“แลกบัตรด้วยครับ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบเข้ามากันไม่ให้สองสาวเข้าด้านใน พริ้งพลอยทำท่าจะวีนอีกครั้งเมื่อลูกน้องไม่รู้ว่าผู้หญิงข้าง ๆ เธอคือประธานบริษัท เจ้าของบริษัทตัวจริงที่เซ็นอนุมัติเงินเดือนให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผู้รักษาความปลอดภัยคนนี้
“ทำไมคุณผู้หญิงท่านนี้ต้องแลกด้วยล่ะครับ เพราะเธอเป็นประธานบริษัทสามารถเข้าออกได้ตามที่ต้องการ” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“คุณภาคิน” ลลิตาเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบา
“เออ ขอโทษครับ ผมคิดว่าคุณกวินเป็นประธานครับ ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าซีดลงอย่างน่าสงสารที่เขาทำไปเพราะความปลอดภัยขององค์กรเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะมันเป็นหน้าที่ของคุณฉันเข้าใจดี และขอบคุณที่เอาใจใส่ดูแลองค์กรมาเป็นอย่างดีนะคะ” ลลิตายิ้มให้อย่างอ่อนโยน และหยิบบัตรขึ้นมาแตะให้ประตูไม้กั้นเปิดออก
“ก่อนที่คุณจะมาทำงานคุณควรอ่านประวัติให้ดี ๆ ก่อนนะครับ” ภาคินพูดเสียงราบเรียบ แต่สายตากับเย็นชา
“ครับ ผมขอโทษครับ”
ภาคินเหลือบมองด้วยสายตาที่เย็นลงเล็กน้อย และเดินตามสองสาวเข้าไป เพราะวันนี้เขาเองก็ต้องเข้าประชุมเช่นกัน
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณกวินประชุมอยู่ค่ะ” ปิ่นอนงค์รีบลุกขึ้นมาขวางเมื่อเห็นสองสาวเดินเข้ามา และเธอรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร คือเมียหลวงของเจ้านายของเธอนั่นเอง
“เธอเป็นใครถึงมาขวาง ไม่รู้รึไงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” พริ้งพลอยพูดอย่างเอาเรื่อง และถลึงตาใส่ผู้หญิงตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
“ดิฉันรู้ค่ะว่าคือใคร แต่ตอนนี้คุณกวินประชุมอยู่ค่ะ และเป็นประชุมสำคัญมาก จะเข้าไปขัดตอนนี้ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมจะเข้าไปขัดไม่ได้ล่ะครับ เพราะผู้ถือหุ้นยังเข้าประชุมไม่ครบเลย แล้วจะประชุมได้ยังไง” ภาคินที่ทนฟังผู้หญิงคนข้างหน้ามานานแล้วจึงเอ่ยขึ้นแทรกพร้อมกับมองด้วยสายตาที่ติเตียน
“อ่า คุณภาคินสวัสดีค่ะ” ปิ่นอนงค์ยิ้มทักทาย ภาคินได้แต่มองหญิงสาวด้วยสายตาที่เย็นชา และรู้สึกโกรธแทนพี่สะใภ้เหลือเกิน
“คุณเห็นผม แต่ไม่ยักสวัสดีประธานบริษัทที่เซ็นอนุมัติเงินเดือนให้คุณทุกเดือนเลยนะครับ”
“ประธานบริษัทก็อยู่ในห้องประชุมไงคะ”
“หึ ตาฉันว่าต่อไปนี้เธอต้องเข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวนี้พวกหนูพวกหนอนมันเยอะ ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง แกเข้าไปกับภาคินเถอะฉันจะรออยู่ข้างนอกเอง”
“อือ รอฉันก่อนนะ อย่าเพิ่งหนีไปไหน” ปากพูดบอกเพื่อนแต่สายกับมองปิ่นอนงค์ด้วยความไม่พอใจ ลลิตามองเธอแวบหนึ่งด้วยหางตาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญเธออาจเข้าไปจิกหัวผู้หญิงคนนั้นแล้ว
“แน่นอน ฉันจะต้องอยู่สิ” พลอยพูดพร้อมกับฉีกยิ้ม และหันมามองปิ่นอนงค์
“สวัสดีค่ะทุกท่าน จะเข้าประชุมผู้ถือหุ้นไม่คิดจะแจ้งให้ตาเข้ามารับฟังหน่อยเหรอคะ” แฮะลิตาเดินตามภาคินเข้ามาเอ่ยพูดเสียงหวานแต่สายตากับเชือดเฉือนทุกคน
