เมื่อเดินออกมาพ้นเขตตลาด จินก็ปล่อยมือจากใบเตยเพราะกลัวเธอรังเกียจ ใบเตยเธอหายจากอาการกลัวเล็กน้อยจึงยืนด้วยตัวเองได้
“บ้านอยู๋ไหนหรอครับ เดี๋ยวผมไปส่ง” จินเอ่ยถามถ้าหากปล่อยเธอกลับบ้านคนเดียวคงไม่ดีแน่ดูจากเมื่อกี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้”
ใบเตยไม่กล้าที่จะให้เขาไปส่ง ถึงเธออยากจะให้เขาช่วยเรื่องต่างๆอยู่บ้าง แต่แค่เขาช่วยเรื่องเมื่อกี้ก็เกินไปแล้ว
“ห้ามปฏิเสธครับ”
ใบเตยจ้องไปยังจินที่มีสีหน้าจริงจัง และกลืนน้ำลายไม่รู้ตัวนี่เหมือนกับคำสั่งที่เธอไม่กล้าขัดเขาเพราะอาจจะเนื่องด้วยพลังที่เขาแสดงเมื่อกี้ เธอทำได้แค่พยักหน้าเบาๆ
จินยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ นี่คือการเอาคืนจากที่เธอพูดก่อนหน้านี้
เดินมาซักพักก็มาถึงรถ
“ขึ้นรถเลยครับ”
จินเอ่ยให้เธอขึ้นรถไปทันที แต่ใบเตยแสดงอาการงงงวยเพราะเธอไม่เห็นรถคันไหนนอกซะจากแลมโบ ตอนแรกเธอก็ตกใจว่ามีรถแบบนี้อยู่ที่ได้ยังไง คงไม่มีใครกล้าจอกชกรถแบบนี้ในสถานที่แบบนี้หรอกใช่มั้ย ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ถึงอะไรบ้างอย่าง ถ้านอกจากแลมโบคันนี้ก็ไม่มีรถคันอื่นอีกนั้นซึ่งก็แปลว่า..
ใบเตยหันไปจ้องใบหน้าของจินด้วยความจริงจัง ถ้าหากเขาไม่ได้ล้อเล่นแสดงว่านี้คือรถของเขางั้นหรอ ใบเตยพยายามสงบสติหากเขามีรถหรูและรวยจริงทำไมต้องไปอาศัยอยู่ที่หอเก่าๆแบบนั้นด้วยละ ใบเตยไม่คิดจะดูถูกหรืออะไรแต่มันค่อนข้างเชื่อได้ยากว่าจินเป็นเจ้าของรถคันนี้จริงๆ
ตอนนั้นเองสิ่งที่ยืนยันก็ปรากฎให้เธอเห็น จินเอากุญแจรถออกมาและกดไปที่มันไม่นานก็ได้ยินเสียงดังที่รถแลมโบคันนั้น จินเดินไปเปิดประตูให้ใบเตย
“เชิญครับ นั่งเลย”
ใบเตยแสดงสีหน้าตกตะลึงเขาเป็นเจ้าของรถคันนี้จริงๆ ทั้งหล่อและรวยแบบนี้มันเกินไปมั้ย ใบเตยได้เกิดคำถามในใจขึ้นมาอย่างมากมายแสดงว่าที่เขาอาศัยที่หอนั้นก็คือจุดประสงค์อื่นน่ะสิ เขาไม่ได้ขาดสนเรื่องเงิน
จินค่อนข้างที่จะเข้าใจเธอเพราะรู้ดีว่าจู่ๆคนที่ควรจะไม่มีตังและอาศัยอยู่หอเก่าๆก็รวยขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็ไม่อธิบายเพิ่มเติมเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอไม่มีทางเชื่อแน่ ถ้าหากเธอถามเขาจะแถไปมั่วๆเอง
ใบเตยขี้นรถอย่างง่ายดาย แต่ก่อนที่จินจะขึ้นรถนั้นก็มีเสียมือถือดังขึ้น
‘ตู๊ดดดด’
จินขมวดคิ้ว และลังเลว่าจะรับดีหรือไม่เพราะทุกเรื่องยุ่งยากก็มาจากปัญหามือถือเครื่องนี้ แต่ก็เชื่อในโชคชะตาของตัวเองเพราะยังไงคงไม่มีเรื่องที่ทำให้ยุ่งยากไปกว่าเมื่อวานอยู่แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นก็กดรับทันที
