หลังจากกลับเข้าบ้านมา สิรินดาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู อยากรู้ว่ามีการติดต่อมาจากดลวัฒน์บ้างหรือไม่ ทว่าก็ต้องผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายเงียบหายไปเลย แม้จะเข้าสู่วันที่สองแล้ว เธอเก็บความน้อยใจนี้ไว้แล้วเริ่มเก็บกวาดครัวให้สะอาด ก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ตั้งใจว่าวันนี้จะไปหาผู้เป็นพ่อ ไม่ลืมทำอาหารเมนูโปรดของท่านอย่างใบเหลียงต้มกะทิไว้ด้วย
หญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลในเวลาก่อนเที่ยงพอดี เธอแอบเช็กกับเลขาฯ ของพ่อแล้วว่าท่านว่าง ไม่มีตารางงานผ่าตัดหรือมีนัดสำคัญใดๆ
“คิดถึงพ่อจังค่ะ” สิรินดาเอ่ยทันทีที่เข้ามาในห้องทำงานของสุนิติ ก่อนจะสวมกอดคนสูงวัยแน่นๆ พ่อของเธอนอกจากจะเป็นหมอฝีมือเยี่ยมแล้ว ยังดำรงตำแหน่งผู้บริหาร มีสัดส่วนหุ้นใกล้เคียงกับธิตา
สุนิติยิ้มพลางกอดตอบลูกสาว ปกติแล้วในเดือนหนึ่งๆ ลูกสาวจะแวะมาหากันที่บ้านอย่างน้อยหนึ่งครั้งเสมอ ทว่าน้อยครั้งที่จะมาหากันที่นี่ ด้วยเพราะเกิดเรื่องซุบซิบนินทาของการแต่งงาน สิรินดาจึงไม่ค่อยมาที่นี่นัก เพราะไม่อยากให้ภาพลักษณ์ของเขาเสียหาย
“ไจ๋ทำกับข้าวมาให้ด้วยนะคะ” หญิงสาวยกกล่องข้าวให้ดู
“งั้นก็ทานพร้อมพ่อ” สุนิติรู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของลูกสาวและรู้ด้วยว่าลูกเขยไปงานวิชาการ จึงไม่อยากให้ลูกสาวต้องเหงา
“ค่ะ วันนี้ไจ๋จะอยู่กับพ่อทั้งวันเลยค่ะ” หญิงสาววางกล่องข้าวลงบนโต๊ะใกล้กับโซฟา ก่อนปรายตามองเอกสารกองโตที่อยู่ต่อหน้า
“ไจ๋เป็นลูกไม่ดีเลย ปล่อยให้พ่อต้องเหนื่อยแบบนี้” นัยน์ตาของสิรินดาฉายแววรู้สึกผิด หัวใจหดลีบลง “ไจ๋ขอโทษนะคะที่เดินตามเส้นทางที่พ่อหวังไม่ได้”
หญิงสาวรู้ดีว่าบิดาตั้งความหวังอยากให้เธอเป็นหมอเหมือนกับท่าน และเคยแอบได้ยินว่าท่านเองก็อยากตั้งโรงพยาบาลเป็นของตนเอง จึงตั้งความหวังไว้กับเธอค่อนข้างสูง แต่เธอกลับเรียนไม่เก่ง ถึงจะเรียนพิเศษแต่ก็ยังรั้งท้ายเพื่อนอยู่ดี เวลานี้ความหวังทั้งหมดจึงไปตกอยู่ที่...
ดลวัฒน์
“พ่อหวังแค่ให้ไจ๋มีความสุข” ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากเห็นลูกมีความสุข และไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องมาเลี้ยงดูหรือแบ่งเบาภาระแต่อย่างใด
แค่ลูกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองอยากจะมีและมีความสุขกับมัน แค่นี้ก็พอใจแล้ว
“ถ้าอยากให้พ่อหายเหนื่อย ก็แค่ยิ้มให้มากๆ มีความสุขมากๆ”
หญิงสาวยิ้มให้คนเป็นพ่อ แต่ในแววตากลับมีความเศร้าและความกังวลใจแฝงอยู่ เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอต้องคิดหนัก...
