“มีอะไรล่ะวี ทำไมไม่เข้าไปล่ะ” ปรียาภัทรขมวดคิ้วเข้าหากัน สงสัยว่าทำไมเพื่อนถึงไม่เข้าไปในห้อง
“เราว่าเดี๋ยวค่อยมาหาทีหลังดีกว่า” วีรณาตอบตะกุกตะกัก
“ทำไมล่ะวี เราขอดูข้างไหนหน่อยสิ” ปรียาภัทรถามอย่างแปลกใจ ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปชะเง้อมองด้านใน เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ไหนนั้น ปรียาภัทรจึงฉีกยิ้มกว้าง เข้าใจในทันทีว่าเพราะเหตุใดวีรณาจึงยืนเก้ๆกังๆไม่ยอมเข้าไปด้านในเสียที
“มานี่ เดี๋ยวเราพาเข้าไปเอง” พูดจบก็คว้ามือวีรณาแล้วลากเข้าห้องไป วีรณาพยายามฝืนแต่ตอนนี้หัวใจเธอทำงานหนักมากทันทีที่เห็นแพทริก จึงไม่มีแรงพอที่จะต้านทานเพื่อนได้ เลยปล่อยให้ปรียาภัทรลากเธอไปอย่างตามใจชอบ
“ขอโทษนะคะคุณแพทริก พอจะเห็นบัตรนักศึกษาของวีเขาบ้างหรือเปล่าคะ” แพทริกมองปรียาภัทรแล้วมองเลยไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่พยายามยื้อยุดฉุดกระชากเพื่อนไม่ให้พามาใกล้เขา ใบหน้าคมคายผุดยิ้มที่มุมปาก อย่างนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด
“ใช่อันนี้หรือเปล่าครับ” แพทริกว่าพร้อมชูบัตรนักศึกษาที่อยู่ในมือ
“ใช่เลยค่ะ” ปรียาภัทรยิ้มกว้าง “วีเข้าไปเอาสิ” ปรียาภัทรหันไปบอกวีรณาที่พยายามขืนตัวไว้ไม่ให้เธอลากเข้าไปใกล้แพทริกไปมากกว่านี้
“ข้าวหอมไปเอาให้เราหน่อยนะ” วีรณาขอร้องแกมอ้อนวอน เวรกรรมอะไรของเธอกันนะ ที่บัตรนักศึกษาของเธอไปอยู่ในมือของแพทริก แค่เห็นหน้าเขาใจเธอยังเต้นรัวขนาดนี้ ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้เธอจะไม่เป็นลมหรอกหรือ
“วีเข้าไปเอาเองสิ” ปรียาภัทรบ่ายเบี่ยงไม่ยอมช่วย
“ช่วยเราหน่อยนะ” วีรณากระซิบบอก แพทริกได้ยินเข้าถึงกับอมยิ้ม พลางคิดในใจว่าเขาน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยหรือ เธอถึงได้ไม่อยากจะเข้ามาใกล้
“ผมว่าเจ้าของบัตรน่าจะมาเอาเองมากกว่านะครับ” แพทริกว่า สายตาคมเข้มจ้องมองที่วีรณาอย่างไม่วางตา
เห็นท่าทีลังเลของวีรณา ปรียาภัทรจึงดันหลังเพื่อนเบาๆ จนในที่สุดวีรณาก็มาหยุดยืนตรงหน้าเขาจนได้
“เอ่อ....คือ...ขอบัตรคืนหน่อยค่ะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ความประหม่ากำลังเล่นงานเธอหนักมากขึ้น
“นี่ครับ” แพทริกไม่ได้ยื่นบัตรให้เธอโดยตรง เขาวางมันลงไว้บนโต๊ะแทน วีรณารีบหยิบบัตร แต่ยังไม่ทันได้เอาบัตรมาใส่กระเป๋าสะพาย จู่ๆแพทริกก็คว้ามือเธอ วีรณาตกใจการจู่โจมที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พยายามจะดึงมือออกแต่แพทริกไม่ยอม กลับกระชับแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม วีรณารู้เลยว่าหัวใจของเธอกำลังทำงานหนักจนถึงขีดสุด เพราะมันเต้นรัวและแรงมากจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก อัตราการเต้นของหัวใจของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวเป็นลมหมดสติไปดีที่แพทริกมาประคองเอาไว้ทันร่างเธอจึงยังไม่กระแทกพื้น
ปรียาภัทรตกใจรีบวิ่งมาดูเพื่อนแต่แพทริกยกมือห้ามไว้แล้วอุ้มวีรณาไปที่โซฟา เขาแกล้งเธอแรงไปหรือเปล่านะ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่เพียงจับมือเธอถึงกับเป็นลมหมดสติไปเลย นี่ถ้าเขาทำมากกว่านี้ เธอจะไม่ช็อกไปเลยหรือไง แพทริกส่ายหน้า รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก แววตาคมเข้มฉายแววขบขัน
ผ่านไปสักพักวีรณาก็ยังไม่ฟื้น ดูจากอาการแล้วปรียาภัทรคิดว่าวีรณาไม่น่าจะเป็นอะไรมาก น่าจะแค่หมดสติไปเพียงเท่านั้นและก็คงจะฟื้นในไม่ช้า แต่ด้วยไม่รู้แน่ว่าเพื่อนรักจะฟื้นขึ้นมาตอนไหน เธอจึงอยากพาวีรณากลับไปที่อพาร์ตเมนต์มากกว่า เพราะดูจะสะดวกกว่านอนโซฟาอยู่แบบนี้และอีกไม่นานเจ้าหน้าที่ของโรมแรมก็คงจะมาปิดห้อง
“คุณแพทริกคะ รบกวนช่วยพยุงวีได้ไหมค่ะ” ปรียาภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อคิดได้ว่าพาเพื่อนกลับไปที่อพาร์ตเมนต์น่าจะดีกว่า
“คุณจะพาวีไปไหนเหรอครับ” ที่แพทริกรู้จักชื่อเล่นของวีรณาเพราะว่าได้ยินเพื่อนของเธอเรียกแบบนั้น
“ฉันจะพาวีกลับไปพักที่อพาร์ตเมนต์ ห้องของวีน่ะค่ะ”
“แล้วจะไปกันยังไงครับ” แพทริกถามกลับ
“ไปแท็กซี่น่ะค่ะ”
คำตอบของปรียาภัทรทำให้แพทริกขมวดคิ้วหนาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะบอกในสิ่งที่คิดออกมา
“คุณจะสะดวกไหม ถ้าผมจะเป็นคนไปส่งพวกคุณ” แพทริกถามปรียาภัทรอย่างขอความเห็น น้ำเสียงไม่ได้บังคับขมขู่แต่อย่างใด เพราะเขาแกล้งวีรณา เธอถึงได้เป็นลมไปแบบนี้ อย่างน้อยๆเขาก็ควรจะรับผิดชอบอะไรบ้าง
“จะดีหรือคะ” ปรียาภัทรขมวดคิ้วน้อยๆ ถึงแพทริกจะเป็นคนที่เพื่อนของเธอแอบรักและเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่ก็เพิ่งจะเจอกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก นิสัยใจคอจริงๆเป็นอย่างไรก็ไม่มีทางรู้
“ครับ อย่างน้อยให้ผมได้รับผิดชอบที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนของคุณต้องเป็นแบบนี้”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่น่าเชื่อถือของแพทริก บวกกับเขาก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใด แค่ไปส่งเฉยๆไม่น่าจะมีอะไร อีกอย่างเธอก็ไปด้วย ปรียาภัทรเลยตัดสินใจยอมรับข้อเสนอนั้น
