หญิงสาวยอมเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอน เพราะไม่อยากจะมีเรื่องให้ขุ่นเคืองใจกันเพิ่ม
กระนั้นสิรินดาก็ยังคงลืมตาในความมืด หัวสมองครุ่นคิดที่จะหาทางแก้ไข ขณะเดียวกันดลวัฒน์ที่หลับตาลงไปแล้ว
อยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจอย่างหงุดหงิด
เพราะคำพูดของไอ้พวกเพื่อนตัวดีลอยมาในหัวไม่หยุด
ไหนจะสีหน้าที่ต่อว่าอีก จนสุดท้ายดลวัฒน์ก็ขยับตัวลุกขึ้น ก่อนจะปล่อยวาจาหนึ่ง
“ของขวัญวันเกิดเธอ อยู่ที่ลิ้นชักหัวเตียง”
สิรินดาที่ได้ฟังก็ถามด้วยความประหลาดใจ “พี่ดลจำวันเกิดไจ๋ได้ด้วยหรือคะ” หัวใจเริ่มฟูฟ่อง แต่คำตอบที่ได้รับมาก็ทำให้ร่างระหงชาหนึบในทันที
“เปล่า ไอ้พวกนั้นมันเตือนพี่” คนถูกถามเอ่ยไปตามจริง ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคนข้างกายเลยสักนิด “เธอก็รู้ว่าพี่จำเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้ ขอโทษด้วยแล้วกัน"
สิรินดาชะงัก ก่อนจะยิ้มเศร้า ซึ่งเธอทราบดีว่าพวกนั้นที่ดลวัฒน์หมายถึงคือใคร คงไม่พ้นพาริยะ ไตรฉัตร และภูมิพัฒน์ กลุ่มเพื่อนสนิทของเขา
“ยังไงก็ขอบคุณนะคะพี่ดล” น้ำเสียงของคนที่ได้รับของขวัญไม่มีความดีใจอยู่เลยสักนิด คงเพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี สามีก็ลืมวันเกิดเธอเสมอต้นเสมอปลาย
ในช่วงบ่าย ดลวัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องอาหารของทางโรงพยาบาลที่มีคนเข้ามาใช้บริการบางตา ก่อนจะสั่งข้าวราดแกงง่ายๆ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ทว่ายังไม่ได้ตักข้าวเข้าปากก็มีคนเลื่อนเก้าอี้อีกตัวมานั่งด้วย
“หมายความว่ายังไง” คนถามโชว์หน้าจอโทรศัพท์มือถือให้คนตรงหน้าดู
ชายหนุ่มเหลือบมองภาพนั้นแล้วเอ่ยบอกไปอย่างไม่ใส่ใจ “มึงบอกให้กูทำดี กูก็ทำให้ตามมึงขอ จะมาบ่นเหี้ยอะไรอีก”
“ทำดี ด้วยการบอกเขาว่าคนที่จำได้คือพวกกู?”
สิรินดาโพสต์รูปว่าได้ของขวัญก็จริง แต่คนที่หญิงสาวขอบคุณ มันไม่ได้มีแค่ไอ้เพื่อนตัวดีของเขา มันมีรายชื่อของพวกเขาอยู่ด้วย
ซึ่งมันตีความได้อยู่ทางเดียว
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบโกหก” ก็เขาจำไม่ได้จริงๆ จะให้ไปโกหกว่าจำได้ไปเพื่ออะไรกัน
“ไม่อยากโกหก?”
“อืม”
“คนเหี้ยอย่างมึง โกหกอีกสักครั้งก็ไม่เป็นห่าอะไรหรอก เพราะยังไงมึงก็ตกนรกอยู่แล้ว” พาริยะว่า เพื่อนเขาทำตัวร้ายกาจกับสิรินดาไว้ขนาดนี้ คงจะได้ขึ้นสวรรค์หรอก
“ถามจริงเถอะว่ะ มึงจะใส่ใจน้องไจ๋บ้าง มันจะตายหรือไง เมื่อก่อนกูก็ไม่เห็นว่ามึงจะใจดำขนาดนี้” เขาละอยากจะแหวกอกเพื่อนออกมาดูว่าหัวใจของมันทำด้วยอะไร
จำได้ว่าตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกันดลวัฒน์ก็คอยดูแลหญิงสาวอย่างดี ด้วยทั้งสองครอบครัวรู้จักกันมาเป็นสิบปี ถึงแม้ว่าดลวัฒน์จะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดเรื่องความรู้สึก แต่เมื่อก่อนเพื่อนก็ยังแสดงออกด้านความรู้สึกด้วยการกระทำหลายๆ อย่างมากกว่านี้
ดลวัฒน์ตักข้าวเข้าปากต่อ ไม่สนใจคำพูด
แต่สักพักชายหนุ่มก็เริ่มหน้าบึ้งที่ความเงียบไม่ได้ผล แทนที่เพื่อนจะสงบปากสงบคำกลับยังจ้อไม่หยุด ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายหันไปให้ความสำคัญกับใครอีกคน