“ตา!!” กวินเอ่ยเรียกชื่อภรรยาและมองมาทางภาคินด้วยสายตาที่กรุ่นโกรธ
“อ่าว สวัสดีครับคุณตา ไม่เจอกันนานเลยนะครับ 5 ปี แล้วได้ไหม” ผู้ถือหุ้นเข้ามาทักทายและเดินเข้ามาจับมือเรียวของเธอเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ของประธาน และกวินต้องลุกออกอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกเสียหน้าแต่ต้องเก็บอาการ
“ค่ะไม่เจอกันนานเลยนะคะคุณสรพงษ์” ลลิตายิ้มให้ และหันมามองหน้ากวินที่มองมาทางเธอนิ่ง เขาอาจคิดว่าหล่อนจำทุกคนในนี้ที่ประชุมไม่ได้ แต่เปล่าเลยเธอกลับรู้จักหมดทุกคนถึงแม้ไม่ได้เข้ามาทำงานแต่เธอตรวจสอบเช็กทุกอย่างโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
“ตาทำไมถึงเข้ามาบริษัทล่ะ” กวินเอ่ยกระซิบที่ข้างหู
“ค่อยคุยนะคะ เห็นวันนี้เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นตาเลยเข้ามาค่ะ” เธอผลักชายหนุ่มออกเล็กน้อยพร้อมที่จะประชุมเต็มที อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะประชุมอะไรโดยไม่มีเธอ
“แต่ตาไม่ได้เข้ามาบริหารตั้ง 5 ปีแล้วนะ” กวินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่สายตากับมองภาคินน้องชายด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะคิดว่าภาคินอาจอยู่เบื้องหลังในการพาลลิตาเข้ามา
“ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะกวิน ถึงตาจะไม่ได้เข้ามาบริหารงานนาน แต่ตาอ่านเอกสารเกี่ยวกับบริษัททุกอย่างค่ะ ไม่ใช่ตลอด 5 ปีมานี้ตาจะทิ้งไปเลย แต่ตายังคงติดตามอยู่ตลอด และก็ได้รู้ว่าบริษัทขาดทุ่นไปตั้งเท่าไร แต่ตาก็ไม่เคยเข้มายุ่งเลยเพราะคิดว่าเดี๋ยวคุณก็จัดการเองได้ ดังนั้นคุณทำหน้าที่ของคุณเถอะค่ะ ตาจะเข้ามาช่วยเหลืออีกแรงหนึ่งเหมือนกัน”
“ถ้าเข้าประชุมครบแล้วเราเริ่มประชุมกันเลยไหมครับ” ภาคินเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้นเมื่อเห็นทุกคนเงียบไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
นอกห้องประชุมพริ้งพลอยนั่งกอดอกมองแม่เลขาสาวที่มองเธออย่างไม่พอใจเช่นกัน
“เธอเข้ามาทำงานไม่รู้เลยเหรอว่าใครใหญ่สุด เห็นหมั่นหน้าขนาดนี้แต่กลับโง่ชะมัดแฮะ ระวังจะโดนเด้งออกโดยไม่รู้ตัวซะล่ะ”
“ใครจะไปตรัสรู้ได้ละค่ะไม่เห็นมีบอร์ดขึ้น” ปิ่นอนงค์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้
เหอะ! ถึงกลับเอาบอร์ดเพื่อนฉันลงเลยเหรอ
พริ้งพลอยนั่งคิดในใจด้วยความโกรธที่กวินกล้าเอาบอร์ดเพื่อนเธอลงมาอย่างไม่มีความเกรงใจ ถึงว่าพนักงานถึงไม่รู้ว่าเพื่อนหล่อนเป็นใคร
“แต่งานนี้เธออยู่ยากแล้วล่ะ เพราะเจ้าของบริษัทตัวจริงมาแล้ว อย่าคิดว่าใครคนนั้นจะมาคุมกะลาหัวเธออยู่ได้”
“เหรอคะ แต่คนที่รับฉันเข้ามาทำงานคือคุณกวินค่ะ และคนที่ไล่ฉันออกได้มีแค่คุณกวินคนเดียว”
“หมั่นหน้าเอาไว้ล่ะ ฉันจะรอเห็นเธอเก็บข้าวของออกไปทั้งน้ำตา วันนั้นแหละที่ฉันจะมาสมน้ำหน้าเธอ”
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเวลาล่วงเลยที่การประชุมเสร็จสิ้นผู้ถือหุ้นอื่น ๆ จึงเริ่มทยอยออกมา และเหลือแค่สามคนในห้องที่ยังไม่ลุกไปไหน
“ตาคุณจะเข้ามาทำไมไม่บอกผมก่อน”
“ตาจะเข้ามาหรือไม่เข้ามันเกี่ยวกับพี่ตรงไหนเหรอครับ” ภาคินเอ่ยแทรกขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับคำถามที่พี่ชายถามกับพี่สะใภ้ ทั้งที่บริษัทนี้เป็นของเธอเองเสียด้วยซ้ำ
