“พี่สะใภ้ยินดีต้อนรับกลับมาทำงานนะครับ” ภาคินเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้องทำงานและยิ้มกว้างเจือไปด้วยความอบอุ่นมาให้แบบที่เขาชอบทำ ไม่ว่าจะผ่านมากี่เดือนกี่ปีเขาก็ยังคงเป็นภาคินที่อ่อนโยน และคอยเอาใจใส่ต่อคนอื่นอยู่เสมอ
“เรียกลลิตาเหมือนเดิมก็ได้นะคุณภาคิน เมื่อก่อนก็เรียกตาเฉย ๆ นิ” หล่อนยิ้มหวานและรับช่อดอกไม้มาถือ เป็นช่อดอกกุหลาบสีชมพูแบบที่เธอชอบ
“เพราะคุณแต่งงานกลับพี่ชายผมไง ผมถึงต้องมาเรียกว่าพี่สะใภ้มันเป็นความผิดของคุณคนเดียวเลย” ภาคินแหย่เล่นและยิ้มไปด้วย แต่ลลิตากลับทำหน้าเศร้า
“คงงั้นมั้งค่ะ คงเป็นความผิดของตาจริง ๆ” ลลิตาเสียงเศร้าและใบหน้าหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิตา คุณไม่เหมาะกับใบหน้าแบบนั้นเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกและเอามือมาลูบแก้มเนียนทั้งสองข้าง
ลลิตานิ่งเหมือนคุ้นเคยกับสัมผัสแบบนี้มาก่อน เธอมองหน้าของภาคินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องสามีอย่างงุนงง ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไม่แพ้กับกวินเพราะทั้งสองเป็นแฝดกัน ถ้าภาคินไม่ไปย้อมผมให้เป็นสีน้ำตาลออกทองเธอเองก็ยากที่จะดูออกว่าใครเป็นใคร
“มองผมแบบนี้อยากพูดอะไรเหรอ” ภาคินยิ้มละมุนและลูบแก้มเนียนของหญิงสาวไปมาเหมือนเด็กน้อย
“กวินก็เคยพูดแบบนี้กับตา ตารู้สึกแปลก ๆ” เธอบอกออกไปอย่างไม่ปิดบัง เธอรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน หรืออาจเป็นเพราะเขาเป็นแฝดกันรึเปล่าถึงได้เหมือนคุ้นเคยแบบนี้ แต่ต่อให้เป็นแฝดกันจริงแต่พวกเขานิสัยไม่เหมือนกันเลยสักนิด
“แน่ใจนะว่ากวินเป็นคนพูด”
“ฮะ! คุณพูดอะไรนะภาคิน”
“เปล่าหรอก วันนี้คุณผู้บริหารกลับมาแล้วช่วยทำงานให้หัวหมุนไปเลยนะครับ” ภาคินพูดหยอกเย้าและดึงแก้มนิ่มไปมา
“มึงทำอะไรภาคิน” เสียงไม่พอใจดังขึ้นมาจากข้างหลัง ภาคินไม่ตกใจเลยสักนิดเขาเพียงแค่ยักไหล่ให้และยกยิ้มมุมปากให้กับพี่ชายฝาแฝดที่ออกก่อนหน้าเขาเพียงไม่กี่นาทีด้วยสายตาที่เย็นชา
“ผมจะทำอะไรได้ละครับ ก็แค่มาให้กำลังใจพี่สะใภ้เท่านั้นเอง” ภาคินไหวไหล่และยิ้มให้กับลลิตาก่อนเดินออกไป
“ดูเหมือนคุณจะสนิทกับมันเหลือเกินนะตา”
“ภาคินเป็นน้องคุณ ตาก็ต้องสนิทอยู่แล้วในฐานะพี่สะใภ้กับน้องสามีไม่ใช่เหรอคะ”
“ตานี่คุณยอกย้อนผมเหรอ”
“ตาเปล่านะ ตาไม่ได้ยอกย้อนเลย กวินเข้ามามีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“ผมแค่มาชวนตาไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน”