ดวงตาของสองพ่อลูกเบนไปสนใจประตูที่ถูกเปิดออก ก่อนจะปรากฏร่างของบุรุษคนหนึ่งที่มีความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเดินเข้ามาในห้อง เขามีรูปร่างดีและมีลักษณะคล้ายคลึงกับดลวัฒน์มากทีเดียว
“ขอโทษครับ ผมไม่นึกว่าคุณลุงจะมีแขก” ดิษฐากรโค้งศีรษะแสดงการขอโทษ และกำลังจะถอยเท้าออกไปตามมารยาท
“พี่ดิษ อยู่ก่อนสิคะ ไจ๋ทำกับข้าวมาเยอะเลย พี่ดิษมาทานด้วยเถอะค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยรั้งพี่ชายของสามีไว้ แต่ดิษฐากรยังคงมีท่าทางลังเล
“มาเถอะดิษ” สุนิติเอ่ยชวนอีกเสียง ดิษฐากรเป็นลูกศิษย์ฝีมือดีของเขา จึงให้ความเอ็นดูค่อนข้างมาก และรู้ทันความคิดความอ่านของดิษฐากรว่ากังวลเรื่องใด
ไม่พ้นไม่อยากทำให้สิรินดาเดือดร้อน
“เจ้าดลไม่อยู่ ไม่เกิดเรื่องหรอก”
“มีของโปรดพี่ดิษด้วยค่ะ มาทานด้วยกันเถอะค่ะ” หญิงสาวรู้ว่าใบเหลียงต้มกะทินี้เป็นอาหารที่ดิษฐากรชื่นชอบเช่นกัน
ดิษฐากรสบตามองคนทั้งสอง ก่อนจะกดหน้าลงตอบรับ “ครับ”
สิรินดาใช้เวลาอยู่กับบิดาจนกระทั่งเย็นย่ำ เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบจะห้าโมงครึ่งแล้ว หญิงสาวจึงขอตัวกลับบ้านก่อน โดยมีดิษฐากรเดินตามมาส่ง
“พี่ดิษไม่ต้องไปส่งไจ๋ตามที่พ่อบอกหรอกค่ะ ไจ๋เรียกแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงหวานและแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายขณะอยู่ในลิฟต์ เธอไม่อยากเป็นภาระให้กับอีกฝ่าย การที่มีทั้งพ่อและสามีเป็นหมอทำให้รู้ว่าดิษฐากรเองก็คงอยากจะกลับไปทิ้งกายพักผ่อนแล้วเช่นกัน หากจะต้องวนไปส่งเธอที่อยู่คนละทางกับบ้านเขา ย่อมต้องเสียเวลาไม่ใช่น้อย อีกอย่างเธอโตแล้ว ใช่ว่าจะกลับบ้านคนเดียวไม่ได้
“นี่มันก็ใกล้ค่ำแล้ว ให้พี่ได้ทำหน้าที่พี่ชายที่ดีเถอะไจ๋” ดิษฐากรกล่าว ไม่ได้นึกว่าลำบากแต่อย่างใด เขายินดีทำตามคำไหว้วานของสุนิติ เพราะเป็นห่วงหญิงสาวไม่แพ้กัน เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกมากนัก ด้วยรู้ดีว่าตนไม่มีสิทธิ์
“พี่จะส่งไจ๋ก่อนถึงบ้าน ไม่ให้เจ้าดลรู้”
สิรินดาลังเลเล็กน้อย กลัวว่าถ้ารู้ไปถึงดลวัฒน์คงจะเป็นเรื่องใหญ่ แล้วดิษฐากรจะเดือดร้อน ทว่าท่าทางจริงจังของพี่ชายตรงหน้าทำให้เธอไม่อยากทำลายน้ำใจนั้น สุดท้ายก็จำต้องตอบตกลง
“งั้นพี่ดิษไปส่งไจ๋ที่ร้านของกี๋แทนได้ไหมคะ” หญิงสาวคิดว่านี่คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเธอและดิษฐากร
“ได้ครับ” คนเฝ้ารอคำตอบยิ้มรับ และชั่วครู่ลิฟต์ก็เลื่อนไปถึงชั้นของลานจอดรถ ดิษฐากรเดินนำไปยังรถคันดำของตน ก่อนจะเปิดประตูรถให้กับสิรินดา แล้วเดินอ้อมไปขึ้นทางฝั่งคนขับ ทว่าก่อนจะออกรถเขากลับยื่นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กให้กับน้องสาว
“พี่ซื้อให้ วันนี้วันเกิดไจ๋ พี่จำได้” ชายหนุ่มบอกเสียงอบอุ่น ก่อนจะเห็นสีหน้ากังวลของคนข้างกันจึงจำเป็นต้องเอ่ยต่อ “พี่ให้ในฐานะพี่ชาย แล้วมันก็เป็นแค่เทียนหอม ไจ๋ไม่ต้องคิดมาก” เพราะเขาเองก็ไม่อยากทำให้สิรินดาลำบากหรืออึดอัดใจเหมือนกัน
หญิงสาวเม้มปากเบาๆ พลางสบตาคู่คมที่แสดงความจริงใจออกมา ทำให้ยากจะปฏิเสธได้ ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะไม่รับของขวัญชิ้นนี้ ท้ายที่สุดสิรินดาจึงยื่นมือไปรับมันมา