“ดูท่าเขามองหามึงอยู่นะ”
ดลวัฒน์ดึงสายตากลับมา ไม่ได้คิดจะไปแสดงตัวแต่อย่างใด รับรู้ว่างานนี้ย่าของเขาต้องมาเป็นแขกคนสำคัญอยู่แล้ว โดยปกติหากธิตาไปงานใด ดลวัฒน์ก็เลือกจะไม่ไป
“กูได้ข่าวว่า...โรงพยาบาลที่จะเปิดใหม่ เขาจะให้มึงเป็นผู้บริหาร” หากจะบอกว่าทุกวันนี้ธิตาปูรากฐานให้หลานชายทั้งสองคนก็ไม่ผิดนัก ด้วยอยากให้ลูกหลานมีฐานกิจการที่มั่นคง ทว่าบางครั้งก็ดูจะมากไปสักนิดจนทำให้คนเป็นหลานรู้สึกอึดอัด
“ลุงติเองก็คงอยากให้มึงสอนงานน้องไจ๋ แล้วย่ามึงก็หาหุ้นส่วนที่จะมาช่วยอีกแรงด้วยนะ...กำลังเดินมาโน่นแล้ว” ถึงแม้พาริยะไม่ได้อยู่ในบอร์ดบริหาร แต่หูตาเขาก็เป็นสับปะรด
“ย่ามึงเปิดดีลได้” พร้อมกับนึกแปลกใจมากทีเดียว เพราะเหมือนก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายจะมีเรื่องให้เข้าหน้ากันไม่ติด แต่ตอนนี้กลับจับมือกัน กระทั่งร่างบอบบางเดินเข้ามา
“น้องอรนั่งด้วยได้ไหมคะ” คนถือแก้วแชมเปญถามเสียงหวาน
“เชิญครับหมออร” พาริยะเอ่ยปาก แต่อรอุมากลับเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ กับดลวัฒน์แทน
พาริยะแสยะยิ้ม ไม่ได้นึกถือสาอะไร งานนี้เพื่อนเขาคงได้ปวดหัวอีกแล้วแน่
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะดล”
“ครับ” ชายหนุ่มครางรับสั้นๆ
“ดลยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ” ผู้หญิงรูปร่างเล็กที่มีใบหน้าหวานละมุนจีบปากจีบคอพูด “ไว้เราทำงานด้วยกันแล้ว ทานข้าวกันนะคะ”
ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้แต่ตอบรับไปตามมารยาท แต่ประโยคนี้กลับเลือกปิดปากเงียบแทน
ด้านอรอุมาก็ไม่ได้สะทกสะท้านกับท่าทีเฉยเมยของดลวัฒน์ เจ้าหล่อนยังคงพยายามชวนคุยต่อ “ไปกันหลายๆ คนก็ได้ค่ะ ถ้าดลกลัวว่าเมียดลจะเข้าใจผิด” หญิงสาวเป็นพวกชอบความท้าทาย ยิ่งยากก็ยิ่งอยากเอาชนะ
“แล้ววันนี้ไม่ได้มาด้วยหรือคะ” อรอุมาถามพลางทำท่ามองหาคนที่ตนพูดถึงพอเป็นพิธี
“ครับ”
อรอุมากดยิ้มมุมปากแบบร้ายลึก “ดลยังวางท่าทีเหินห่างกับอรเหมือนเดิมเลยนะคะ น่าน้อยใจจัง ทั้งที่เราเกือบจะได้ดองกัน” ว่าแล้วก็พลอยทำสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย ก็เพราะที่จริงแล้ว เมื่อสามปีก่อน ไม่ใช่แค่สุนิติเพียงคนเดียวที่ธิตาแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือ แต่มีบิดาของเธอด้วย
ที่ธิตาแบกหน้าไปขอเงินลงทุน
ดลวัฒน์เองก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ไป
“คุณพ่อเรียกอรแล้วค่ะ ไว้เจอกันนะคะ” ร่างเล็กอธิบายเหตุที่จำต้องบอกลา แล้วเดินไปทางอมร บิดาของหญิงสาวที่กำลังส่งสายตามาทางนี้
ทันทีที่หญิงสาวใบหน้ารูปไข่เดินห่างไปแล้ว พาริยะรีบชิงพูดประโยคหนึ่ง
“ถ้าได้ดองกัน กูสยองแทนมึงเลยวะ”
ดลวัฒน์ก็คิดไม่ต่างกัน เพราะรู้นิสัยอรอุมาดี ผู้หญิงคนนี้สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ซึ่งความต้องการของตนเอง ครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนยังเคยทำให้เพื่อนร่วมรุ่นโดนไล่ออกมาแล้ว ทั้งที่แอบทำผิดด้วยกัน แต่กลับโยนความผิดให้เพื่อนเพียงคนเดียว ซึ่งยังถือว่าธิตาผู้เป็นย่าของเขา ยังไม่ได้ใจมืดบอดถึงขนาดที่จะเอาผู้หญิงคนนี้เข้ามาในชีวิตของเขา