“ไม่โกรธตาแล้วเหรอคะ ที่ตากลับเข้ามาทำงานโดยไม่บอกคุณก่อน”
“หายแล้วครับ พอมีตาอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หายคิดถึงหน่อย คิดถึงเมื่อไรค่อยเดินมาหาแบบนี้ไง”
“คิก คิก อะไรของคุณเนี่ยกวิน” ลลิตาหัวเราะออกมาด้วยความเขิน รู้แหละว่าเขาเป็นคนปากหวานแต่พอเจอเข้าจริง ๆ ก็เอาเธอไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“ไปทานข้าวกันนะครับ” กวินพูดเสียงอ้อนและดึงใบหน้าสวยเข้ามาบดจูบอย่างอ้อยอิ่ง
“ค่ะ ไปก็ไปค่ะ”
ท่ามกลางลูกน้องมากมายที่เข้ามาทานอาหารในโรงอาหาร และหนึ่งในนั้นมีสายตาไม่พอใจมองมาที่ทั้งสองที่เดินโอมเอวกันเข้ามา
“ดูท่าใครแถวนี้จะเป็นหมาหัวเน่าซะแล้ว” เพื่อนร่วมงานที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันอยู่แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เมื่อเห็นปิ่นอนงค์มองไปที่ชายหนุ่มที่เคยมีสัมพันธ์สวาทด้วยกัน
“ใครบอกแกว่าฉันเป็นหมาหัวเน่า คุณกวินไม่มีทางทิ้งฉันหรอกย่ะ”
“อุ๊ยตาย มั่นหน้า มั่นโหนกมาก นั่นเธอดูนั้นนะปิ่นอนงค์ ตาเธอจะได้สว่างมั้ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของเขา และเธอคนนั้นเป็นเจ้าของที่นี่ ต่อให้คุณกวินเข้าข้างเธอแต่ที่นี่คนที่ใหญ่ที่สุดคือเมียหลวงที่เธอจ้องจะจับสามีเขากินนั่นแหละปิ่นอนงค์”
ปิ่นอนงค์กำมือเข้าหาตัวเองไว้แน่น สายตาเกรี้ยวโกรธมองไปทางสองคนนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไหนเขาบอกว่ารักเธอไง ขาดเธอไม่ได้ แม้แต่สักวินาทีเดียว แต่นี่อะไรไปยิ้มระรื่นกับเมียหลวงนั้น
“อาหารที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคะกวิน”
ทันทีที่เธอตักอาหารคำแรกก็เคลิบเคลิ้มกับรสชาติ เพราะผ่านมา 5 ปีแล้ว เธอไม่ได้ลิ้มลองมันอีกเลย เป็นโรงอาหารให้กับพนักงานในบริษัทก็จริง แต่เธอเป็นคนเลือกแม่ครัวเองกับมือ เพราะเธอคิดเอาไว้อยู่เสมอถ้าอาหารอร่อยพนักงานยิ่งมีกำลังใจทำงาน และจะได้ไม่ต้องไปเปลืองเงินทานข้าวข้างนอกบริษัท
“ครับ แม่ครัวยังบ่นคิดถึงคุณทุกวันด้วยนะ”
“ดีใจจังที่ป้าเขายังคอยคิดถึง” ลลิตายิ้มและตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่า
“กวินขอถามได้ไหมว่าตาคุยอะไรกับภาคิน”
“ไม่ได้คุยอะไรกันเลยค่ะ ภาคินเขาแค่เอาดอกไม้มาให้แสดงความยินดีที่ตากลับเข้ามาทำงานกันแค่นั้นเอง” หล่อนพูดไปและลอบมองสีหน้าของเขาไปด้วย เพราะชายหนุ่มทำหน้าเหมือนหึงเธอกับภาคินเลย
