@De angel club
คลับหรูใจกลางเมืองเป็นที่นัดหมายในวันนี้ เพราะรับปากเอมมี่และวาริธรไป พิมพ์พลอยจึงมายืนถอนหายใจท่ามกลางหมู่มวลผีเสื้อราตรี
จริงอยู่เธอไม่ใช่คนชอบเที่ยวสถานที่แบบนี้เท่าไร แต่ก็ไม่ได้ใสซื่อถึงขนาดแต่งตัวไม่เป็น วันนี้เรือนร่างสุดเซ็กซี่จึงสวมใส่ชุดเดรสสั้นคล้องคอสีกรมพร้อมอวดแผ่นหลังขาวเนียนให้พอเป็นพิธีเท่านั้น เอาแค่ให้พอเข้ากับบรรยากาศไม่ได้ตั้งใจโชว์อะไรมากมาย กระชับกระเป๋าคลัทช์ใบเล็กในมือก่อนเดินตรงไปยังเป้าหมาย
พวกเขาเลือกจองโซนวีไอพีซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวไม่ได้เบียดเสียดเหมือนภายนอก ซุปตาร์หนุ่มมาเที่ยวสถานที่อโคจรแบบนี้ต้องระมัดระวังตัวเป็นธรรมดาพิมพ์พลอยเข้าใจดี
มุมนี้จึงมีเพียงแค่โต๊ะที่ตั้งอยู่ห่างจากโซฟาไม่กี่ตัวเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถามถึงราคาซึ่งมันครอบคลุมเรื่องความปลอดภัย เรียกได้ว่าคุ้มสำหรับการรักษาภาพลักษณ์ของพระเอกแถวหน้า ให้รอดพ้นจากบรรดาเหยี่ยวแร้งซึ่งหมายจะรุมทึ้ง
“สวัสดีค่ะพี่เอมมี่ คุณคราม” รอยยิ้มหวานยกทักทายทั้งสองคนซึ่งมาถึงก่อนหน้าเธอได้สักพัก
“ว้าว ปกติไม่เคยเห็นน้องพิมพ์ลุคนี้มาก่อน สวยมากค่าคุณน้อง” พรั่งพรูถ้อยคำเอ่ยชมไม่หยุดปาก
“ขอบคุณนะคะ” ต้องขอบคุณคำชมของเอมมี่มันช่วยให้พิมพ์พลอยไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือเขินอายจากสายตาคมเข้มของวาริธรเท่าไหร่ แม้จะขยันไล่มองเธอด้วยประกายวาววับ
…ก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจขนาดนั้น เหนื่อยใจมากกว่าที่ต้องมาอยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่พึงปรารถนา
“นั่งสิคุณ” ชายหนุ่มคนเดียวในโต๊ะพูดพร้อมส่งสายตาไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“สั่งอะไรดีจ๊ะน้องพิมพ์” เอมมี่เอ่ยถามในขณะที่ร่างบางทรุดตัวนั่งลงตามคำสั่ง
“ขอไวน์ให้คุณผู้หญิงหน่อยครับ” ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไร วาริธรซึ่งดูเหมือนจะเชี่ยวชาญราวกับสถานที่แห่งนี้คือถิ่นของเขา เลือกสั่งออร์เดอร์กับพนักงานทันที
“ฉันไม่ดื่มค่ะ” เสียงหวานแย้งขึ้นฉับพลัน
“จริงจัง” ชายหนุ่มจอมกวนมองเธอราวกับไม่เชื่อสายตา ภายนอกที่ดูเหมือนกับสาวแกร่งเพราะติดเย็นชา ทั้งยังมีความหวานซ่อนอยู่เธอทำให้เขารู้สึกประหลาดใจในทันที ไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้แฮะ
“ค่ะ ขอเป็นอย่างอื่นดีกว่า”
“งั้นอะไรดีน้า…” เหมือนทำท่าครุ่นคิดแต่รู้ดีว่าชายหนุ่มจงใจเล่นแง่ใส่กัน ดวงตากลมโตจึงเลื่อนมองเขาและสื่อความหมายว่า...
‘หยุดกวนใจกันสักที!’
