“อาจจะธรรมดาสำหรับมึง แต่สำหรับน้องไจ๋ล่ะ มึงคิดในมุมเขาบ้างหรือเปล่า” พาริยะสวนไปเรียบๆ เหนื่อยใจกับความคิดของคนที่สูงไล่เลี่ยกัน คนเราอยู่ด้วยกันก็ควรใส่ใจคนรอบข้างด้วย ทว่าท่าทีของดลวัฒน์กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลง เสมือนว่าคำพูดที่ผ่านมานั้นไม่สามารถเล่นงานจิตสำนึกของเพื่อนตัวดีได้
“กี่ปีแล้ว ที่มึงลืมวันเกิดเขา”
ก็ปีที่แล้ว ก็ไม่ต่างกันหรอก เพื่อนดันเสือกเลือกรับคิวผ่าตัดในวันเกิดเมียตัวเอง
แถมยังสลบเมือกไปข้ามวันจนสุดท้ายก็ไม่ไดฉลองวันเกิดด้วยกัน
“กูต้องจำวันเกิดของทุกคนรอบตัวกูได้หรือไง” ดลวัฒน์ถามกลับเสียงเข้ม นัยน์ตาฉายแววหงุดหงิด สาเหตุที่เขาหนีมายืนบนดาดฟ้าก็เพราะเบื่อสายตาตำหนิติเตียนของไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ ทว่าพาริยะก็ยังตามมาก่อกวนอารมณ์ไม่เลิก
“แต่นั่นเมียมึงไหมดล” พาริยะพอจะเข้าใจในความโกรธของเพื่อน แต่ผ่านมาถึงสามปีควรจะให้อภัยได้แล้ว ทั้งสองแต่งงานใช้ชีวิตคู่มากันถึงขนาดนี้ จะโกรธกันไปเพื่ออะไร
ดลวัฒน์เถียงเพื่อนไม่ออก
“จะโกรธจะเหี้ยอะไรก็เอาแต่พอดี ไหนๆ มึงก็ยังไม่ได้ตัดสินใจจะหย่าตอนนี้ ก็ช่วยทำดีกับน้องไจ๋บ้างเถอะว่ะ” พาริยะกล่าวเชิงขอร้อง ด้วยนึกสงสารสิรินดา
“สงสารมากทีหลังก็มาแต่งแทนกูสิ”
“เหอะ ทำปากดีไป มึงรู้ดีว่าใครอยากแต่งแทนมึง บอกเลยถ้าย้อนไปได้ กูจะให้น้องไจ๋เลือกพี่ชายมึงแทน” พาริยะพูดแทงใจดำ “หรือจะให้กูยุตอนนี้เลย”
คนฟังกำมือแน่นจนได้ยินเสียงดังกร๊อบ พลางมองมาด้วยสายตาโกรธสุดขีด ทว่าพาริยะกลับยักไหล่ไม่แยแส แล้วเดินไวๆ ไปจากตรงนี้ บางครั้งได้ตอกกลับจนเพื่อนจนมุมบ้างก็ทำให้เขารู้สึกดีได้เหมือนกัน
“ไปอบรมมันมา?” ไตรฉัตรถามทันทีที่พาริยะกลับมาประจำที่ พวกเขาสี่คนเวลาใครมีปัญหาหรือมีใครเดินออกนอกลู่นอกทางชนิดที่มีแต่ผลเสีย ก็มักจะเป็นพาริยะที่มีสติก่อนใครและคอยเตือนเพื่อนๆ
เขาเองก็เคยไม่อยากมารับช่วงต่อกิจการที่บ้าน เพราะชอบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากกว่า จนเอาแต่หนีลูกเดียว ทว่าพาริยะก็พูดจนเขาคิดได้ ถ้าไม่ชอบจุดไหนก็แค่ปรับจุดนั้น ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แก้ไขมันไปทีละเล็กละน้อย ให้มันออกมาในแบบฉบับที่เขาอยากให้เป็น
ที่สำคัญมันคือธุรกิจที่ส่งเสียให้เขาเรียนจนจบและกลายมาเป็นเสี่ยไตรเหมือนทุกวันนี้
พาริยะพยักหน้าตอบก่อนจะยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มดับกระหาย
“แล้วมันคิดได้ไหม”
“มึงคิดว่าไง” พาริยะถามคืน
ไตรฉัตรเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “หัวมันยังแข็งไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ” สีหน้าของคนที่ตนสนทนาด้วยบ่งบอกว่าภารกิจไม่ได้ลุล่วงไปด้วยดี และมันก็ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้สักเท่าไร
เมื่อได้รับการยืนยัน ไตรฉัตรก็ส่ายศีรษะสองสามที ดลวัฒน์นี้คือตัวตึงเรื่องความหัวแข็งของกลุ่มจริงๆ รักษามาตรฐานเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ก่อนจะพูดออกมา “โคตรตายยากเลยว่ะ มาโน่นละ”
ดลวัฒน์เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะรินบรั่นดีลงแก้วแล้วกระดกไปในรวดเดียว
ไตรฉัตรและพาริยะมองหน้ากันก่อนเบะปากใส่ ดูก็รู้ว่ามันกำลังหงุดหงิดแค่ไหน แต่แล้วอย่างไร พวกเขาไม่แคร์ ดลวัฒน์รับรู้ได้ถึงสายตาที่เพื่อนทั้งสองมองมา แต่กลับทำเป็นไม่สนใจและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแทน ทว่ายี่สิบนาทีผ่านไปก็ทนแรงกดดันไม่ไหวจนต้องเอ่ยถาม
“พวกมึงจะเอายังไงกับกูกันแน่”
“มึงคิดไม่ได้เหรอดล”
“...”