“คุณได้แอบติดต่อกับมันรึเปล่าตั้งแต่มันไปอเมริกา” กวินเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่กรุ่นโกรธเล็กน้อย
“ไม่นะคะ วันนั้นเป็นวันแรกที่ตาเจอกับภาคินที่งานประมูล ทำไมคุณถึงถามเหรอมีอะไรรึเปล่าค่ะ” หล่อนแสร้งทำหน้านิ่ง และทานอาหารต่ออย่างไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดที่ชายหนุ่มถาม
“เปล่าหรอกครับ ทานข้าวกันต่อเถอะ” กวินบอกด้วยรอยยิ้มและหันไปมองโต๊ะด้านหลังที่เห็นปิ่นอนงค์มองมาทางตนด้วยสายตาอย่างตัดพ้อ เขาเพียงแค่มองหล่อนชั่วครู่และหันกลับมาสนใจลลิตาต่อ และพูดคุยพลางตักอาหารของตัวเองให้ลลิตาชิม แต่ทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของหญิงสาวตลอด เธอยิ้มมุมปากมองไปทางปิ่นอนงค์เล็กน้อย และแสร้งทานข้าวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก
“คุณกวินทำไมใจร้ายกับปิ่นได้ขนาดนี้ค่ะ ไหนคุณบอกว่ารักปิ่นไง” ปิ่นอนงค์น้ำตานองหน้าและว่ากล่าวอย่างตัดพ้อ หลังจากช่วงพักเที่ยงหมดไปเธอจึงรีบเข้ามาในห้องของชายหนุ่ม
“ปิ่นกลับไปทำหน้าที่ของคุณซะ นี่มันเวลางาน”
“คุณไม่แคร์ปิ่นจริง ๆ เหรอคะคุณกวิน”
“พอเถอะ อย่าทำให้ผมรำคาญไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ผมก็เสี่ยงแล้ว ผมบอกคุณว่าไงให้อยู่ห่างกันไปก่อน อยู่ในสถานะของตัวเองไป”
“เหรอคะ ให้ปิ่นอยู่ในสถานะของตัวเองใช่ไหม” ปิ่นอนงค์พูดเสียงเนิบนาบและเดินเข้ามายืนตรงหว่างขา
“คุณจะทำอะไร กลับไปทำงานได้แล้ว” เสียงพูดติดกระแทกไล่ให้หญิงสาวออกไป แต่ปิ่นอนงค์กลับยิ้มยั่วยวน และนั่งลงอย่างช้า ๆ เพื่อยั่วยุให้อารมณ์ชายหนุ่มพลุ่งพล่าน เพราะเธอรู้ว่าเขาชอบเซ็กซ์แบบไหน
“ปิ่นกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่นี่ไงคะ”
“อ๊า ปิ่น” กวินส่งเสียงครางในลำคอเมื่อลิ้นนุ่มนิ่มกำลังตวัดเลียแก่นกายของเขาขึ้นลง ให้ตายทำไมเธอถึงดื้อด้านได้ขนาดนี้ แต่เขากลับชอบเหลือเกิน
“อ่อก อ่อก ชอบไหมคะ” เสียงอู้อี้ถาม แต่ร่างสูงยังไม่ทันตอบเสียงเคาะประตูหน้าห้องกลับดังขึ้นมา และเป็นลลิตาที่เปิดประตูเข้ามา
“ตาไม่เห็นแม่เลขาของคุณ ตาเลยเปิดเข้ามาค่ะ”
“อ่า ตา”
************************************
หมาหวงก้างแล้วหนึ่ง
จะมาหวงเขาไปแก้สันดานก่อนค่ะ
แต่เฉลยแล้วนะว่าภาคินคือใคร คือแฝดน้องของกวินนั่นเอง
เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำจริง ๆ นะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ต้องรอดูต่อไปค่ะ บางทีอาจไม่เป็นแบบที่เราเห็นก็ได้ ฮุ ฮุ