ดลวัฒน์ก็บอกน้ำเสียงกระด้างทันที “พี่ก็บอกแล้วไงว่าพี่กลับเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้เธอมารับ ทำไมเธอต้องชอบทำให้วุ่นวาย”
“ไจ๋ขอโทษค่ะ แต่ไจ๋เป็นห่วงพี่ดลค่ะ” สิรินดาตอบด้วยคำเดิมๆ เสมอมา เธอกลัวเขาเหนื่อยเกินไป ก็เพราะสามีทำงานติดต่อกันมาสามสิบหกชั่วโมงแล้ว เธอกลัวว่าถ้าหากเขาต้องฝ่ารถติดเพื่อไปให้ถึงบ้านอีก กลัวว่าเขาจะขับไม่ไหวแล้วอาจจะเกิดเรื่องร้ายได้
แม้จะถูกดุ หญิงสาวก็ยังพยายามยิ้ม “ขอไจ๋ทำเถอะนะคะ แค่บางครั้งเองค่ะ” ที่สำคัญมันก็ไม่ได้เกินกำลังที่เธอจะทำให้
“ใครกันแน่ที่น่าห่วง ลงมาซะ พี่จะขับให้เอง” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม หลังจากสลับตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็ดึงสายตาไปมองความเรียบร้อยฝั่งข้างคนขับ ก่อนจะหันไปสตาร์ตเครื่องยนต์
“เราจะไปไหนคะ” หญิงสาวเอ่ยถามหลังเห็นเขาเลี้ยวรถไปคนละฝั่งกับทางกลับบ้าน
“กินข้าว”
“ไจ๋ขอโทษนะคะ ที่จริงไจ๋น่าจะติดแซนด์วิชมาให้พี่ดลด้วย”
“เธอต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่ให้ได้ทุกครั้งหรือไง” คุณหมอหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าผู้เป็นภรรยาทำสีหน้าอย่างไร “พี่หิวพี่ก็หากินเองได้”
หญิงสาวยิ้มบางๆ เธอรู้ว่าเขาทำได้ เพียงแค่เธอเองก็อยากทำหน้าที่ของภรรยาที่ดูแลสามีได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง
“แล้วพรุ่งนี้อยากทานอะไรคะ เดี๋ยวไจ๋จะทำไว้ให้ค่ะ เอาแกงไตปลาไหมคะ” หญิงสาวรู้ว่าเขาชอบกินเผ็ด จึงเสนอเมนูนี้และรู้ด้วยว่ามันคือของโปรดของเขาอย่างหนึ่ง
“อย่าก่อเรื่อง”
เพราะสิรินดากินเผ็ดไม่ได้เลย แต่ในครั้งที่แล้วเจ้าหล่อนกลับทำแกงไตปลามาให้ แล้วด้วยความกลัวว่ามันจะไม่อร่อยจึงชิมไปเสียหลายคำ ผลสุดท้ายก็ปวดท้อง เดือดร้อนเขาต้องหาหยูกหาหยาให้
เมื่อถูกเบรกความคิดนั้นสิรินดาก็ยิ้มแห้งๆ แล้วนั่งเงียบไปตลอดทางจนกระทั่งชายหนุ่มตีไฟเลี้ยวไปจอดข้างทางหน้าร้านราดหน้าเจ้าโปรดของเธอ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น หญิงสาวหันไปมองคนขับด้วยนัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายสว่างไสวราวกับหมู่ดาว
“ขอบคุณค่ะ” ก็มันใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ที่อย่างน้อยสามีก็จำได้ว่าเธอชอบทานร้านนี้
โชคดีที่มีโต๊ะว่างอยู่พอดี ไม่นานราดหน้าหมี่กรอบทะเลกับราดหน้าเส้นใหญ่หมูร้อนๆ ก็มาเสิร์ฟ
“กินเข้าไปเยอะๆ กินน้อยแบบนี้พี่ถึงถูกแม่บ่นอยู่เรื่อย” ชายหนุ่มเอ่ยหลังเห็นสิรินดาทำท่าจะวางช้อนลงแล้ว ทั้งที่กินไปได้เพียงครึ่งจาน
หญิงสาวยิ้มให้กับคำดุที่ปนห่วงใยนั้น จากนั้นก็ทานมันต่อ
“พรุ่งนี้เธอจะเอาน้ำส้มไปให้แม่พี่ใช่ไหม” ด้วยรู้ว่าในแต่ละเดือนสิรินดาจะแวะเวียนไปทำหน้าที่ของลูกแทนเขาเสมอ ส่วนเขาได้คุยกับมารดาผ่านทางสายโทรศัพท์มากกว่า ท่านเองก็เข้าใจดี
“ค่ะ”
“ถ้าท่านชวนคุยจนดึก ก็นอนนั่น” แม่ของเขาชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก พูดอะไรก็ถูกคอกันไปหมด คงเป็นเพราะสิรินดาเป็นคนอ่อนน้อม
“อีกอย่าง”
สิรินดาเงยหน้ามอง แต่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นดวงตากลมโตคู่นี้ก็ต้องวูบไหวไป
“พี่ยังไม่อยากมีลูก หาทางบ่ายเบี่ยงไปก่อน” เขารู้ว่ามารดาต้องพูดเรื่องนี้แน่ ก็เพราะสัปดาห์ก่อนท่านก็เพิ่งเปรยเรื่องนี้ออกมา แม้ว่าเขาก็พูดไปอย่างชัดเจนแล้วว่ายังไม่อยากจะมีก็ตาม
“บอกไปว่าเธอก็ยังไม่พร้อม