บทที่ 1 เจ้าสาวของอสูร(04)

1768 คำ
รามันกระชากช้องนางมายังรถจี๊ปคู่ใจ จัดการดันร่างระหงให้ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนมือหนาจะจัดการโยนทะเบียนสมรสไว้ด้านหลัง ทำเหมือนกับว่ามันเป็นแค่เศษกระดาษไร้ค่า จากนั้นก็ก้าวเดินมายังเบาะคนขับ อีกไม่กี่นาทีต่อมารถก็เคลื่อนตัวออกจากโรงแรมด้วยความเร็วและแรง ซึ่งทำให้ใบหน้านวลถลาไปกระแทกกับหน้ารถ จนเจ้าหล่อนร้องเสียงหลงออกมา “โอ๊ย!!” ฝ่ายคนทำก็ไม่ได้สนใจในเสียงร้อง มิหนำซ้ำยังหันมาตะคอกเสียงดัง “คาดเข็มขัดซะสิ ถ้าไม่อยากตาย” แล้วเร่งความเร็วของรถ ทำให้ช้องนางต้องรีบคว้าเข็มขัดมาคาดเอาไว้ เพราะชายหนุ่มยังคงเร่งเครื่องยนต์ไม่หยุด แถมยังแซงรถคันโน้นทีคันนี้ที เล่นซะหล่อนใจหายใจคว่ำ ต้องภาวนาถึงพระเจ้าไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ตลอดทางมีแต่ความเงียบ ริมฝีปากคมไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา ซึ่งก็ไม่ต่างจากช้องนางเช่นกัน หญิงสาวได้แต่เหล่มองใบหน้าคมในบางครั้ง อยากจะรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเงียบ แต่เมื่อเห็นว่าเขานั้นหันกลับมามอง เจ้าหล่อนก็รีบหลบสายตา มันทำให้รามันแสยะยิ้ม เมื่อคิดว่าเจ้าหล่อนนั้นจงใจหว่านเสน่ห์ “อยากมากหรือไง ถึงจ้องฉันไม่เลิก อยากให้ฉันเอาเธอบนรถนักหรือไง” บอกเสียงเย้ยหยัน พลางหันไปมองใบหน้าหวานของภรรยาตีทะเบียน คนฟังได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา ต้องเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเจอคำพูดที่แสนจะเหยียบย่ำศักดิ์ศรี ตอนนี้หล่อนรู้สึกถึงความร้ายกาจของเขาแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปอยู่ที่ไร่ เขายังสามารถพูดให้เธอน้ำตาตกได้ แล้วถ้าเข้าไปอยู่ หล่อนคงต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้แน่ๆ “ได้ยินฉันถามหรือเปล่า ช้องนาง” เขากดตะคอกถามซ้ำ ช้องนางพยักหน้าตอบและนั่งก้มหน้างุดแบบเดิม ก่อนจะส่ายหน้าออกมาอีกครั้ง เมื่อเขาถามคำถามเก่า ทำให้รามันยิ่งโมโห เพราะคิดว่าเจ้าหล่อนไม่สนใจในสิ่งที่ตนถาม ที่สำคัญเขาไม่ชอบคนที่ถามแล้วไม่ตอบ มือร้อนกระชากแขนเล็กแล้วออกแรงบีบจนช้องนางร้องลั่นเพราะความเจ็บ “ฉันไม่ชอบ คนถามแล้วไม่ตอบเข้าใจไหม แล้วเวลาฉันถามต้องตอบด้วยเสียงไม่ใช่ใช้ท่าทางแบบนี้” “นางเจ็บค่ะ ปล่อยนางก่อน นางเข้าใจแล้ว” น้ำตาใสไหลคลอเบ้าตาอีกหน พลางนึกในใจอย่างเจ็บช้ำ ‘ทำไมเขาต้องใช้กำลังกับหล่อน ทำไมถึงไม่ยอมพูดจาดีๆ ทำเหมือนกับหล่อนไม่ใช่คน เป็นเพียงสัตว์หรือสิ่งของ’ “จำเอาไว้ ทีหลังฉันถามอะไรต้องตอบ” เขาสะบัดข้อมือเล็กทิ้ง แล้วหันกลับมาสนใจกับท้องถนนข้างหน้าอย่างเดิม ปล่อยให้คนช้ำสะอื้นไห้อยู่ในใจ เพียงไม่นานนักรถคันโตก็แล่นเข้ามาสู่พื้นที่สุดกว้างของตระกูลอิศรเวช ทันทีที่รถจอดสนิท เสียงเหี้ยมก็เอ่ยสั่งการ “ลงมาได้แล้ว จะนั่งนิ่งให้รากมันงอกหรือไงฮะ” เขาบอกเสียงเอ็ดตะโร ทำสีหน้าฉุนๆ ไม่พอใจ ‘ผู้หญิงอะไรยอมแต่งงานได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักกันมาก่อน ผู้หญิงแบบนี้มันก็คงแค่ผู้หญิงหิวเงิน’ ไม่ทันที่สองขาจะก้าวตามคำสั่ง