กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตามสไตล์ชาวตะวันตก เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบ คิ้วคมเข้ม นัยน์ตาสีฟ้า จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากหนารูปกระจับและผมสีบลอนซ์ตัดสั้นเข้ากับผิวที่ขาวจัด ส่งผลให้ใบหน้าดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ชื่อของเขาคือ เดวิด แพทริก มอร์แกน นักฟุตบอลตำแหน่งกองกลางของสโมสรยักษ์ใหญ่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษอย่าง Red London FC และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ แถมยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมอร์แกน ที่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่มีมากกว่ายี่สิบแห่งทั่วโลก รายได้ต่อปีมหาศาลจนใช้ไปทั้งชาติก็คงไม่หมด เขาเลือกที่จะเป็นนักฟุตบอลเพราะมีใจรักมาตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวของเขาก็ให้ความสนับสนุนเป็นอย่างดี แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาแขวนสตั๊ดต้องเข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัวซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด และในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เขาก็สามารถทำมันออกมาได้เป็นอย่างดี ฝีเท้าของเขายอดเยี่ยมติดอันดับโลก ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าสำหรับคอบอลหรือแม้กระทั่งบุคคลทั่วไป ไม่มีใครไม่รู้จัก เดวิด แพทริก มอร์แกนอย่างแน่นอน
แพทริกกำลังนั่งรอคอยการมาของใครบางคนอยู่ เพียงไม่นานคนที่ชายหนุ่มรอคอยก็เดินทางมาถึง
“สวัสดีครับ คุณโรเบิร์ต” แพทริกเอ่ยทักทายคนสูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม
“แพทริก ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรหรอก เราคนกันเองทั้งนั้น” คนสูงวัยกว่าตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ครับ” เขาพยักหน้ารับ
“ที่ฉันเรียกนายมาวันนี้ เพราะอยากจะถามว่านายเตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
“ผมเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้วครับ”
“พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่นายต้องเดินทางไปเมืองไทย”
“ใช่ครับ”
“ฉันคงไม่ว่างไปส่งนายที่สนามบิน ฉันส่งนายตรงนี่เลยแล้วกัน”
“ไม่เป็นไรครับ” แพทริกกล่าวอย่างนอบน้อม
“สองเดือนต่อจากนี้ฉันคงคิดถึงนาย ยังไงก็ติดต่อมาบ่อยๆแล้วกัน เอาล่ะ ฉันไม่กวนนายล่ะไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเดินทาง”
“ขอบคุณครับ” แพทริกเอ่ยขอบคุณผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอนอย่าง Red London FC ที่เขาสังกัดอยู่ จนถึงตอนนี้แล้วเขายังไม่รู้เลยว่าตัดสินใจถูกหรือผิด ที่ตอบรับคำเชิญไปเป็นผู้ฝึกสอนการเล่นกีฬาฟุตบอลให้กับนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทีมชาติที่ประเทศไทย ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจอะไร แต่เป็นเพราะว่าเขายังไม่เคยไปประเทศไทยต่างหาก
ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะเป็นบ้านเกิดของคุณย่า แต่ว่าตั้งแต่เขาจำความได้คุณย่าก็อยู่ที่อังกฤษตลอด ยังไม่เห็นท่านกลับประเทศไทยเลยสักที ดังนั้นเขาจึงพลอยไม่ได้ไปไปด้วย ไม่ใช่ว่าคุณย่าจะไม่คิดถึงบ้านเกิดแต่เป็นเพราะคุณปู่ของเขาต่างหากที่ไม่ยอมให้ท่านกลับ คุณปู่ให้เหตุผลว่าเดี๋ยวว่างแล้วจะพาไป ไม่ยอมให้คุณย่าเดินทางคนเดียว จนบัดนี้แล้วคุณย่าก็ยังไม่ได้กลับบ้านเกิด สงสัยคุณปู่เกรงว่าถ้าคุณย่าไปแล้วจะไม่อยากกลับมาที่อังกฤษอีก ต้องเป็นแผนของคุณปู่เขาแน่ๆ นึกเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร เขาก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้สักที นี่เขาต้องไปบอกลาเพื่อนในสโมสรอีก จริงอยู่ที่เพื่อนในทีมของเขาก็พอจะรู้เรื่องแล้วว่าเขาต้องไปประเทศไทยพรุ่งนี้ แต่เขาก็อดที่จะคิดถึงไม่ได้ คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจเดินไปที่สนามซ้อมของสโมสรทันที
“เฮ้ย! พวกเราแพทริกมา” เสียงกัปตันทีม อีริค ตะโกนบอกเพื่อนในทีมที่กำลังฝึกซ้อมกันอยู่เมื่อเห็นแพทริกเดินมา หลังจากนั้นทุกๆคนก็พากันวิ่งกรูกันมาหาเขา ทำอย่างกับว่าเขาเป็นดาราฮอลลีวูดอย่างไรอย่างนั้น
“นายจะไปพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม” อารอนถามเสียงอ่อย ดูไม่เบิกบานอย่างเช่นเคย อารอนคงจะใจหายที่เขาไม่อยู่ถึงแม้จะช่วงคราวก็เถอะ ก็เขากับอารอนสนิทกันมาก ใช่ว่าอารอนจะรู้สึกคนเดียว เขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน
“อืม…” เขาตอบอารอนด้วยน้ำเสียงไม่ต่างกัน “ฉันจะมาลาพวกนายตรงนี้เลยแล้วกัน พวกนายจะได้ไม่ลำบากต้องไปส่งฉันที่สนามบินพรุ่งนี้”
“ยังไงนายก็ติดต่อพวกเรามาบ่อยๆแล้วกันนะ” อีริคกัปตันทีมกล่าว ทุกคนในทีมหน้าสลดลง ไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก
“เฮ้ย! พวกนายอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไปแค่สองเดือน ไม่ได้ย้ายทีมเสียหน่อย เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว” แพทริกแสร้งบอกอย่างร่าเริง ทั้งที่ความจริงก็รู้สึกใจหายไม่น้อยไปกว่ากัน
“ฉันกลัวแต่ว่านายจะไปติดใจสาวๆที่โน่นจนไม่ยอมกลับน่ะสิ ฉันได้ยินมาว่าสาวไทยน่ารัก อ่อนหวานเอาใจเก่ง แถมงานบ้านงานเรือนยังเนี้ยบอีกด้วย” เป็นอารอนที่บอกเขา หมอนี่มักจะอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเสมอ
“เฮ้ย! ไม่มีทาง ยังไงฉันก็รักบ้านเกิดของฉันมากที่สุด” แพทริกรีบออกตัวว่าสิ่งที่อารอนว่าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“เออ...แล้วฉันจะคอยดู”
สนามบินลอนดอน ฮีทโทรว์ ประเทศอังกฤษ
ตอนนี้เป็นเวลา 11.30 น.แพทริกกำลังนั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ ไฟท์ที่เขาจะเดินทางเครื่องออกเวลา 12.00 น.ซึ่งเวลานั้นที่ประเทศไทยก็ประมาณ 17.00น. เนื่องด้วยว่าเวลาในประเทศไทยเร็วกว่าที่ลอนดอนประมาณ 5 ชม.ไฟท์นี้เขามีผู้ดูแลติดตามไปแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็พอเพียงแล้วสำหรับเขา เพราะเขาไม่ชอบความเอิกเกริกวุ่นวาย นี่ครอบครัวเขาก็มาส่งกันทั้งบ้าน ทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ ไหนจะคนทำงานในบ้านเขาอีกหลายคน ดีนะที่ไอ้เพื่อนตัวแสบในทีมไม่ตามมาส่งเขาด้วย ไม่งั้นต้องวุ่นวายมากกว่านี้แน่ๆ เขารอเพียงไม่นาน ทางสนามบินก็ประกาศให้ขึ้นเครื่องได้
ทีแรกทาง Red London FC จะส่งคนมาดูแลเขาขณะอยู่ที่เมืองไทยด้วย แต่เขาปฏิเสธไปเพราะมีแค่โรเจอร์กับลูอิสที่ตระกูลมอร์แกนส่งมาให้เป็นผู้ดูแลเขาก็น่าจะเพียงพอแล้ว ด้วยความที่เขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล ทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ ค่อนข้างจะกังวลที่เขาต้องไปใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังจึงส่งโรเจอร์กับลูอิสให้ไปคอยดูแลเขา หรืออีกนัยก็คือให้โรเจอร์กับลูอิสคอยส่งข่าวให้พวกท่านได้รับรู้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเพราะค่อนข้างจะสนิทกับสองคนนี้อยู่แล้ว
“ผมไปก่อนนะครับ คุณปู่ คุณย่า ทุกๆคนด้วย ขอบคุณนะครับที่มาส่งผม”
“รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะลูก” คุณย่าเอ่ยพร้อมลูบหัวเขาเบาๆ ท่านรักเขามากและที่สำคัญเขาเป็นหลานคนเดียวในบ้าน จึงไม่แปลกนักที่คุณย่าจะรักเขามากที่สุด
“แด๊ด มัม ผมไปก่อนนะครับ” เขาเดินเข้าไปสวมกอดพ่อกับแม่ หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินขึ้นเครื่องที่กำลังจะออกในอีกไม่กี่นาที
หลังจากอยู่บนเครื่องเป็นเวลา 12 ชม.แพทริกก็เดินมาถึงประเทศไทย ตอนนี้เป็นเวลา 05.00น.ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งถ้าเป็นที่ลอนดอนตอนนี้น่าจะประมาณเที่ยงคืนพอดี ทางฝ่ายประสานงานในประเทศไทยแจ้งว่าจะมีรถมารับเพื่อพาเขาไปยังที่พักที่เตรียมไว้ให้ ทางเจ้าหน้าที่บอกกับเขาว่าอาจจะมีแฟนคลับของเขาที่เมืองไทยมารอต้อนรับเขาด้วย
นี่ก็ยังไม่สว่างคงไม่มีแฟนคลับมารอต้อนรับเขาหรอก คิดได้ดังนั้นแพทริกพร้อมทั้งโรเจอร์กับลูอิสที่เป็นผู้ดูแลหรืออีกนัยก็คือลูกน้องของเขา จึงรีบเดินไปยังจุดนัดหมาย แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึง ทั้งหมดก็เจอกับคนกลุ่มน่าจะประมาณสามร้อยคนเห็นจะได้ กำลังส่งเสียงเรียกชื่อเขาพร้อมกับชูป้ายไฟชื่อเขาไปด้วย แพทริกโบกมือและยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เขาได้ยินกลุ่มคนที่มารอต้อนรับคุยกันด้วยภาษาไทยที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขารู้จักภาษาไทยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ฟัง พูด อ่านและเขียน ก็คุณย่าพร่ำสอนเขาอยู่ทุกวันจำไม่ได้ก็บ้าแล้ว แต่ก็มีบางประโยคหรือสำนวนที่เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน