“คุณเอริคมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณ…”
“นีรค่ะ นีรญา”
“ครับคุณนีร” เอริคยิ้มกว้าง “พอดีผมจะอยู่เที่ยวโรมต่ออีกสักสี่ห้าวันก่อนจะบินกลับอเมริกา ผมไม่รู้ว่าคุณนีรจะรังเกียจไหมถ้าพรุ่งนี้ผมอยากจะชวนคุณไปดื่มกาแฟสักแก้ว ได้ไหมครับ”
เอริคยังคงเผยรอยยิ้ม ดวงตาสีฟ้ามองนีรญาอย่างขอความเห็นใจ
“คุณเอริคอยากดื่มกาแฟกับนีร”
“ใช่ครับ”
เอริครีบตอบรับราวกับเกรงว่าจะถูกปฏิเสธ นีรญาปั้นหน้ายิ้มยาก หญิงสาวเข้าใจวัฒนธรรมของชาวตะวันตกดี ดูเหมือนว่าการชวนไปดื่มกาแฟจะไปจุดเริ่ีมต้นของการสานความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว และนีรญาเองก็ไม่ต้องการแบบนั้น หญิงสาวตั้งใจจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ทว่าดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นร่างสูงของฟอซโซที่ควงโมนิกามาทางนี้พอดี ก่อนทั้งคู่จะหยุดเท้าไม่ห่างจากเอริคและนีรญามากนัก
“อ้าว น้องนีร หายมาอยู่กับคุณเอริคนี่เอง ถึงว่าหายมาเสียนานเชียว”
โมนิกายิ้มบางๆ ตอนที่พูดกับนีรญา นีรญาเองกำลังอ้าปากจะค้าน แต่เอริคก็พูดในสิ่งที่ต้องการออกมาอีกครั้ง
“นะครับคุณนีร ดื่มกาแฟกับผมหน่อยนะครับ”
นีรญาแสดงสีหน้าลำบากใจ และหญิงสาวเองก็ไม่ได้ให้คำตอบเอริคในทันที ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปทางฟอซโซที่ยืนอยู่ข้างโมนิกา สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงแค่ใบหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์
“นะครับคุณนีร ให้เกียรติไปดื่มกาแฟเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ”
นีรญาดึงสายตากลับมาที่เอริค สายตาคล้ายเว้าวอนที่เอริคมองมาทำให้นีรญายากจะปฏิเสธ และหญิงสาวก็คิดต่อว่าการไปดื่มกาแฟกับเอริคอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเธอก็ได้
“ได้ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เอริคยิ้มกว้าง ก่อนที่ทั้งคู่จะทำการแลกหมายเลขโทรศัพท์ไว้เพื่อติดต่อกันได้อย่างสะดวก
ฟอซโซมองนีรญากับเอริคด้วยดวงตาแข็งกร้าวอย่างไม่รู้ตัว ลมหายใจพรืดใหญ่ถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนโมนิกาที่ยืนเคียงข้างรู้สึกแปลกใจ
“ฟอซโซเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรนี่ คุณอยากเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ไปสิ ผมจะรออยู่ตรงนี้”
“ค่ะ”
เมื่อฟอซโซปฏิเสธ โมนิกาเองก็ไม่ได้คาดคั้น หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนนีรญาเองเมื่อเห็นว่าบทสนทนาระหว่างตนกับเอริคจบลงแล้วจึงเอ่ยขอตัว
“คุณเอริคคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ”
เมื่อเอริครับคำ นีรญาจึงส่งยิ้มให้เอริคตามมารยาท ทว่าก่อนหญิงสาวจะขยับเท้าเอริคก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งนะครับ”
“ค่ะ”
นีรญารับคำ ทั้งคู่จึงขยับเท้าไปพร้อมกัน โดยมีนัยน์ตาสีเทาอ่อนดุดันมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ไปจนลับสายตา
“พี่ฟลอนซ์คะ”
นีรญาสะกิดฟลอเรนซาที่ยืนกอดอกหันหลัง ฟลอเรนซารีบหันกลับมาเมื่อนีรญาเรียก หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้างอย่างคนที่ร่าเริงแจ่มใสแทบจะตลอดเวลา
“น้องนีรมาแล้ว อ้าว คุณเอริคก็มาด้วย”
ประโยคแรกฟลอเรนซาเอ่ยกับนีรญา ส่วนประโยคหลังเอ่ยกับเอริคที่ยืนส่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ กัน
“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าคุณฟลอนซ์มีน้องสาวที่น่ารักอย่างคุณนีรด้วย คุณฟลอนซ์จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขออนุญาตไปส่งคุณนีรที่บ้าน”