“หรือให้พี่สั่งน้ำส้มให้น้องพิมพ์ดีคะ” เอมมี่ประเมินแล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มไม่สู้ดี พ่อลูกรักขยันแกล้งในขณะเดียวกันฝ่ายหญิงก็ดูท่าจะไม่ยอมลงให้ง่ายๆ ขัดจังหวะขึ้นมาเพราะไม่ต้องการให้ซุปตาร์หนุ่มปะทะอารมณ์กับเจ้าหญิงน้ำแข็ง
หล่อนรู้ดีว่าเวลาพิมพ์พลอยโกรธนั้นหญิงสาวเป็นเช่นไร!
แม้ติดเย็นชาเหมือนเก็บซ่อนทุกความรู้สึก แต่แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่คนแบบนั้นเลยสักนิด บางครั้งน้ำแข็งก็สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นพายุฤดูร้อนได้ไม่ยาก ถ้าเจอคนปากมากมาคอยกระตุ้น
“ค่ะ”
“เด็กน้อยจัง” เหมือนชายหนุ่มจอมกวนจะยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น เสียงเข้มพูดขึ้นพร้อมต้องการปลุกปั่นโทสะของเธอ
“คุณ!” พิมพ์พลอยมองเขาตาเขียว
“สรุปเอายังไงครับคุณผู้หญิง” สายตาดูถูกในคำตอบเหล่านั้น คนตัวเล็กเกลียดมันที่สุด
“ไวน์ค่ะ! พิมพ์ดื่มได้” ยิ่งเขาปั่นป่วนเธอมากขึ้นเท่าไร พิมพ์พลอยยิ่งอยากแสดงให้ชายหนุ่มเห็นว่าตนเองไม่ใช่แบบที่เขาปรามาสไว้นะ แค่ไวน์ทำไมจะดื่มไม่ได้ เดี๋ยววาริธรจะได้รู้ว่าท้าทายผิดคนแล้ว
“หึ” เธอเกลียดเสียงหัวเราะในลำคอของหมอนี่ที่สุด เพียงไม่นานไวน์แดงถูกเสิร์ฟมาให้คนตัวเล็ก ร่างบางจึงรับแก้วก่อนจิบเบาๆ และยกยิ้มหวานให้ซุปสตาร์หนุ่มหนึ่งที
“ชนกันหน่อยสิครับคุณพิมพ์”
“คราม!” เอมมี่หันไปปรามเมื่อเห็นลูกชายตัวดียังไม่เลิกลา ดูก็รู้วาริธรถูกอกถูกใจผู้หญิงคนนี้ แต่พิมพ์พลอยไม่ใช่คนที่เขาจะเอาตัวเข้าไปยุ่งไง
เพราะอะไรน่ะหรือ…เพราะหล่อนมีสามีอยู่แล้ว!
“ค่ะ ชน”
“ถ้าน้องพิมพ์ไม่ไหวบอกพี่ได้นะคะ นี่เอารถมาเองรึเปล่า”
“เอามาค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะพี่เอมมี่ พิมพ์ไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น” คลี่ยิ้มบอกคนหวังดีให้หล่อนสบายใจ
“เหรอครับ”
“ค่ะ!” น้ำเสียงติดประชดประชันฟังดูแล้วเธอโมโหมันที่สุด ถ้าไม่ติดว่าเป็นแขกพิเศษที่ลูกค้าต้องการตัวนะ ไม่มีทางที่ร่างบางจะมานั่งอยู่ตรงนี้ แค่คิดก็เสียเวลาจะนอนแย่ ชายหนุ่มไม่ได้ดูน่าสนใจขนาดนั้น เธอบอกเลย
“งั้นพี่ขอตัวสักครู่นะคะ ครามอย่าไปแกล้งอะไรน้องพิมพ์นะ” เอมมี่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมเดินออกไป
“ดื่มน้อยจัง” ไม่ถึงเสี้ยววินาทีคนที่ถูกสั่ง ก็ยอกย้อนถามพิมพ์พลอยขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงเคลื่อนตัวเข้ามานั่งฝั่งเดียวกันกับเธอ
คนตัวเล็กเขยิบหนีอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าที่วาริธรทำอยู่ตอนนี้ชายหนุ่มต้องการอะไร
หมอนี่ประสาทกลับหรือเปล่า ทำไมถึงขยันหาเรื่องเธอ!
