“ก็กูสงสารน้องไจ๋ ไม่อยากให้มึงทำผิด” เพื่อนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เขาไม่อยากให้สถาบันครอบครัวต้องสั่นคลอน “แล้วพวกกูก็ขี้เกียจเสียเวลาทำบุญไปให้ แล้วมึงเองก็จะได้ไม่ต้องตกนรก ไปปีนต้นงิ้ว”
พาริยะชอบใจ แอบเหยียดปากแล้วเสริมต่อ “มึงคงลืมไปไอ้เสี่ย ปกติไอ้ดลมันก็ทำให้น้องไจ๋เสียใจอยู่แล้ว ทำบุญสิบวัดมันก็ไม่มีทางได้ขึ้นสวรรค์หรอก”
ดลวัฒน์แทบจะกลอกตาเป็นเลขแปดกับความเข้ากันของเพื่อนคู่นี้ แต่ทั้งสองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชอบจิกกัดเขาเป็นที่สุด ขาดเพื่อนตัวดีอีกคนที่ไม่ได้มาร่วมฉลองด้วย เพราะบินไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ
ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถูกรุมมากกว่านี้
“เข้าข้างเมียกูดีจังนะพวกมึงเนี่ย” ดลวัฒน์หางคิ้วกระตุกยิกๆ เวลามาเจอหน้ากันทีไร ไตรฉัตรและภูมิพัฒน์ก็มักจะถามถึงแต่สิรินดา
ทั้งพาริยะและไตรฉัตรต่างยักไหล่ ก่อนไตรฉัตรจะพูดออกมา “คนดีย่อมมีคนห่วงมากเป็นธรรมดา”
ในสายตาพวกเขา ถึงแม้สิรินดาจะดูหัวอ่อนไปบ้าง แต่ก็เป็นคนดีแถมนิสัยยังน่ารักมากทีเดียว ทำให้พวกเขารู้สึกละอายหากจะชวนเพื่อนเถลไถล
“แล้ววันนี้วันเกิดน้องไม่ใช่เหรอ” ไตรฉัตรนึกขึ้นได้ เพราะช่วงกลางวันตนเพิ่งเข้าไปอวยพรวันเกิดของสิรินดาผ่านไอจีมา
ไม่กี่เสี้ยววินาทีคิ้วของไตรฉัตรก็ต้องเลิกสูงขึ้นข้างหนึ่ง
“ทำไมมึงทำหน้าตาเหมือนไม่รู้แบบนั้น” ไตรฉัตรมองอย่างพิจารณา ก่อนความคิดบางอย่างจะเริ่มแตกยอดในสมอง “อย่าบอกนะว่ามึงจำไม่ได้”
ดลวัฒน์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมจิ้มเข้าไปในโลกโซเชียล ไม่กี่วินาทีเท่านั้นก็ต้องใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ
“เหี้ย! มึงเป็นผัวประสาอะไรวะ” ไตรฉัตรก่นด่าพร้อมกับมองด้วยสายตาติเตียน
ดลวัฒน์ไม่พูดอะไรตอบโต้
“ก็มันไม่แคร์เขาไง แล้วคนที่มันแคร์ก็กำลังจะมา...” พาริยะพูดแทนด้วยน้ำเสียงแฝงความจริงจัง
ประโยคนี้ทำให้เจ้าของกิจการอาบอบนวดดวงตาขยายกว้าง “ปรางกำลังจะกลับมาเหรอวะ” ต่อให้ไม่เอ่ยชื่อก็รู้ดีว่าใคร เพราะมีเพียงคนเดียวที่ดลวัฒน์เคยให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
ดนนภา หรือปราง เด็กหัวกะทิของรุ่น ไม่ว่าเรื่องเรียนหรือกิจกรรมก็สามารถทำได้ดีไปพร้อมๆ กัน สมัยนั้นเพื่อนๆ ต่างเชียร์ให้ดนนภาและดลวัฒน์เป็นแฟนกัน เพราะทั้งสองมีหลายอย่างที่เหมาะสมกัน ดลวัฒน์เองก็ปลื้มดนนภาเป็นอย่างมาก ทว่าอยู่มาวันหนึ่งหญิงสาวกลับลาออกแล้วไปเรียนต่อต่างประเทศแทน
“ถามจริงเถอะว่ะไอ้ดล ป่านนี้มึงยังลืมรักแรกไม่ได้อีกเหรอ” ไตรฉัตรถาม สีหน้าของทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้เต็มไปด้วยความอยากรู้ ต่างหันมาเพื่อฟังคำตอบ
ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบเท่านั้น ไตรฉัตรจึงเปลี่ยนเรื่องคุยหลังจากผ่านไปสักครู่ เพราะเห็นสายตาหลายคู่จ้องมองมา เขาไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่สะพัดกันไปแบบผิดๆ เพราะคงไม่ดีต่อชีวิตครอบครัวของเพื่อนแน่ และไม่อยากให้งานกร่อย
พอนั่งดื่มกันไปได้สักระยะ ดลวัฒน์ก็ปลีกตัวออกมาบริเวณดาดฟ้าของตึก ในมือถือแก้วออนเดอะร็อกมาด้วย สายตาของนายแพทย์หนุ่มมองขึ้นไปยังท้องฟ้าอันมืดมิด ก่อนละสายตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงจุดไฟแช็ก
แชะ!
เพื่อนสนิทหมายเลขหนึ่งอย่างพาริยะคาบบุหรี่ไว้ในปาก ก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมาเป็นทางยาว เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเกิดอยากรู้อยากลองมากไปหน่อย จนทำให้เสพติดมันไปแล้ว เมื่อเห็นว่าดลวัฒน์มองมาที่ตนก็ยื่นซองบุหรี่ให้อีกฝ่าย
“กูไม่สูบแล้ว มึงจำไม่ได้แล้ว?”
พาริยะยืนสูบบุหรี่เงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรเกือบห้านาที ก่อนโยนบุหรี่ลงพื้นและใช้เท้าบี้มันจนดับ จากนั้นหันกลับไปนั่งหมิ่นเหม่ที่ขอบระเบียง
“ถ้ามึงกลับตอนนี้ก็ยังทันนะดล”
เวลานี้เพิ่งจะสองทุ่มเท่านั้น จากชะอำไปกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงนิดๆ แถมอีกฝ่ายเป็นคนตีนผีอยู่แล้ว หากกลับไปตั้งแต่ตอนนี้อย่างไรก็ทันไปอยู่กับภรรยาตัวเองในคืนวันเกิดอย่างแน่นอน
“น้องไจ๋คงรอมึงอยู่”
“มันก็แค่วันธรรมดาปะ กูต้องให้ความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง”