“พี่ชายคะ ฟลอนซ์อยากได้เครื่องเพชรชุดนั้นจังเลยค่ะ”
ฟลอนเรนซาสะกิดฟอซโซแล้วชี้ให้ดูเครื่องเพชรชุดหนึ่งบนตัวนางแบบที่ส่องประกายระยิบระยับ โดยเพชรที่ดึงดูดสายตาของฟลอเรนซามากที่สุดก็คือเพชรสีน้ำเงินเม็ดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยเพชรสีขาว เป็นจี้ห้อยคู่กับสร้อยคอ ซึ่งเพชรสีหรือที่เรียกกันว่าเพชรแฟนซี เป็นเพชรที่หายากและมีราคาสูงกว่าเพชรสีขาวหลายเท่าตัว
“จะอ้อนให้พี่ซื้อให้งั้นเหรอ”
“ใช่เลยค่ะ” ฟลอเรนซารับคำเสียงใส
“ไม่”
“พี่ชายคะ ทำไมถึงได้ใจร้ายกับน้องแบบนี้ล่ะคะ”
ฟอซโซทำหน้าเมื่อย มองใบหน้าของคนเป็นน้องแล้วส่ายหน้าคล้ายระอาเต็มทน
“เงินเราก็มีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่เอาออกมาใช้บ้างล่ะ”
“แต่ก็ยังน้อยกว่าของพี่ชายอยู่ดี นะคะ ซื้อให้ฟลอนซ์หน่อยนะคะ”
ฟลอเรนซากระพริบตาปริบๆ ออดอ้อน ใช้ดวงตาสีเทาอ่อนที่เหมือนกับคนเป็นพี่ชายอย่างไม่มีผิดเพี้ยนมองคนเป็นพี่อย่างขอความเห็นใจ ฟอซโซเหลือบสายตามองคนเป็นน้อง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ สุดท้ายเขาต้องแพ้สายตาและท่าทางออดอ้อนของฟลอเรนซาทุกทีสิน่า
“โอเค ถ้าเราประมูลได้ พี่จะจ่ายให้”
“รักพี่ชายที่สุดเลยค่ะ”
ฟลอเรนซาโผเข้ากอดพี่ชายก่อนจะผละออก หญิงสาวยิ้มร่า มองเครื่องเพชรชุดดังกล่าวบนตัวนางแบบด้วยดวงตาที่เป็นประกายเจิดจ้า นีรญาเองก็ลอบยิ้มให้กับท่าทางขี้อ้อนของฟลอเรนซา ก่อนจะหุบปากฉับเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาดุๆ ของฟอซโซ หญิงสาวรีบดึงสายตามองนางแบบบนเวทีอย่างกลบเกลื่อน
ด้วยเพชรสีน้ำเงินเป็นเพชรที่หายาก ราคาของมันจึงสูงลิ่ว และฟลอเรนซาคือผู้ที่ได้ครอบครองเพชรชุดนั้น โดยมีพี่ชายอย่างฟอซโซเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งราคาของมันสูงถึงเจ็ดหลักในสกุลเงินยูโร ถึงแม้จะมีเงินในบัญชีอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทำเอาฟอซโซแทบจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเช่นกัน คนที่สมใจที่สุดคงจะเป็นฟลอเรนซาเพราะเจ้าตัวยิ้มไม่หุบ
สำหรับผู้ที่ประมูลเครื่องเพชรแต่ละชุดได้ ทางผู้จัดจะเชิญขึ้นไปรับเครื่องเพชรบนเวที โดยจะถอดเครื่องเพชรจากตัวนางแบบมอบให้ผู้ที่ประมูลได้บนเวที โดยผู้จัดงานในวันนี้ก็คือเอริค ฟรีเดล ผู้ค้าเพชรหนุ่มจากอเมริกา จะเป็นผู้มอบเครื่องเพชรให้แก่เจ้าของเพชรคนใหม่ด้วยตัวเอง
นีรญาถูกฟลอเรนซาขอร้องกึ่งบังคับให้ขึ้นไปรับเครื่องเพชรแทนเธอ แม้หญิงสาวพยายามจะค้านเพราะเกรงว่าจะทำเครื่องเพชรราคาสูงลิบลิ่วหายไป ซึ่งก็แน่นอนว่าเธอไม่มีปัญญาชดใช้ได้แน่ แต่ถึงกระนั้นฟลอเรนซาก็ไม่ยอม และนีรญาเองก็ไร้ทางเลี่ยง ร่างแบบบางขยับตัวลุกจากเก้าอี้แล้วสาวเท้าขึ้นไปบนเวที
นีรญาทักทายกับเอริคด้วยการจับมือ หญิงสาวยิ้มเขินเมื่อถูกหนุ่มอเมริกันจ้องเธออย่างไม่วางตา จนหญิงสาวต้องกระซิบเตือน
“เอ่อ เครื่องเพชรค่ะ”
“ครับ”
เอริครับคำก่อนที่เขาจะเอื้อมไปปลดสร้อยเพชรสีน้ำเงินออกจากตัวนางแบบ ชายหนุ่มขออนุญาตก่อนจะสวมสร้อยเส้นดังกล่าวลงบนลำคอระหงของนีรญา
“ขออนุญาตนะครับ”
“ค่ะ”
เมื่อนีรญาพยักหน้ารับ เอริคจึงบรรจงสวมสร้อยเส้นดังกล่าวลงบนต้นคอของหญิงสาวอย่างเบามือ จากนั้นจึงเอื้อมไปปลดสร้อยข้อมือจากนางแบบมาสวมให้นีรญา
“คุณเหมาะกับเครื่องเพชรชุดนี้มากเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่ใช่เจ้าของหรอกนะคะ ฉันแค่ขึ้นมารับแทนพี่สาวน่ะค่ะ”