ยิ่งเธอถอยห่างมากเท่าไรเขาเหมือนสนุกสนานจึงไล่ต้อน เพราะความอยากเอาชนะทำให้เรือนร่างดูดีเบียดชิดคนอวดเก่งจนติดขอบโซฟา
“คุณต้องการอะไร” เลิกคิ้วถามเม้มปากแน่นมองบนเพราะเริ่มทนไม่ไหว วาริธรชื่นชอบคนเจ้าพยศ รู้สึกถูกใจจนอยากครอบครอง
“ก็เปล่านี่ครับ” แม้เลือกตอบราวกับว่าไม่มีอะไร ทว่าสายตาคมเข้มนั่นมันบอกว่าไม่ใช่
“ฉันถาม” พิมพ์พลอยถามย้ำอีกครั้งพร้อมถอยห่าง เมื่อซุปตาร์หนุ่มนั้นพาดแขนขึ้นมาจนเบียดชิดคนข้างกาย ไหล่บางตึงขึ้นทันใดพยายามดิ้นหนีด้วยแรงอันน้อยนิด
“ก็ได้ผมยอมบอก” ยิ้มละมุนแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนรู้สึกขนลุกซู่ มือหนาของเขาวางแก้วคริสตัลลง ก่อนเอื้อมไปลูบไล้บริเวณแก้มใสอย่างอารมณ์ดี
“เอ๊ะ!...คุณ” พิมพ์พลอยเบิกตากว้างตกใจสุดฤทธิ์ ไม่คิดว่าวาริธรจะใจกล้ารุกล้ำเข้ามาใกล้ชิดกันขนาดนี้
“ถ้าบอกว่าต้องการ ‘คุณ’ จะได้มั้ยครับ” สิ้นประโยคนั้นใบหน้าหล่อนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้แค่คืบ
“อ้าว คราม” ทว่าเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ จนวาริธรจำใจต้องผละห่างจากร่างบางที่เขาปรารถนาอยากใกล้ชิดเหนือสิ่งอื่นใด พิมพ์พลอยเบิกตากว้างขวัญหนีแทบสิ้นสติ เมื่อได้ยินปลายเสียงหวานที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
…จะเป็นใครไปได้ล่ะ พี่สาวสุดที่รักไง!
“สวัสดีครับพี่พีช” นัยน์ตาหวานมองไปยังคนที่พึ่งมาถึง พิชชาแย้มยิ้มให้เธอ แต่ก็ไม่วายกระชับวงแขนควงร่างสูงที่หล่อนมาด้วย
“ไม่คิดนะว่าจะเจอเรากับ…น้องสาวพี่ที่นี่” หล่อนพูดในขณะที่สายตาเจ้าเล่ห์เลื่อนมองไปยังคนที่เรียกว่าเป็น ‘น้องสาว’
เหมือนถูกแช่แข็งฉับพลัน เพราะสายตาหันไปปะทะกับชายหนุ่มที่นอนร่วมเตียงเดียวกันแทบทุกค่ำคืน นาวินไม่ได้ยิ้มทักทายอะไรภรรยาตัวน้อย ใบหน้าหล่อเหลาติดเรียบเฉยเสียมากกว่า
แม้ภายนอกจะพยายามแสร้งสงบนิ่งแค่ไหน แต่ในใจรู้ดีว่ามันร้อนรนไม่ชอบใจเมื่อเห็นคนซึ่งเขาตามหาตั้งแต่เย็นอยู่ที่นี่!
การกระทำของพิมพ์พลอยสะกิดใจนาวินอย่างจัง คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเขาไม่ควรมานัวเนียกับชายอื่นอย่างไม่อายฟ้าอายดินอยู่ตรงนี้
…โดยเฉพาะผู้ชายที่ไม่ใช่สามี!