“อ้าวเฮีย สวัสดีครับ” พาริยะยกมือขึ้นไหว้คนที่เป็นทั้งรุ่นพี่และญาติ อีกทั้งยังเคยเป็นอาจารย์ติวหนังสือให้กับตนเอง
คนถูกทักพยักหน้ารับคำแล้วหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดมาของโต๊ะตัวข้างๆ ก่อนจะหยิบกล่องอาหารที่ไปอุ่นร้อนมาแล้วออกจากกระเป๋าผ้า
“อาซ้อทำให้ทุกวันเลยหรือครับเฮีย” พาริยะชวนคุณหมอสูตินรีแพทย์สุดฮอตของโรงพยาบาลคุย แม้อีกฝ่ายจะแต่งงานจนมีลูกชายแล้วถึงสามคน แต่ความฮอตของพีรวิชญ์ก็ไม่ได้ลดลงเลย ยังมีนางพยาบาลหน้าใหม่คอยส่งยิ้มให้ไม่ขาด
“อืม” พีรวิชญ์ขานรับสั้นๆ แล้วเหล่มองเพื่อนร่วมโต๊ะของญาติตน คิดว่าพอรู้ถึงสาเหตุของการตั้งคำถามมากมาย คงไม่พ้นเรื่องของดลวัฒน์กับภรรยา ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องหลานเจ้าของโรงพยาบาลกับลูกของหุ้นส่วน
“เฮีย ผมขอถามหน่อย เฮียเคยเบื่ออาหารที่อาซ้อทำมาให้บ้างไหมครับ” พาริยะถามด้วยความอยากรู้เป็นที่สุด
“ทำไมต้องเบื่อ เขาอุตส่าห์ตื่นเช้ามาทำให้ฉันทั้งที่เขาก็เหนื่อยทั้งกับลูกกับงานบ้านมากแล้ว” เขารู้ว่าปริยฉัตรรักเขามากถึงยังยอมตื่นเช้ามาทำให้ ใครจะกล้าเบื่อของที่ภรรยาสุดที่รักทำ
ที่สำคัญปริยฉัตรก็สรรหาเมนูทำให้อย่างหลากหลาย เขาไม่มีทางเบื่อได้หรอก
“ฉันหรือเปล่าที่ต้องเกรงใจเขาและรักเขาให้มาก”
คนที่ได้คำตอบก็พยักพเยิดเห็นด้วย ก่อนส่งสายตาขอบคุณในคำตอบนั้น และเชื่อว่าพี่ชายคงรู้ถึงสาเหตุที่เขาถาม
“เฮียทานเลยครับ ผมไม่กวนแล้ว”
สิ้นคำพาริยะก็ดึงสายตากลับมามองดลวัฒน์แล้วเอ่ยถามพร้อมกับยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “น้องไจ๋ไม่ต่างจากอาซ้อเลยสักนิด มึงว่าไหม” สิรินดาเองก็ทำกับข้าวให้ดลวัฒน์เป็นประจำเหมือนกัน เพียงแต่เพื่อนเขากลับกินบ้างไม่กินบ้าง บางวันก็หิ้วไปให้พยาบาลในวอร์ด
โชคดีที่ไม่มีใครเอาเรื่องนี้ไปบอกคนทำ ไม่อย่างนั้นสิรินดาคงจะน้อยใจน่าดู
ดลวัฒน์วางช้อนลงแล้วก็ถามสวนไปบ้าง “เรื่องชาวบ้านคืองานหลักของมึงเหรอ”
“ก็ใช่” พาริยะลอยหน้าลอยตาตอบ เขาไม่ได้คิดเข้าไปยุ่งเรื่องของทุกคน จะสนใจเฉพาะเรื่องคนรอบข้างที่สำคัญเท่านั้น เพราะเขาเคยเห็นพี่ชายของตัวเองที่เกือบจะสูญเสียคนรักเป็นตัวอย่าง จึงไม่อยากให้คนที่เขาเป็นห่วงต้องประสบเหตุการณ์เช่นนั้น
ดลวัฒน์กลอกตาขึ้นฟ้า แล้วคว้ากาแฟแก้วที่สองของวันขึ้นมาดูดด้วยท่าทีเฉยเมย ในเมื่อพาริยะกวนใส่ เขาก็จะกวนกลับเช่นกัน ให้มันรู้ไปว่าใครจะชนะ
เมื่อนาฬิกาบอกเวลาหกโมงครึ่ง ก็หมดเวรการทำงานของดลวัฒน์สำหรับวันนี้ หมอหนุ่มกำลังจะก้าวออกไปจากตึกที่ตนเองทำงานอยู่ แต่ทว่าเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี
เห็นข้อความที่ถูกส่งมาดลวัฒน์ก็ต้องถอนลมหายใจใส่
‘ไจ๋รออยู่ลานจอดรถนะคะ’
ทำไมเด็กนี่ชอบก่อเรื่องให้วุ่นวาย แล้วเขาขอให้มารับหรือไงกัน
ดลวัฒน์เดินมายังจุดนัดหมาย ก่อนจะเห็นรถมินิคูเปอร์สีน้ำตาลจอดรออยู่ ชายหนุ่มเดินไปยังฝั่งคนขับ ก่อนกระจกจะถูกเลื่อนลง
ดลวัฒน์ก็บอกน้ำเสียงกระด้างทันที “พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่กลับเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เธอมารับ ทำไมเธอต้องชอบทำให้วุ่นวาย”