แพทริกอุ้มวีรณาออกมาจากห้องแถลงข่าวของโรงแรม โดยมีปรียาภัทร โรเจอร์และลูอิสเดินตามมาติดๆ ตลอดทางคนที่ผ่านไปมาหันมามองแพทริกกับสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ด้วยความที่เขาเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนอยากรู้อยากเห็น แต่แพทริกก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทางโรงแรมเข้ามาสอบถามเขาจึงแจงรายละเอียดให้ทราบ ก่อนที่จะเดินทางขึ้นรถยนต์ยุโรปสุดหรูที่ทางสมาคมกีฬาฯได้จัดเตรียมไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักฟุตบอลระดับโลกอย่างเดวิด แพทริก มอร์แกน การเดินทางครั้งนี้โรเจอร์ทำหน้าที่เป็นพลขับโดยมีปรียาภัทรเป็นคนบอกเส้นทาง
ทันทีที่มาถึงอพาร์ตเมนต์ของวีรณา แพทริกก็อุ้มวีรณาไปที่ห้องพักโดยมีปรียาภัทรเป็นคนนำทาง เมื่อเห็นว่าแพทริกอุ้มวีรณามานานพอสมควรแล้ว เกรงว่าแพทริกจะเมื่อยเพราะห้องของวีรณาอยู่ชั้นสี่ของตึก ที่สำคัญอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไม่มีลิฟต์ ทางเดียวที่จะสามารถขึ้นไปด้านบนได้ก็คือบันได โรเจอร์และลูอิสจึงอาสาจะช่วยอุ้ม แต่แพทริกส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ต้องมายุ่ง ถ้าไม่อยากโดนเตะ” เมื่อได้ยินแพทริกตอบกลับมาแบบนั้น ทั้งสองจึงส่ายหน้าอย่างขำๆ นี่ขนาดเจอกันไม่เท่าไร ยังเป็นเอามากถึงขนาดนี้ สงสัยจะไม่กลับลอนดอนแล้วล่ะมั้ง โรเจอร์กับลูอิสแอบคิดเล่นๆอยู่ในใจ ส่วนปรียาภัทรก็แอบอมยิ้มน้อยๆ
ทั้งหมดมาหยุดยืนหน้าห้องของวีรณา ปรียาภัทรควานหากุญแจห้องในกระเป๋าสะพายของเพื่อน เมื่อหาเจอจึงจัดการไขประตูแล้วพาแพทริกที่อุ้มวีรณาอยู่เข้าไปด้านใน โรเจอร์กับลูอิสรออยู่ด้านนอก
เมื่อเข้ามาในห้องแพทริกก็จัดการวางร่างบางลงบนเตียงนอนที่ปรียาภัทรเป็นคนชี้บอกทาง เขาหยิบผ้าห่มมาคลุมให้เธอ ก่อนที่จะถอยออกมาจากเตียงขนาดเล็กเหมาะกับคนตัวเล็กอย่างเจ้าของห้อง
“ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระช่วยมาส่งเราทั้งคู่” ปรียาภัทรเอ่ยขอบคุณแพทริกทั้งในส่วนของตัวเธอและในส่วนของวีรณา พร้อมส่งยิ้มบางๆไปให้แพทริกกับความมีน้ำใจของเขา
“ไม่เป็นไรครับ” แพทริกส่งยิ้มบางๆกลับไปให้ สีหน้าบ่งบอกว่าเขายินดี
แพทริกยังไม่กลับ เขาบอกกับปรียาภัทรว่าอยากจะรอให้วีรณาฟื้นก่อนเพื่อดูให้แน่ใจว่าวีรณาไม่เป็นอะไรจริงๆ แล้วเขาจะกลับ สีหน้าลำบากใจของปรียาภัทรทำให้แพทริกรู้ว่าคงเป็นการไม่ควรที่เขาจะอยู่ในห้องนอนของวีรณา แพทริกจึงเสนอว่าเขาจะนั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าห้องนอน และให้เปิดประตูห้องเอาไว้ ปรียาภัทรจึงเบาใจอีกอย่างแพทริกก็อุ้มวีรณามาตั้งนาน คงจะมีอาการเมื่อยอยู่บ้าง ให้นั่งพักสักครู่รอวีรณาฟื้นก็คงจะไม่เป็นอะไร