“นั่งด้วยกันมั้ยครับ” เอ่ยชวนตามมารยาท
“ไม่เป็นไร ไม่อยากรบกวนเวลาของทั้งสองคน ขอดีกว่า” นัยน์ตาคมกริบของผู้ชายข้างเจ้าหล่อนสามารถปั่นประสาทร่างเล็กได้ไม่ยาก
วินาทีที่เผลอมองดวงตาสีรัตติกาลแล่นเอาความรู้สึกบางอย่างเตะเข้าหัวใจอย่างจัง ไม่แน่ใจว่าจะลุกลี้ลุกลนกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นผู้หญิงไม่ดีทำไม
…เราสองคนมีเหตุผลอะไรที่ต้องแคร์กันด้วยหรือ
…ไม่คิดว่ามีอะไรเกี่ยวพันถึงขนาดต้องสนใจความรู้สึกของเขา
แต่ถ้าหากพิมพ์พลอยสังเกตดีๆ อาจรับรู้ได้ว่าภายใต้ใบหน้าคมคายซุกซ่อนความกรุ่นโกรธไว้มากมายเพียงใด ใครมันจะชอบใจที่เมียตีทะเบียนมานั่งทำอะไรไร้เกียรติอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ตนเองก็ควงพิชชาไปต่ออย่างเช่นไร
…เรียกได้ว่า ‘เห็นแก่ตัว’ คงจะได้มั้งนาวินไม่ชอบแชร์ของร่วมกับใครนี่นา โดยเฉพาะผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา ยิ่งไม่สมควร!
“เรามาต่อเรื่องของเราดีกว่า” วาริธรหันจ้องคนข้างกายราวกับเสือขย้ำเหยื่อ
“พอ! ถ้าคุณจะกวนประสาทฉันอีกขอตัว” เหมือนเส้นความอดทนมันใกล้หมดลง มือบางดันอกแกร่งของซุปตาร์หนุ่มออกพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ดวงตากลมโตจ้องเขาเขม็ง ก่อนคว้ากระเป๋าคลัทช์ใกล้มือราวกับจะบอกว่าเธอจะไป
หมับ!
ทว่าคนดื้อรั้นกลับไม่สนใจ เขาไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวหนีไป ง่ายๆ เด็ดขาด มือปลาหมึกเอื้อมคว้าแขนเรียวเล็กของเธอเข้าอย่างจัง ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายก็สามารถฉุดรั้งให้คนตัวเล็กทรุดตัวนั่งอยู่บนตักแกร่งของตนเองได้ภายในวินาทีเดียว
“คุณคราม!” พิมพ์พลอยเรียกชื่อเขาดังลอดไรฟัน ก่อนดิ้นขลุกขลักพร้อมออกจากอ้อมกอดราวกับรังเกียจ ใบหน้าหวานแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ผู้ชายนิสัยแย่กำลังคุกคามเธออยู่!
“โอเค…ผมไม่แกล้งคุณแล้ว” ชายหนุ่มยกมือขึ้นราวกับแพ้ราบคาบ หัวใจแกร่งเต้นแรงขึ้นเมื่อเผลอใกล้ชิดคนตัวเล็ก กลิ่นกายหอมกรุ่นของเธอปลุกสัญชาตญาณนักล่าจนวุ่นวายใจไปหมด
“ดื่มกันเถอะ ครั้งนี้แค่ดื่มจริงๆ” เขาดันแก้วไวน์แกมเชิญชวน พิมพ์พลอยถอนหายใจคล้ายเบื่อหน่าย ถ้ายอมดื่มแก้วนี้แล้ววาริธรจะปล่อยเธอใช่มั้ย
“อืม งั้นเอามา และถ้าคุณอยากดื่มอย่าทำแบบเมื่อกี้กับฉันอีก”
“ครับ ไม่แกล้งแล้ว” ว่าแล้วได้ทียกยิ้มสวยมา ซ้ำยังถือวิสาสะลูบ เรือนผมยาวอย่างลืมตัว
“นี่คุณ!”