“ขอโทษนะคะกวินที่ตาเข้ามาโดยไม่ได้บอกไว้ก่อน แต่ต่อไปนี้ตาจะเข้ามาทำงานค่ะ ขอบคุณตลอดเวลา 5 ปี ที่คุณทำงานหนักแทนตามาตลอดนะคะ”
“ตาจะไหวเหรอ 5 ปี เชียวนะที่ตาไม่ได้ทำ อะไร ๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ตาบอกกวินแล้วไงว่าตาคอยติดตามงานอยู่ตลอด ทุกงานที่คุณเซ็นอนุมัติตารู้เห็นหมดทุกอย่าง” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น ถึงแม้เธอจะยิ้มแต่กลับรู้สึกขนลุกภายใต้รอยยิ้มนั้นเหลือเกิน
“อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาตาให้คนอื่นส่งให้ตรวจสอบอยู่ตลอด”
“ใช่ค่ะ”
“นี่คุณไม่เชื่อใจผมเหรอตา”
“เปล่าค่ะ แต่ตาแค่คิดอยากเข้ามาช่วยเหลือกวินก็เท่านั้น เห็นคุณบ่นว่าเหนื่อยอยู่ตลอด ตาเลยเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระดีกว่าอยู่บ้านแล้วกินเงินปันผลทุกวันโดยที่ไม่ได้ทำอะไร”
“แต่ผมอยากให้ตาอยู่บ้านมากกว่านะ เพราะต่อไปนี้ผมวางแผนจะมีลูกกับตา”
“เหอะ! พี่พึ่งคิดมามีลูกตอนนี้เนี่ยนะ ผ่านมาตั้ง 5 ปี พี่พึ่งมาคิดเหรอ” ภาคินที่ทนฟังมานานเอ่ยขึ้นมา เพราะรู้สึกโกรธแทนหญิงสาว
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยว่ะ นี่มันเรื่องของครอบครัวกู”
“หึ พึ่งคิดได้ว่าเป็นครอบครัวเหรอ ตลกว่ะ”
“ไอ้ภาคิน!!”
“หยุดค่ะ อย่ามาทะเลาะกันเลย ถึงคุณจะพูดยังไงตาก็จะเข้ามาทำงานเหมือนเดิม ภาคินช่วยสอนงานตาหน่อยนะ”
“ได้เลยครับพี่สะใภ้ ผมยินดีอย่างยิ่ง” ภาคินส่งยิ้มหวานมาให้ และหันมามองหน้าพี่ชายด้วยสายตาที่เย็นชา
“ตา” กวินลุกขึ้นจับแขนเล็กที่เธอกำลังเดินออกไป
“ไปคุยกันที่บ้านค่ะกวิน ที่นี่มันบริษัท ลูกน้องเห็นมันจะดูไม่ดี” กวินจึงปล่อยมือออกแต่โดยดีและมองลลิตาเดินออกไป
“มึงใช่ไหมที่ให้ลลิตาเข้ามา” กวินหันมาโจมตีน้องชายทันทีที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนภายในห้อง
“ไหงงั้นล่ะพี่ ผมจะไปบอกอะไรให้คุณตาเข้ามาได้ นอกจากคุณตาเข้ามาเอง”
“หึ มึงคงมีความสุขมากล่ะสินะ” กวินพูดอย่างเดือดดาล
“แน่นอน ผมต้องมีความสุขสิ ทำไม หรือรู้สึกโกรธที่ต่อไปนี้พี่จะทำอะไรตามใจไม่ได้อีก” ภาคินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยียวน และนั่งกอดอกมองพี่ชายอย่างสบายใจ
“มึง!!” กวินกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่สักพักจึงคลี่ยิ้มสงบนิ่งอย่างเหนือกว่าออกมา “แต่มึงก็ทำได้แค่มองแหละ เพราะตาเป็นเมียกู ยังไงมึงก็เป็นได้แค่หมามองเครื่องบินเท่านั้นไอ้ภาคิน”
“หึ ผมไม่สนหรอกว่าจะเป็นอะไร แต่มันดีกว่าพี่ที่ได้เขามาแล้วกลับทิ้งขว้าง ทั้งที่เขาคนนั้นเป็นเพชรแต่กลับไปคว้าก้อนกรวด สงสัยพี่เป็นคนชอบของคาว ๆ อะไรดี ๆ ถึงได้มองข้าม” ภาคินยิ้มเหยียดและหัวเราะในลำคอ
“ไอ้ภาคิน”
“ลองต่อยดูสิ ครั้งนี้ผมไม่ยอมหรอกนะ ต่อยมาผมถีบกลับมาดูกันว่าใครจะแพ้หรือชนะ”
“ถุ่ย!! ไอ้เวร” กวินถุยน้ำลายลงพื้นและกระตุกยิ้มเยาะมองน้องชายในสายเลือดและเลือกเดินออกไป
“หึ.. ไอ้พี่เวร ถ้าคิดจะทิ้งขว้างก็ไม่ควรแย่งไปไหม ไอ้สวะ”
**********************************
ภาคินคือแสนดีจัง
แต่กวินดูรู้เลยว่าอยากได้บริษัทเมีย ไอ้หอกหัก เลวที่สุด