“มึงเรียนจบหมอมาไม่ใช่หรือ” ไตรฉัตรยิ้มมุมปากที่บิดโค้งราวปีศาจ
ดลวัฒน์หน้าชา หลังแปลความหมายแอบแฝงนั้นได้ ทว่าเขาแค่ไม่อยากยอมรับมันมากกว่า
“เมียกูคือลมหายใจของพวกมึงหรือไง”
“พวกกูแค่ไม่อยากให้มึงมาเสียใจภายหลัง” ไตรฉัตรบอกเสียงอ่อนลงเล็กน้อย หากมันกลับใจเสียยามนี้ แล้วใส่ใจคนข้างกายที่ทุ่มเทให้มันเสมอมา ทุกอย่างจะดีขึ้น
ที่สำคัญมันจะเก็บความโกรธไว้กับใจทำไม คนเราย่อมทำผิดกันได้ แต่หากสำนึกได้และไม่ทำซ้ำอีก มันก็ควรค่าแก่การเริ่มต้นกันใหม่
ไตรฉัตรยกมือแกร่งขึ้นมากอดอกกดดัน และดูเหมือนว่าคนพ่ายแพ้จะเป็นดลวัฒน์อีกเช่นเคย ชายหนุ่มขยับลุกหมายจะหนี
ตอนนี้แม้ในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำแค่ไหน แต่สำหรับเจ้าของร่างกำยำแล้วเหมือนมันจะไม่สามารถดับอารมณ์ในใจได้ ส่วนหนึ่งมาจากหัวใจที่กำลังเริ่มเรรวน
“กูหวังว่ามึงจะมีจิตสำนึกและคิดได้นะ” พาริยะเอ่ยย้ำ
ดลวัฒน์ไม่หยุดฟังและเดินกระแทกส้นเท้าไปไกล ปล่อยให้สองเพื่อนซี้มองตามจนลับสายตา ก่อนจะหันมามองหน้ากัน แล้วพรูลมหายใจออกจากจมูกโด่งที่รับกับใบหน้าพร้อมกัน
ทิฐิของเพื่อนคนนี้คงสูงยิ่งกว่าตึกใบหยกอีกกระมัง
บทที่ 4
หากถามว่าดลวัฒน์มีจิตสำนึกหรือไม่ เขาย่อมต้องมีอยู่แล้ว ดลวัฒน์ไม่ใช่พวกตายด้านที่จะไม่รู้สึกอะไร ทว่าทิฐิที่มีนั้นมันสูงตระหง่านเกินจะข้ามไปได้ง่ายๆ
ความคิดของชายหนุ่มตีวนกันไปหมดจนชวนหงุดหงิด เพราะถ้อยคำที่ย้ำซ้ำๆ ของเพื่อนดังพอจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจ ร่างสูงกลับมาโรงแรมแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พยายามสลัดเรื่องวุ่นวายออกไปจากความรู้สึก แต่ผ่านไปนับสิบนาทีก็ยังทำไม่ได้
แถมเมื่อมองไปที่ตู้เสื้อผ้า ก็ยิ่งตอกย้ำ เพราะเสื้อผ้าที่ตนนำมาทั้งหมดล้วนถูกจัดสรรมาอย่างดีจากสิรินดา
ไม่มีครั้งไหนที่เขามาสัมมนาหรือออกต่างจังหวัดเพื่อไปสนับสนุนโครงการของโรงพยาบาลแล้วขาดเหลืออะไร เจ้าหล่อนล้วนจัดเตรียมของจำเป็นไว้ให้ทั้งหมด ทั้งที่เขาก็ไม่เคยพาเธอไปด้วยสักครั้ง
คำว่าความใส่ใจและให้ความสำคัญกระดอนมากระแทกอกของดลวัฒน์อย่างแรง