นีรญาเหลือบสายตามองฟลอเรนซาทีมองเอริคที ดูเหมือนว่าฟลอเรนซากับเอริคคงจะรู้จักกันมาก่อน ดูจากบทสนทนาที่ดูสนิทสนมในระดับหนึ่ง เพราะตอนที่ดูนางแบบเดินโชว์เครื่องเพชร ฟลอเรนซาบอกกับเธอว่าเอริคมาจัดประมูลเพชรที่คาสซาโน่แกรนด์เป็นครั้งที่สามแล้ว ส่วนตัวเธอเพิ่งจะเคยมาร่วมงานเป็นครั้งแรก เลยเพิ่งได้เจอกัน
“อย่าบอกนะคะว่าคุณเอริคแอบสนใจน้องสาวของฟลอนซ์”
ฟลอเรนซาหรี่ตามองเอริคคล้ายต้องการจะจับผิด เอริคเองทำเพียงส่งยิ้มกว้าง หากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ฟลอเรนซาทราบว่าเอริคน่าจะสนใจนีรญาอย่างที่เธอคิด
“ฟลอนซ์อนุญาตไม่ได้หรอกค่ะ ต้องถามความสมัครของเจ้าตัว น้องนีรว่าไงจ๊ะ”
เป็นอีกครั้งที่นีรญาตั้งใจจะปฏิเสธ ทว่าเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวจำต้องกลืนคำพูดที่เตรียมเอาไว้ลงคอ
“เจ้าตัวน่าจะยินดีที่คุณเอริคให้เกียรติไปส่งถึงบ้าน จริงไหม นีร”
นัยน์ตาสีเทาอ่อนดุดันจ้องมาที่นีรญา หญิงสาวเองก็มองตอบกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ดูเหมือนว่าชายหนุ่มพยายามจะยัดเยียดเธอให้เอริคเสียเหลือเกิน จู่ๆ ก้อนแข็งๆ ก็ตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ นีรญาละสายตาจากฟอซโซ แล้วดึงสายตามาที่เอริค
“ตกลงค่ะคุณเอริค รบกวนด้วยนะคะ”
คำตอบของนีรญาทำให้ฟอซโซบดกรามเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว นีรญาไม่ได้มองเขาอีก ร่างแบบบางเดินนำหน้า โดยมีเอริคที่ยิ้มกว้างเดินตามหลังหญิงสาวไปติดๆ
ฟลอเรนซาลอบมองคนเป็นพี่ชายอย่างแปลกใจอยู่หลายส่วน ดูเหมือนว่าพี่ชายของเธอกำลังประชดประชันนีรญาหรือไม่ก็อาจจะไม่พอใจอะไรบางอย่าง คงไม่ใช่หรอกละมั้ง เธออาจจะคิดมากไปเอง เป็นพี่น้องกัน ไม่ได้มีเรื่องผิดใจกันเสียหน่อย ทำไมจะต้องประชดประชันหรือไม่พอใจกันด้วยล่ะ ถูกไหม
นีรญากับเอริคเดินมาถึงบริเวณหน้าเทอร์เรซโรงแรมก่อน จากนั้นฟอซโซ โมนิกาและฟลอเรนซาจึงเดินตามมาสมทบในภายหลัง นีรญายืนข้างเอริค ถัดจากเอริคเป็นฟอซโซ โมนิกาและสุดท้ายคือฟลอเรนซา ระหว่างที่ทั้งหมดรอพนักงานขับรถมาจอด กระแสลมเย็นๆ ที่ปะทะเข้ากับผิวกายทำให้นีรญายกมือทั้งสองข้างลูบต้นแขนตนเองเพื่อสร้างความอบอุ่น เอริคที่ลอบมองอยู่จึงถอดเสื้อสูทมาคลุมไหล่ให้เธอ
“ขออนุญาตนะครับ”
เอริคบอกพร้อมๆ กับคลุมเสื้อสูทให้นีรญา หญิงสาวหันมามองหน้าเขาแล้วเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ”
เอริคยิ้มบางๆ เป็นการตอบรับ และนีรญาเองก็ส่งยิ้มบางๆ ให้เขาเช่นกัน ทว่าเป็นอีกครั้งที่หญิงสาวต้องค่อยๆ หุบยิ้มลง เมื่อเสียงทุ้มต่ำของฟอซโซดังขึ้น
“ถ้าคิดว่าตัวเองทนอากาศหนาวไม่ไหว ก็น่าจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้จะได้ไม่ลำบากคนอื่น”
ดวงตาที่เหลืออีกสี่คู่หันมองฟอซโซเป็นตาเดียวกัน เอริคเองตั้งใจจะอธิบายว่าตนไม่ได้ลำบากอะไร ส่วนฟลอเรนซาก็ตั้งใจจะแย้งว่าคนที่ให้นีรญาแต่งตัวแบบนั้นคือตนเอง
“คือผมไม่ได้…”
“คือฟลอนซ์เป็นคนบอกให้…”
แต่ดูเหมือนว่าฟอซโซจะไม่สนใจฟังคำแก้ต่างใดๆ ชายหนุ่มทิ้งสายตาดุดันที่นีรญาแว่บหนึ่ง ก่อนจะขยับเท้ารัวๆ ก้าวไปขึ้นรถที่เข้ามาจอดพอดี โดยมีโมนิกาขยับเท้าตามไปติดๆ
“เป็นอะไรของเขาเนี่ย”
ฟลอเรนซาบ่นคนเป็นพี่ชาย ใบหน้าหวานซึ้งส่ายไปมาเบาๆ ก่อนจะหันไปบอกนีรญาเมื่อพนักงานนำรถมาจอดรอแล้วเช่นกัน
“น้องนีรพี่ไปก่อนนะ เจอกันที่บ้านนะจ๊ะ คุณเอริค ฝากน้องสาวของฟลอนซ์ด้วยนะคะ”
ฟลอเรนซาคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้าวไปขึ้นรถ นีรญามองตามรถของฟอซโซที่แล่นออกไปด้วยสายตาที่หม่นแสง ก่อนจะหันมาหาเอริคเมื่อเขาเรียกเธอ
“ไปกันเถอะครับ รถมาแล้ว”
“ค่ะ”