“ค้าบ” ได้แต่หัวเราะมองคนเจ้าพยศแต่แสนน่ารัก ภาพของทั้งคู่เวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคู่รักเลยสักนิดเดียว พิมพ์พลอยดื่มไวน์แก้วแล้วแก้วเล่าเพื่อระบายความหงุดหงิดในใจ
…หงุดหงิดที่ต้องถูกบังคับเช่นนี้
…หงุดหงิดที่เจอเขาคนนั้น
ทว่าหญิงสาวไม่รู้เลยว่า ทุกการกระทำของเธอและวาริธรอยู่ในสายตาเจ้าของเรือนร่างสูงซึ่งนั่งอยู่ยังโต๊ะโซนเดียวกันมาตลอด
มือหนากำหมัดแน่นเมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของผู้ชายคนอื่นกับภรรยาตนเอง ที่นี่ไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด ใจเขาร้องค้านขึ้นมา
เพราะอะไรน่ะหรือ…เพราะเธอขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขาไง ‘ผู้หญิงของนาวิน’ ไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้
“เป็นอะไรเหรอคะวิน” พิชชาถามในขณะที่เล็บยาวนั้นเลื่อนผ่านยังอกแกร่งซึ่งโผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีดำ ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนพยายามทำอย่างนี้
“เปล่าครับ”
“คุณหงุดหงิดอะไรรึเปล่า…พีชช่วยคุณได้นะคะ” ริมฝีปากเคลือบลิปสีแดงว่า ก่อนเอนกายลงไปซุกซบบริเวณบ่ากว้าง
หมับ!
ชายหนุ่มจับมือเล็กแสนซุกซนออกไปให้พ้นทาง รู้สิ่งที่พิชชาปรารถนามาโดยตลอด ทว่าเจ้าหล่อนยังคงไม่ยอมแพ้ นางเอกสาวสู้ไม่ถอยใช้มือบางเลื่อนลงไปยังหัวเข็มขัดสีสนิม
“ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” เมื่อเห็นว่าเป้าหมายเดินออกไปจากโต๊ะแล้ว ก็เดาได้ว่าเธอต้องไปทำอะไรสักอย่าง นาวินรีบผละออกห่างพิชชาทันทีโดยไม่สนใจว่าหล่อนจะหงุดหงิดหรือไม่พอใจแค่ไหน
วินาทีนี้คนเดียวที่อยู่ในสายตาคือผู้หญิงจอมอวดดี กล้าเมินกันงั้นหรือ รู้จักผู้ชายขึ้นชื่อว่าเป็นสามีน้อยไปเสียแล้ว เห็นทีต้องสั่งสอนกันสักหน่อยเธอจะได้รู้สำนึก!
ด้านพิมพ์พลอยลุกเดินออกจากโต๊ะด้วยท่าทีมึนงง ดวงตาเธอหนักอึ้งมันเหมือนเริ่มจะพร่ามัวลงเต็มที หญิงสาวจึงไม่รอช้าพาเรือนร่างซึ่งใกล้หมดสติเข้าไปในห้องน้ำ
อย่างน้อยหวังเพียงว่าน้ำเย็นจะสามารถช่วยดับความมัวเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ครั้งนี้ได้ ทว่าเหมือนคิดผิด
หมับ!
“เงียบ!”
น้ำเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยเปล่งออกมาจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมจางๆ ของผู้ชายเตะเข้าจมูกในขณะเดียวกันที่ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนลงมาซุกไซ้ไหล่มน มือใหญ่ของเขาปิดปากเธอจนแน่นสนิท ไม่อาจส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือได้
…ผู้ชายคนนี้โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า
คนตัวโตดันร่างเล็กซึ่งไร้หนทางสู้เข้าไปในห้องน้ำอย่างหยาบคาย พิมพ์พลอยเบิกตากว้าง หายใจเริ่มติดขัดเมื่อมองเห็นแววตาของเขาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มสีรัตติกาลราบเรียบนั่น เธอรู้ดีว่ามันซุกซ่อนความโกรธเคืองไว้เพียงใด ดวงตาที่มองเขม็งมาราวกับต้องการระบายทุกความรู้สึกอัดอั้นภายในของตนเองไว้กับเธอ
พิมพ์พลอยรับรู้ถึงมันแล้ว…
“คะ…คุณ”
“ตกใจเหรอที่เห็นสามี” เสียงเย็นนิ่งเรียบราวกับไม่มีอะไร แต่แววตาคมเข้มเริ่มไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับต้องการกลืนกิน และก็ได้ผลเพราะมันสามารถสร้างความปั่นป่วนในช่องท้องน้อยได้ภายในชั่วพริบตา ใบหน้างามวูบไหวไปหมด จนมือบางซึ่งสั่นระริกอยู่นั้นรู้สึกถึงความเปียกชื้นจากเหงื่อ
…ทำไมต้องทำเหมือนร้อนตัวราวกับมีความผิดเป็นชนักติดหลังด้วย
“ฉันถามว่าตกใจเหรอ!” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงโกรธเคืองเท่าไร ติดคงเส้นคงวาเสียด้วยซ้ำทว่ามันช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้ชิดพร้อมเลื่อนริมฝีปากกระซิบข้างใบหูเล็ก
“ปะ…เปล่า” หายใจติดขัดฉับพลันยามเขางับบริเวณติ่งหู
“จะทำอะไร”
“คุณต้องการอะไร” แกล้งถามย้ำอีกรอบแม้ไม่ใช่คนโง่ก็น่าพอจะดูออกรึเปล่า อุกอาจและชัดเจนขนาดนี้
“แล้วคิดว่า สามีควรลงโทษภรรยาที่ริอ่านมีชู้ยังไงล่ะ” สิ้นเสียงนั้นนาวินไล่ต้อนเธอจนชิดกำแพง ความกลัวแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจกระสับกระส่ายไปหมด รู้ตั้งแต่วินาทีนี้เขาจะไม่อ่อนข้อให้กันอีกต่อไป
คนใจร้ายสลัดความสงสารทิ้งตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นพิมพ์พลอยคลอเคลียกับคนอื่นแล้วด้วยซ้ำ ผู้หญิงหน้าไหว้หลังหลอกอย่างเธออย่าหวังว่าเขาจะเห็นใจ ควรสั่งสอนให้หลาบจำเพื่อย้ำเตือนให้รับรู้ว่า
…อย่าริอ่านลองดี!
“อย่า”
“ไม่ทันแล้วคนดี” ร่างสูงจับคางมนเชิดขึ้นก่อนกระแทกจุมพิตลงมาตามแรงอารมณ์ ลิ้นร้อนแทรกตัวเข้าไปในโพรงปากเหมือนเอาแต่ใจ ชายหนุ่มตวัดเกี่ยวพันลิ้นของเธอพร้อมดูดกลืนมันราวกับหิวกระหาย
สัมผัสของผู้เป็นสามีเริ่มทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้ความช่ำชองที่มีเหนือกว่ารังแกคนไม่มีทางสู้ทุกวิถีทาง พิมพ์พลอยเหมือนขาดอากาศหายใจ เพราะชายหนุ่มไม่ยอม เขาไม่แม้แต่กระทั่งให้โอกาสผละห่างกาย จุมพิตแสนหยาบคายที่มอบให้ เหมือนต้องการจาบจ้วงปล้นชิงลมหายใจของเธอให้หมดลงตรงนี้
อย่าว่าแต่ปรานีหรือสงสารกันเลย เมื่อคนเลือดเย็นตั้งใจจัดการกับหญิงสาวที่ขยันเพิ่มเชื้อไฟให้เปลวเพลิงอย่างเขาจนลุกโชน
“อะ…อึก” เธอทุบตียังอกแกร่งเป็นเชิงขอร้องให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำแสนเลวร้าย ทว่าคนเห็นแก่ได้กลับไม่ยอมเชื่อฟัง เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าร่างบางจะแดดิ้นทรมานมากน้อยแค่ไหน ความพอใจของตนเองสำคัญที่สุด
“ยะ...หยุด” นาวินเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาไล่ลงมาขบเม้มยังซอกคอขาว
“หุบปาก! ถ้าไม่อยากอาย” ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด ฟันคมนั้นทิ้งร่องรอยสีกุหลาบไว้ราวกับตั้งใจประกาศให้รู้ว่าเธอเป็นของใคร!
ไม่ว่าจะไอ้สวะหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องผู้หญิงคนนี้!