ดลวัฒน์ไม่ได้อยู่จนงานเลิก หลังจากนั่งคุยกับพาริยะได้สักระยะหนึ่งก็ขอตัวกลับ เพราะปกติชายหนุ่มไม่ค่อยชอบงานรื่นเริงอยู่แล้ว กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งพอดิบพอดี พร้อมกับเห็นแล้วว่ารถมินิคูเปอร์ของภรรยากำลังขับตามมา ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเข้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวลงมาจากรถเขาก็รีบเดินไปหา
“พี่บอกแล้วไงไม่ให้ขับกลับ เธอก็รู้ขับรถกลางคืนมันอันตราย ทำไมชอบทำให้เป็นห่วง อยากเกิดอุบัติเหตุนักใช่ไง”
ริมฝีปากบางเผยอขึ้น แต่ยังไม่ทันได้พูด แต่นายแพทย์หนุ่มก็พูดดักไว้ก่อนว่า “อย่าเถียงพี่”
“ไจ๋ไม่ได้จะเถียงค่ะ แต่ไจ๋อยากบอกเหตุผล”
สิรินดารู้ว่าเขาห่วง แต่เธอก็กะเวลาเอาไว้แล้วว่าคงจะมาถึงไม่ดึกเกินไป และเส้นทางที่ใช้สัญจรก็เป็นเส้นทางหลัก ไม่ได้เปลี่ยวแต่อย่างใดจึงคิดว่าไม่น่ามีปัญหา
“งั้นก็ว่ามา” ชายหนุ่มเปิดโอกาสให้คนดื้อดึงอธิบาย
“ไจ๋ชอบนอนที่บ้านของเรา”
เจ้าของร่างสูงส่ายหน้า นึกว่าหญิงสาวจะมีเหตุผลอะไรดีๆ ที่ฟังดูมีน้ำหนักกว่านี้ แต่กลับได้คำตอบที่ไม่มีสาระอะไรเลย
“ไร้สาระ มันพิเศษตรงไหน” ดลวัฒน์บ่นพร้อมกับก้าวเท้าเดินไป ไม่คิดอยู่รอฟังคำตอบอีก แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะคำพูดต่อมาของสิรินดามันกระแทกใจได้เป็นอย่างดี
“แต่สำหรับไจ๋ทุกที่ที่มีพี่ มันก็พิเศษหมดค่ะ”
ดลวัฒน์มองคนที่เดินไวๆ เข้ามาหาตนที่ร้านกาแฟในโรงพยาบาล ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์มาใช้บริการอย่างคับคั่งในเวลาบ่ายคล้อย คงเพราะความง่วงเริ่มจู่โจม แถมบางคนยังต้องเข้าเวรลากยาวติดต่อกันหลายชั่วโมง
“ข่าวใหญ่ว่ะ” คนมาใหม่ทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเอ่ยปากถึงเรื่องที่ตนเพิ่งได้ยินมา
“เรื่อง?” คนที่เพิ่งสั่งกาแฟแก้วที่สองของวันร้องถาม พาริยะจึงยื่นหน้าจออุปกรณ์สื่อสารให้ดู ซึ่งแสดงรายชื่อแพทย์ใหม่ของวอร์ดอายุรกรรมประสาท ทว่าแววตาของดลวัฒน์ไร้ซึ่งความประหลาดใจ
“รู้แล้วเหรอ”
“อืม”
“ชีวิตมึงนี่มีแต่ผู้หญิงมาพัวพันนะ” พาริยะว่า เพราะรายชื่อแพทย์ใหม่ที่ทำให้สะดุดตาก็คือ อรอุมา เขาไม่คิดว่าจะได้ร่วมงานกันเร็วขนาดนี้ เพราะคิดว่าอรอุมาน่าจะมาช่วยบริหารอย่างเดียวและจะเริ่มงานก็ต่อเมื่อโรงพยาบาลใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ไม่ทันขาดคำ พาริยะก็เห็นอรอุมาเดินมาทางนี้พอดี ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าดวงสมพงศ์กันหรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรของดลวัฒน์กันแน่
“มาโน่นแล้วว่ะ”
ดลวัฒน์มองด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ก่อนต้องรีบหันกลับไปจ้องหน้าเพื่อนยามได้ฟังประโยคถัดมา
“กูไปเลยดีไหม” พาริยะเลิกคิ้วถามพลางขยับยืดตัวเต็มความสูง น้ำเสียงยียวนชวนให้คู่สนทนากัดฟันกรอด รู้ดีว่าตั้งใจกวนประสาทกัน
“อย่าเหี้ย มึงก็รู้ว่าตอนนี้กูต้องการมึง”