียงมองเท้าที่เจ็บและเริ่มบวมเล็กน้อย แค่ฝึกงานวันแรกฉันก็สร้างเรื่องให้ตัวเองแล้ว หลังจากอาบน้ำล้างตัวจนสะอาดก็พอเริ่มคิดถึงปู่กับย่าเพราะวันนี้ทั้งวันฉันยังไม่ได้ส่งข้อความหาท่านเลย พอมองเวลาจากนาฬิกาเรือนเล็กที่ติดผนังไว้ก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้วก็เลยตัดสินใจวิดีโอคอลหาปู่กับย่าแทนที่จะส่งข้อความหา
"ไงเจ้าบุหลันของย่า"
"ปู่ย่ากินข้าวยังจ๊ะ"
"แล้ว...หนูล่ะกินรึยังไปอยู่ที่นั่นมีใครไม่ชอบเราไหม"
"เดี๋ยวจะกินจ้ะส่วนคนที่ไม่ชอบตอนนี้ยังไม่มีนะจ๊ะ"
"ดีแล้วกินง่ายอยู่ง่ายไว้นะบุหลันจะได้มีแต่คนเอ็นดู"
"จ๊ะย่า..."
พอย่าวางสายไปเพราะจะไปดูปู่ที่ครัวเพราะหายไปนานฉันก็นึกได้ว่าฉันลืมเรื่องมื้อเย็น เมื่อวานมีคนงานห่อข้าวมาให้เพราะฉันมาวันแรกแต่วันนี้คงไม่มี ฉันก็ไม่รู้ว่าจะออกไปซื้อที่ไหนด้วย คิดได้แบบนั้นเลยคิดว่าไม่ออกไปไหนดีกว่านอน ๆ ไปเดี๋ยวก็เช้า จนเสียงเคาะประตูดังขึ้นฉันก็ขานรับก่อนจะค่อย ๆ เดินไปเปิดประตู เป็นคนที่ฉันนึกไม่ถึงมายืนเต็มความสูงอยู่ที่หน้าฉัน
"นายหัว"
"ข้าว"
"ขอบคุณค่ะ"
"จะยืนซื่อบื้ออีกนานไหมเดี๋ยวยุงเข้าห้อง"
"ห๊ะ"
เขาเอานิ้วดันไหล่ฉันให้ถอยหลังเข้าห้องเบา ๆ แล้วเบี่ยงตัวเขาเองเข้ามาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเอาปิ่นโตไปวางที่โต๊ะเล็กข้างหน้าต่างที่มีเก้าอี้อยู่ 2 ตัว ฉันยังยืนนิ่งอยู่เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ เขานั่งลงเปิดปิ่นโตเอาออกจากเถายาวมาวางเรียงกัน แถมยังมีกระติกน้ำใบใหญ่มาด้วย
"ปิดประตูแล้วมานั่ง"
"..."
"กินข้าวแล้วจะได้นอนพักพรุ่งนี้หยุดไม่ต้องลงไปทำงานเดี๋ยวให้คนเอาข้าวมาให้"
"นายหัวไม่กลับหรือคะ"
"ฉันยังไม่ได้กินข้าว"
เขาเอาช้อนตักกับข้าวใส่ปิ่นโตที่มีข้าวตรงหน้าแล้วก็ตักเข้าปาก มองเขาทำแบบนั้นอยู่ 2-3 คำ เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อเอาช้อนตักอาหารบ้างแล้วก็กินข้าวตามเขาแบบเงียบ ๆ กับข้าวก็ง่าย ๆ มีแค่ไข่เจียวกับผัดผักใส่กุ้ง เหมือนจงใจทำมาให้แค่ 2 คนกินเท่านั้น พอกินเสร็จเขาเป็นคนเก็บของทุกอย่างกลับทิ้งไว้แค่กระติกน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งไว้ให้ฉัน
"ขอบคุณนะคะ"
"ต่อไปถ้ามีคนมาเคาะประตูห้ามเปิด...ให้ถามก่อนว่าใครเข้าใจไหม"
"แล้วถ้ารู้ว่าเป็นใครก็เปิดได้หรือคะ"
"โอ๊ะ....ยัยบื่อห้ามเปิดไง"
"อ๋อ"
"ถ้าเป็นฉันค่อยเปิด"
"ห๊ะ"
"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกไม่ต้องห่วงแค่อาจจะแวะมาดูเดี๋ยวอาจารย์เธอจะมาว่าฉันหาว่าไม่ดูแล"
"อ๋อ"