นีรญาให้คำตอบอย่างสุภาพ ส่วนเอริคเองก็ยิ้มบางๆ นีรญาขยับเท้าจะก้าวลงจากเวที ซึ่งเอริครีบอาสาเดินมาส่งหญิงสาวถึงข้างเวทีและนีรญาเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ก่อนที่เอริคจะกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งเพื่อกล่าวปิดงาน
“น้องนีร เครื่องเพชรชุดนี้เหมาะกับน้องนีรมาก พี่ชายดูสิคะ น้องใส่แล้วสวยมากเลย”
ประโยคแรกฟลอเรนซาเอ่ยกับนีรญา ส่วนท้ายประโยคหันไปพูดกับฟอซโซ ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย เครื่องเพชรชุดนี้พออยู่บนตัวนีรญาแล้วมันดูเหมาะกับเธอมาก แต่เขาเลือกที่จะแย้งออกไป
“ใครใส่ก็สวยทั้งนั้นแหละ เครื่องเพชรราคาแพงแบบนั้น”
คำตอบของฟอซโซทำให้นีรญาที่กำลังยิ้มกับฟลอเรนซาสีหน้าจืดเจื่อนลงถนัดตา ฟลอเรนซาเห็นน้องสาวหน้าเสียจึงรีบแก้สถานการณ์
“พี่ชายน่ะ” ฟลอเรนซาย่นจมูกใส่ฟอซโซ ก่อนจะหันมาหานีรญาอีกครั้ง “อย่าไปฟังพี่ชายเลยนะน้องนีร พี่ชายเป็นคนไม่อ่อนโยน”
นีรญาฝืนยิ้มบางๆ กำลังตั้งใจจะชวนฟลอเรนซากลับบ้าน แต่จำต้องกลืนคำพูดลงคอเพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างฟอซโซกับโมนิกาเสียก่อน
“ฟอซโซคะ พรุ่งนี้ว่างไหมคะ พอดีคุณพ่ออยากให้คุณเข้าไปกินมื้อค่ำที่บ้านน่ะค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะคะ”
ฟอซโซมองหน้าโมนิกาที่กำลังรอคอยคำตอบจากเขาแว่บหนึ่ง ก่อนจะหันมาที่นีรญาซึ่งอีกฝ่ายมองเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตาคู่นั้นมองเขาอย่างเว้าวอน แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะมองไม่เห็นมัน เพราะยังขุ่นเคืองที่หญิงสาวก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา
และอะไรที่หญิงสาวต้องการ เขาก็จะไม่มีวันมอบให้
ฟอซโซมองนีรญาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันไปให้คำตอบโมนิกา
“ได้สิ พรุ่งนี้ผมจะไปกินมื้อค่ำที่บ้านคุณ”
ความหวังสุดท้ายของนีรญาพังครืนลงอย่างไม่เป็นท่า อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเขาตั้งแต่แรก กลีบปากนุ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างต้องการสะกดกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาฉับพลัน
“พี่ฟลอนซ์คะ นีรขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”
“ให้พี่ไปด้วยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ นีรไปไม่นาน”
“โอเคจ้ะ พี่รอตรงนี้นะ”
“ค่ะ”
นีรญายิ้มบางๆ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ดวงตากลมโตมองร่างสูงของฟอซโซที่กำลังสนทนากับโมนิกาอีกแว่บหนึ่ง ก่อนจะตัดใจขยับเท้าตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ
นีรญาล้างมือที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าหลังจากเข้าห้องน้ำเรียบร้อย กลีบปากนุ่มเม้มสลับคลายอย่างครุ่นคิด ดวงตาคู่สวยหม่นแสงลงอย่างเด่นชัด
‘เธอไม่มีสิทธิ์ไปหวงเขาอยู่แล้ว จำเอาไว้ด้วยนีรญา’
นีรญาพยายามย้ำกับตัวเอง หญิงสาวมองภาพสะท้อนของตัวเองจากหน้ากระจกอยู่พักหนึ่ง ผ่อนลมหายใจเข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่า สูดลมหายใจเข้าปอดไปเฮือกใหญ่ ก่อนจะขยับเท้าออกจากห้องน้ำไป ทว่าหญิงสาวก้าวพ้นประตูห้องน้ำได้เพียงสองก้าว เท้าเล็กก็ตรงหยุดอยู่ตรงนั้น เมื่อพบว่าเอริคขยับเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ คิ้วได้รูปยกขึ้นอย่างแปลกใจ