“ฮาโหลครับ นี่ใช่ท่านxxxxx xxxxx หรือป่าวครับ”
เมื่อได้เสียงแรกจากปลายสายจินก็เริ่มได้กลิ่นตุๆ นี่มันเหมือนกับเมื่อวาน? แถมมันแปลกที่เรียกเขาว่าท่าน แต่ก็ไม่ลังเลที่ตอบกลับไป เขาต้องการจะรู้
“ใช่ครับไม่ทราบว่ามีอะไรหรอครับ”
“คือว่า ผมคือตัวแทนของบริษัท GT นะครับคืออีกอาทิตย์หน้าทางเราจะมีการประชุมด่วนที่บริษัทแม่ ผมเลยอยากจะทราบว่าท่านว่างหรือป่าวครับ ”
บริษัท GT ? จินงงงวยแต่แล้วก็จำได้ว่าเมื่อวานตนได้หุ้นส่วนบริษัทนี้มา แถมตอนนี้ยังมีคนโทรมาบอกว่าให้ไปประชุนที่บริษัทแม่อีก นี่มันจะกระทันหันเกินไปมั้ย จินเริ่มรู้สึกแล้วว่าตั้งแต่ที่ตนได้ระบบมาทุกอย่างมันก็เร็วไปหมดทั้งเงินทองและรวมไปถึงปัญหายุ่งยากด้วย
‘เราลาออกจากงานแล้ว แถมก็ไม่ได้ไปไหนอีก คงไม่เสียหายหรอกมั้ง’
“อ่า ผมว่างอยู่ น่าจะไปได้”
“จริงหรอครับ!!!”
ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจเหมือนกับค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ที่ตนเองไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต้มเป็นประธานบริษัทของ GT สาขาไทยและได้รับเรื่องมาว่ามีหนึ่งในคนไทยที่เป็นหุ้นส่วนของบริษัทแม่ ตอนแรกที่ได้ฟังก็ตกใจมากๆไม่คิดว่ามีคนไทยเป็นหุ้นส่วนบริษัทนี้ด้วยเพราะไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาคนนั้นจะรวยแค่ไหน
แต่ก็ได้ยินจากปากบริษัทแม่มา หุ้นส่วนคนนี้ไม่เข้าประชุมหรือไม่มีส่วนรวมกับบริษัทมาหลายปีแล้วแต่จะเป็นคนที่จ่ายเยอะมากที่สุดนั้นเอง
“‘งั้นสะดวกจะบินวันไหนครับ จะเดี๋ยวนัดขึ้นเครื่องให้ท่านเอง”
จินก็รู้ถึงข้อนี้ บริษัทแม่ของGT นั้นอยู่ที่อเมริกาซึ่งแน่นอน มันต้องเป็นอย่างนั้นเพราะยังไงการที่มีเทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพและการพัฒนาที่ถูกต้อง ต้องมีทรัพยากรที่มากอเมริกาจึงสมควรเป็น
แต่สิ่งที่จินติดปัญหานั้นก็คือภาษาของเขานะสิ จริงอยู่ที่จินเรียนมาและฟังออกบ้างแต่เขาจะพูดยังไงให้เหมือนกับเจ้าของภาษา จินพอพูดได้แต่ยังไงสำเนียงก็เพี้ยนอยู่ดีมันจะเป็นปัญหาในการประชุมแน่นอน
‘คงมีล่ามอยู่มั้ง’
เขาคิดในแง่ดีเพราะยังไงบริษัทก็ใหญ่ขนาดนั้นก็คงมีล่ามมาแปลให้อยู่หรอก ตนเองเคยดูข่าวช่วงที่บริษัทนี้กำลังสร้างจรวดบรรจุคนไปอวกาศเลยได้ยินมาว่าหุ้นส่วนของบริษัทนี้คือคนที่มาจากประเทศต่างๆและพวกเขาลงทุนในสิ่งที่สนใจด้วยกัน นั้นจึงเป็นเหตุผลทำให้จินคิดว่าพวกเขาน่าจะมีล่ามแปลภาษา
“งั้นเอาวันมะรืนนี้ เดี๋ยวถึงวันผมจะแจ้งอีกที ใช้เบอร์นี้ในการติดต่อผมนะ”
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับ!!!”
แต้มพูดอย่างดีใจเพราะนี้คือข่าวของหน้าประวัติศาสตร์ที่หุ้นส่วนรายใหญ่จะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ไม่รอช้าเมื่อเห็นจินวางไปแล้วก็รีบโทรไปหาบริษัทแม่ทันที
จินเมื่อวางสายก็มองไปยังมือถืออีกครั้ง นี่คือมือถือที่ตนใช้เงินเดือนถึง 2 เดือนรวมกันเพื่อมาซื้อ มันเหมือนกับเพื่อนรักเพื่อนเก่าที่ตนใช้เวลาร่วมกันมา แต่ตอนนี้เหมือนว่าเจ้ามือถือเครื่องนี้อย่างกะมีอาถรรพ์ที่จะทำให้เขาเจอเรื่องยุ่งๆมากเรื่อยๆ
จินละความสนใจในมือถือถึงแม้มันจะมีอาถรรพ์แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแน่นอน นี่คือน้ำพักน้ำแรงที่ตนเองทนเหน็ดเหนื่อยกับมันเพื่อจะได้มือถือเครื่องนี้มา แต่เมื่อใช้ไม่ได้ค่อยไปซื้อเครื่องใหม่เอา
“มีอะไรหรือป่าวคะ”
ใบเตยลอดผ่านหน้าต่างรถออกมาแล้วถาม เธอไม่ได้รีบหรืออะไรแต่เพราะเมื่อไม่มีจินมานั่งด้วยมันเหมือนกับเธอไม่ควรอยู่บนรถนี้ เพราะมันสวยมากขณะที่เธอนั่งแค่แปปเดียวตัวเธอก็เกร็งทั้งตัวแล้ว
“อ่า ไม่มีอะไรครับ แค่มีคนโทรผิดนิดหน่อย ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”
จินเลี่ยงที่จะตอบคำถามเธอ ถึงจะรู้ว่ามันมีของแก้ตัวที่ดีกว่านี้ แต่เลือกที่จะตอบแบบนี้เพื่อจะไม่ให้ถามต่อ
“ไม่เป็นค่ะ”
จินเดินอ้อมรถและเปิดประตูไปที่นั่งคนขับ
เมื่อเห็นว่าจินขึ้นรถมาแล้วก็รู้สึกอุ่นใจ และอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆเพื่อที่จะสำรวจมันอีกครั้ง ต้องยอมรับเลยว่ามันสวยงานจริงๆ ใบเตยเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ฝันที่จะมีชีวิตดีๆเเละใช้จ่ายโดยที่ไม่กังวล แต่สิ่งที่เธอนั่งอยู่ตอนนี้มันเกินคำที่เธอเคยใฝ่ฝันไว้มากนี่มันมากเกินไปสำหรับคนอย่างเธอ
จินที่สังเกตอาการใบเตยก็ยิ้มออกมากอย่างเก็บอาการ ตอนที่นั่งรถนี้ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นลืมดูทางก็มี นี้แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้มีเสน่ห์มากแค่ไหน ส่วนเรื่องที่ต้องบินไปที่บริษัทนั้นเอาไว้ค่อยคิด จินไม่คิดว่ามันคือการไปประชุม แต่คือเที่ยวซะมากกว่าเสร็จจากที่นั้นก็จะเที่ยวอเมริกาทันที เขาอยากจะเที่ยวที่นั้นมานานแล้วแต่ก็ไม่มีตังไปซักที
“แต่เดี๋ยวนะ แล้วใครให้เบอร์เราไปเนี้ย”
“คะ? คุณได้พูดอะไรหรือป่าว”
“… ป่าวนะครับ”
จินกล่าวปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้คิดมากเพราะอาจจะเป็นพลังของระบบ การที่ตนเป็นหุ้นส่วนในสายตาของเขา ตนพึ่งได้รับมากแต่สำหรับคนอื่นเขาอาจจะเป็นส่วนอยู่จริงๆและตั้งหลายปีแล้วก็ได้ ระบบน่าจะสร้างข้อมูลขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐาน จินคิดแบบนั้น
จินใช้เวลาในการให้ใบเตยบอกทางกลับบ้านไม่นาน เพราะถัดจากที่ตลาดแค่สองซอยเอง แถวนี้เป็นหอพักซึ่งเขาก็เข้าใจที่เธอจากหอมานี้ก็เพื่อต้องการชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็กังวลว่าเธอจะมีเงินใช้มั้ย นี่ไม่ใช่การห่วงหรือสงสารเธอแต่สิ่งที่เธอเจอนั้นมันสาหัสมาก เขาอยากจะช่วยเธอให้ดีขึ้นอย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่ามีคนห่วงเธออยู่
ใบเตยลงมาจากรถและหันหน้าไปกล่าวขอบคุณจิน
“วันนี้ขอบคุณมากค่ะ วันนี้ก็ได้คุณช่วยอีกแล้ว ฉันคงตอบแทนคุณไม่หมดแน่ชาตินี้”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมไม่ได้คิดมากอยู่แล้วดูแลตัวเองดีๆนะครับ อย่าไปเครียดเยอะหรือถ้าหากมีเรื่องที่ไม่ดีโทรหาผมได้ ระบายให้ผมฟังอย่างน้อยถ้าคุณรู้สึกดี”
ใบเตยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหน ทั้งกล้าหาญและหล่อ ดีใจเหมือนกับเทพบุตร คำพูดของเขามันไม่มีถ้อยคำที่ไปในทางเสแสร้งเลย มีแต่ความห่วงใยที่บริสุทธิ์ ใบเตยดีใจมากที่เจอผู้ชายดีๆแบบนี้มันอดที่จะทำให้เธอพูดแซะเขาอย่างช่วยไม่ได้และในเวลาเดียวกันนี้ก็เพื่อดูว่าเธอทางสะดวกไหม
“ใจดีและหล่อแบบนี้ สงสัยคงมีแฟนแล้วใช่มั้ยค่ะ ”
ใบเตยยิ้มและพูดออกมา นี้คือรอยยิ้มที่กว้างที่สุดในรอบหลายเดือนแต่จินไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อใบเตยพูดคำว่าแฟนออกมาก็ต้องทำให้เขาถึงกลับสตั้นเล็กน้อย มันทำให้เขาคิดถึงแฟนเก่าที่ไม่คิดถึงเขาแต่คิดถึงแต่เงิน
“อ่ะ ขอโทษค่ะ ถ้าฉันทำให้คุณไม่สบายใจ”
“ฮ่าๆ ผมไม่มีแฟนครับ ว่าแต่จะไม่ให้ผมไปส่งถึงห้องจริงๆหรอ?”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ ขอบคุณมากสำหรับวันนี้”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ต้องการ จินก็พยักหน้าและกล่าวอำลาสักเล็กน้อยและขับรถออกไป
ใบเตยมองตามหลังรถ และค่อยๆผ่อนยิ้มลง
‘เมื่อกี้เขาเศร้า ทำไมล่ะ ทำไมถึงเศร้าขนาดนั้น’
ใบเตยเคยผ่านเรื่องความเศร้ามาก่อน ซึ่งสามารถรู้ได้ว่าจินเศร้า ถึงแม้จะแค่แปปเดียวแววตานั้นเศร้าเป็นอย่างมาก แถมเมื่อกี้เขาดูเมื่อจะเลี่ยงคำถามเธอโดยเร็วด้วย
ใบเตยคิดอยู่ในใจอะไรที่ทำให้เศร้าถึงขนาดนั้น……..