รามันก็กดตะคอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมอีกหน ใจดวงเล็กแทบตกไปอยู่ที่พื้น ด้วยความกลัวและตกใจ ทำให้เจ้าหล่อนก้าวเท้าไม่ออก เมื่อเห็นว่าช้องนางยังนั่งนิ่ง มุมปากหนาก็ยกขึ้นสูง พลันก้าวตรงไปหา “ที่ไม่ลงมา นี่คือมารยา อยากให้ฉันอุ้มใช่ไหม ได้สิ! เดี๋ยวฉันจะอุ้ม” พูดจบก็กระชากร่างสวยให้หันมาเผชิญหน้า หลังจากนั้นก็รวบขึ้นพาดบ่า “ว้าย!!” ช้องนางร้องลั่นเพราะความตกใจ “ปล่อยนางลงเถอะค่ะ นางจะเดินเอง” ชายหนุ่มไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอ เท้าหนายังคงก้าวเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องที่เขานั้นจัดเตรียมไว้สำหรับเจ้าสาวไร้ค่าคนนี้ พอถึงห้องก็จัดการโยนเจ้าหล่อนลงไปกลางเตียงไม้แสนแข็ง “โอ๊ย!!” ช้องนางร้องลั่นด้วยความตกใจและนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “จำเอาไว้ ถ้าฉันสั่งให้ทำอะไรก็รีบทำ อย่าโอ้เอ้ ฉันไม่ชอบ ห้องนี้ฉันยกให้เธอ ห้ามเธอขึ้นไปก้าวก่ายที่ห้องของฉัน แล้วที่สำคัญ ถ้าฉันอยากเมื่อไร จะมาใช้บริการเธอเอง ไม่ต้องไปเสนอตัวให้ฉั…น” ไม่ทันที่รามันจะพูดจบประโยค ใบหน้าคมก็ชาวาบแล้วสะบัดไปตามแรงตวัดฝ่ามือเล็ก “เลว!!” เธอด่าทออย่างเหลืออด “ใช่! ฉันเลว ฉันเถื่อน และที่สำคัญ ฉันเกลียดผู้หญิงหิวเงินอย่างเธอ” มือหนาคว้าคนอวดดีเข้ามาใกล้ แล้วบีบคางมนให้เงยขึ้น “จำเอาไว้ ฉันจะให้เธอตบฟรีครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีครั้งหน้า เธอได้แหลกเป็นจุณแน่” แววตาคมนั้นวาววับราวกับต้องการขย้ำผู้หญิงตรงหน้าให้แหลกเป็นจุณ จนช้องนางรู้สึกสะท้าน ก่อนที่รามันจะผลักให้ช้องนางออกไปห่างกาย คนเจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน พลางตัดพ้อเขาด้วยสายตาหมองหม่น แต่ทว่ามันก็ไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในก้อนเนื้อข้างซ้ายของรามันเลยสักนิด เพราะตอนนี้หัวใจดวงนี้ ไร้ความรู้สึก ไร้ความรัก มันได้กลายเป็นหิน ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว “เอ้า!! ร้องเข้าไป เธอจะร้องทำไม เธอเป็นคนเสนอตัวมาให้ฉันเองนะ จะมาร้องไห้ไปทำไม” เขาบอกพร้อมกับจัดการโยนเสื้อผ้าให้ “เอาไปเปลี่ยนได้แล้ว เดี๋ยวจะพาไปทำงานที่ฟาร์ม อยู่ที่นี่เธอก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนงานของฉัน เข้าใจไหม และขอร้องกรุณาอย่าไปหว่านเสน่ห์พวกลูกน้องของฉัน เพราะที่นี่ไม่ใช่ซ่อง” แต่ละคำพูดเหมือนมีดคมๆ ซึ่งกำลังกรีดลงที่หัวใจให้รู้สึกทรมาน พอพูดจบรามันก็ถอยห่างออกไปยืนรอหน้าห้อง ช้องนางทำได้เพียงปล่อยน้ำตาให้รินไหล กัดริมฝีปากไว้แน่นข่มความรู้สึกชอกช้ำ ก่อนที่จะนึกถึงคำพูดของบิดาที่พร่ำสั่งสอนเสมอ ‘เกิดเป็นคนต้องอดทน เจอปัญหาใหญ่เล็กต้องตั้งสติ อย่าวู่วามผลีผลาม เจอใครอารมณ์ร้อนใส่ เราต้องใจเย็น อย่าไปร้อนกับเขา’ “พ่อขา หนูจะสู้เพื่อพ่อนะคะ พ่อให้กำลังใจหนูด้วยนะคะ” มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้ง รีบคว้าเสื้อผ้าที่ซาตานใจร้ายโยนทิ้งไว้ให้ขึ้นมา เพื่อนำไปผลัดเปลี่ยน แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องน้ำ ดวงตากลมก็มองสำรวจรอบๆ ห้อง ในห้องนี้ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรสักอย่าง มีเพียงเตียงนอนขนาดเล็ก กับตู้ไม้เก่าๆ เพียงหนึ่งตู้เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับหล่อน หล่อนไม่ได้ต้องการความสะดวกสบาย แต่ขอเพียงให้เขาเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงบ้าง ไม่ใช่ทำกับเธอเช่นสิ่งของไร้ราคาเช่นนี้ ฝ่ายรามันก็เริ่มหงุดหงิดใจ ที่ยังไม่เห็นหญิงสาวออกมาจากในห้อง พาลหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อลูบไปที่ใบหน้าคมซึ่งมีรอยแดง ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขา แต่ดูสิ เจ้าหล่อนมาแค่วันเดียว กลับกล้ามาโอหัง แบบนี้เขาน่าจะบีบให้ตายคามือนัก ก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที แต่ประตูห้องก็ยังคงปิดสนิท คนที่รอคอยยังไม่ออกมา เมื่อรอแล้วรออีกก็ไม่มีวี่แววว่าช้องนางจะออกมา รามันจึงเดินปึงปังเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองหา เมื่อไม่พบก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำพร้อมกับผลักประตูให้เปิดออกอย่างแรง ริมฝีปากหนากำลังจะอ้าออกเพื่อเอ่ยต่อว่า แต่ก็ต้องอ้าค้าง เพราะตอนนี้ร่างกายของช้องนางนั้นมีเพียงบราเซียร์สีสวยและซับในตัวจิ๋วเท่านั้น ภาพตรงหน้ามันช่างสวยงาม ยั่วยวนใจ ไม่คิดว่าตัวเล็กๆ แบบนี้จะมีอะไรที่ใหญ่เกินตัว ดวงตาคมไล่มองตั้งแต่ศีรษะทุยเลื่อนลงมายังซอกคอขาว ทรวงอกที่ล้นทะลัก รามันกำลังตกอยู่ในภวังค์ แต่ไม่นานก็ละสายตาไปทางอื่น มุมปากยกสูงเมื่อคิดว่าเจ้าหล่อนคงจงใจยั่วตน ฝ่ายช้องนางนั้นก็มัวแต่ตกใจ ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำการอุกอาจ กล้าบุกเข้ามาในนี้ “จะยืนแก้ผ้าให้ฉันดูอีกนานไหม รีบๆ เปลี่ยนเข้าสิ” เสียงเหี้ยมนั้นกดตะคอก พร้อมกับเบือนหน้าหนีอีกหน ไม่คิดเลยว่าแค่เห็นทรวดทรงองเอวของหญิงสาวเพียงแค่นี้ อารมณ์ดิบเถื่อนในตัวของเขาจะถูกปลุกขึ้นมา จนเลือดในกายมันวิ่งพลุ่งพล่านไปหมด ช้องนางรีบหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ทันที ใบหน้านั้นแดงก่ำราวกับเป็นไข้ ไม่คิดเลยว่าเพียงพบเขาแค่วันเดียว เขาจะทำให้เธอทั้งเจ็บและอายได้ถึงขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าช้องนางสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว รามันก็สาดกระหน่ำความร้ายกาจให้อีกหน “แต่งตัวอะไรนานขนาดนี้แม่คุณ ที่นี่มันไม่ใช่บ้านเธอนะ นี่มันไร่ของฉัน เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรอืดอาด” เขาต่อว่าพร้อมกับดึงข้อมือเล็กให้เดินตามไปยังรถจี๊ปคู่ใจ แล้วรถคันโตก็พุ่งทะยานตรงเข้าไปในฟาร์มโคนม ไม่ถึงสิบนาทีล้อรถก็เลี้ยวเข้าในอาณาเขตฟาร์มโคนม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่ส้มและบ้านพักเท่าไรนัก พอมาถึงมือหนาก็ฉุดให้ช้องนางลงจากรถ จัดการพาไปยังโรงเรือนพักโค “ลุงชอบครับ ผมพาคนงานใหม่มาเพิ่ม ช่วยสอนงานให้เธอด้วยครับ ให้ทำความสะอาดโรงเรือนหลังนี้ครับ ส่วนคนอื่นๆ ก็ให้ไปทำความสะอาดโรงรีดน้ำนม” เสียงเข้มข้นเอ่ยบอกลุงชราวัยหกสิบ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม