“งั้นมึงก็หย่าเถอะ กูบอกตรงๆ กูสงสารน้องไจ๋ เขารักมึงมาก และพยายามแก้ไขทุกอย่าง แต่มึงก็เสือกไม่รักเขาเลย” ไม่ใช่ว่าเขาสนับสนุนให้สถาบันครอบครัวแตกแยก แต่ยื้อไปมันก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์ ในเมื่อเพื่อนของเขาไม่เคยจะเปิดโอกาสให้สิรินดาได้เข้ามาในหัวใจ และยังเอาแต่ผลักไส
“ยังไม่ใช่ตอนนี้”
พาริยะฉงนใจจนคิ้วดกดำที่อยู่เหนือดวงตาทรงเสน่ห์เลิกขึ้น “มึงหมายความว่ายังไง ถ้ามึงไม่รักน้องเขา มึงก็ควรหย่าเสียแต่วันนี้ มึงยังจะรออะไรอีก” แค่นี้เธอก็ถลำลึกไปมากแล้ว ที่จริงดลวัฒน์ควรหาทางหย่าเสียเนิ่นนานแล้ว ไม่ใช่ปล่อยเวลามาเกือบสามปีขนาดนี้ นานจนคนที่แอบรักเขามาตั้งแต่มัธยมปลายถอนตัวไม่ขึ้น
“...”
“มึงรู้ไหมว่าการเงียบมันยิ่งโคตรน่าสงสัย”
นัยน์ตาของดลวัฒน์มีประกายบางอย่าง ชวนให้คุณหมออีกคนถึงกับหรี่ตามองพลางขบคิดหาสาเหตุ
“มึงบอกกูมา มึงมีเหตุผลอะไรซ่อนไว้กันแน่” พาริยะสังหรณ์ใจว่าเพื่อนของตนมีแผนการบางอย่าง แล้วคงไม่ใช่แผนที่ดีด้วย ดูจากสายตาเจ้าเล่ห์ไม่น่าไว้วางใจ
คนถูกจับทางได้ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดปาก
“ไอ้ดล”
“...”
“อย่าบอกนะว่ามึงจะเอาคืนน้องไจ๋ ทำให้เขารักมึงมากๆ แล้วทิ้งเขา” พาริยะพูดในสิ่งที่ตนกังวลออกมา เพราะยิ่งนาน ใจก็ยิ่งผูกพัน
แต่ถึงจะกดดันอย่างไร คุณหมอกระดูกก็รู้ดีว่า...คนอย่างดลวัฒน์ไม่มีวันปริปากยอมรับแน่ เขาจึงถอนหายใจ ก่อนจะทิ้งถ้อยคำเตือนสติ
“กูขอละ จะทำอะไรก็ช่วยมีความเป็นคนด้วย” เพียงเท่านี้นับว่าใจร้ายกับสิรินดามากแล้ว ขืนเพื่อนเขายังคิดจะทำตัวร้ายกาจไปมากกว่านี้ ก็คงเป็นสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่งแล้ว
เสียงรถที่แล่นเข้ามาในรั้วบ้านทำให้คนที่ยังไม่ได้นอนผุดลุกขึ้นมาจากโซฟาที่อยู่หน้าจอทีวีบางเฉียบ เมื่อคนที่เธอเฝ้ารอกลับมาแล้ว เพียงแต่ว่ามีใครอีกคนกลับมาด้วย
“พี่พร้อม”
“ไอ้ดลมันเมาครับ” พาริยะเอ่ยขณะพยุงร่างเพื่อนที่เมาอ้อแอ้จนแทบไม่ได้สติลงจากรถ ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าเวลานี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
“ไจ๋ช่วยค่ะ” หญิงสาวอาสา พร้อมเข้าไปช่วยประคองคนเมาที่มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งและพาขึ้นไปยังห้องนอนด้วยความทุลักทุเล
“ขอบคุณนะคะที่พาพี่ดลมาส่ง”
“น้องไจ๋รับมือไหวนะครับ” พาริยะถาม เพราะรู้ดีว่าขนาดตอนมีสติดียังรับมือได้ยาก ในตอนไม่มีสติแบบนี้เขาไม่อยากคิดว่าจะยากขนาดไหน
เมื่อเห็นหญิงสาวผงกศีรษะเป็นการยืนยัน คุณหมอกระดูกก็วางใจและเตรียมจะก้าวถอยออกไป สายตามองไปยังเพื่อนตัวดีที่กำลังนอนหลับอยู่ พลันส่ายหัวด้วยความระอา นึกคาดโทษในใจว่า สักวัน ‘มึงจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า’ เพราะคงไม่สามารถหาผู้หญิงแบบสิรินดาได้อีกแล้ว ใครมันจะทนผู้ชายบ้างานแถมยังปากร้ายแบบดลวัฒน์ได้
หลังจากที่ภายในห้องเหลือเพียงสองคน สิรินดาก็ขยับไปใกล้เตียงแล้วเริ่มถอดเสื้อของดลวัฒน์ออก เพื่อจะได้ทำความสะอาดเนื้อตัวให้เขา เหลือไว้เพียงกางเกงขายาวที่ไม่ได้แตะต้อง
“อือ ไอ้พร้อม” คนเมาลืมตาขึ้นมองหลังสัมผัสได้ถึงความเย็นบนตัว เมื่อพบว่าคนที่กำลังยุ่มย่ามกับตนเป็นใครก็รวบตัวของสิรินดาเข้าไปกอดทันที
“พี่ดลปล่อยไจ๋ก่อนคะ ไจ๋จะเช็ดตัวให้”
ดลวัฒน์ไม่ได้ทำตามคำขอของหญิงสาว กลับพลิกตัวร่างบางให้ลงมาอยู่ใต้ร่างตน แล้วเคลื่อนใบหน้าไปแนบชิดคลอเคลีย
“พี่ดล” หญิงสาวใช้มือดันอกแกร่ง ก่อนสองมือนั้นจะถูกรวบขึ้น
“พี่อยากทำอย่างอื่นครับ” ชายหนุ่มบอกจุดประสงค์แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา “อยากให้พี่รักไหม ถ้าอยาก เธอก็ควรเชื่อฟังพี่”
สิรินดานิ่งเงียบไปก่อนจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตา เพราะเธอยังไม่เคยสัมผัสถึงความรักที่เขาเอ่ยปากออกมา
“แล้วพี่ดลรักไจ๋บ้างหรือยัง” นอกจากเซ็กซ์ที่เขาต้องการจากเธอ เขายังต้องการความรักด้วยไหม
คราวนี้ชายหนุ่มกลับเงียบไป
“ไม่เคยเลยหรือคะ” เธอไม่ใช่พวกไม่ยอมรับความจริง แต่ก็เป็นพวกมีความพยายามสูงด้วย จึงอยากรู้ว่าที่ผ่านมาเขาเคยคิดจะรักเธอสักครั้งไหม
“ไว้เดี๋ยวเธอก็รู้เอง”