“อะ…อึก” แทรกปลีน่องเข้ามายังบริเวณเรียวขาเล็กเพราะตั้งใจเปิดทาง ทว่าชายหนุ่มยังคงใช้ริมฝีปากตีตราทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างแสนหวาน
พิมพ์พลอยหายใจติดขัด ทรมานอย่างสุดซึ้งเมื่อนิ้วเรียวยาวของนาวินกรีดลงมายังบริเวณใจกลางดอกไม้งามผ่านชั้นใน เล็บยาวขีดข่วนยังผนังเพราะต้องการระบายอารมณ์วาบหวามทั้งหมดให้จบสิ้นไป
“ทะ…ทำอะไร”
“ไม่น่าโง่นะ” ชายหนุ่มตอบกลับแต่ก็ยังไม่หยุดการกระทำแสนเลวร้าย นิ้วเรียวเคลื่อนตัวไปมาจนคนตัวเล็กหอบสะท้าน ควานหาอากาศหายใจฉับพลัน ใบหน้าหวานเงยหน้าไม่อาจมองในสิ่งที่ผู้เป็นสามีกำลังลงโทษเธอได้
อับอายเหลือเกินที่ปล่อยให้เขากระทำกับร่างกายตนเองเช่นนี้
“อะ…อ๊ะ” พยายามกัดริมฝีปาก กลั้นเสียงครางสุดฤทธิ์เพราะอับอายแต่ดูเหมือนเปล่าประโยชน์ ยิ่งเธอต่อต้านมากเท่าไหร่เขายิ่งปลุกปั่นความต้องการ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าใครจะมาเห็นและนำไปพูดต่อ ชื่อเสียงของเธอมันไร้ค่าถึงขนาดนั้น
มือหนาเลื่อนชั้นในสีหวานจนร่วงหล่นลงมาอย่างรวดเร็ว ใช้นิ้วกรีดลงไปยังกึ่งกลางของกลีบดอกไม้อีกครั้ง ทว่าครานี้กลับรุกล้ำโหมกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ
พิมพ์พลอยใช้มือปิดปากตัวเองเพราะไม่ต้องการให้เสียงหวานเล็ดลอดออกไปให้ใครได้ยินจนเผลอสงสัย
ยามนิ้วร้อนแทรกตัวลงไปยังกลีบดอก ก่อนจะเริ่มขยับเพิ่มความรุนแรง เขาไม่ปรานี น่าจะเดาได้รึเปล่าว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ เพราะความชุ่มฉ่ำขยันตอดรัดนิ้วขนาดนี้ นาวินยังคงเริ่มเร่งจังหวะแม้จะเนิบนาบบ้างแต่สุดท้ายมันก็แปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วจนเนื้อตัวของคนตัวเล็กเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
กัดริมฝีปากเข้าหากันจนห้อเลือด ในขณะที่ดอกไม้งามช้ำด้วยแรงจากน้ำมือเขา นิ้วร้อนสอดแทรกลงไปอย่างล้ำลึกแหวกกลีบดอกเข้าออกในจังหวะเดียวกันกับที่พิมพ์พลอยสะอึกสะอื้น
“อะ..อ่า!” ไม่ไหวแล้วเหมือนจะขาดใจให้ได้ ทันทีที่เสียงทรมานแสนแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากบาง ดูเหมือนว่านาวินยังสะใจไม่พอ บทลงโทษสำหรับคนทรยศมันพึ่งเริ่มต้นขึ้นต่างหาก เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าหล่อเหลากลับเคลื่อนตัวลงต่ำ สอดแทรกลิ้นร้อนในคราเดียวกันกับที่นิ้วขยับเข้าออกเป็นจังหวะ
ลิ้นสากแหวกกลีบดอกไม้ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหวานของคนตัวเล็ก เขาดูดดึงมันเสมือนปรารถล้อเล่นกับความต้องการของเธอ ยามร่างบางกระตุกวูบ เพราะใกล้แตะขอบสวรรค์ ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะหยุดการกระทำทั้งหมดไว้เพียงชั่วครู่
“ต้องการอะไร” เสียงทุ้มถามในขณะที่เคลื่อนตัวลุกขึ้นจนประสานสายตากับนัยน์ตาหวาน ทว่านิ้วร้อนนั้นยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มันแน่นิ่งแช่อยู่ในกายสาวอย่างนั้น
“อะ…อึก!” เมื่อเห็นว่ามีคนดื้อดึง ยังคงไว้เชิงไม่เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง ชายร้ายกาจจึงเร่งนิ้วเนิบนาบเข้าออกเพิ่มความเสียวซ่านจนแผ่ไปทั่วทุกอณูของร่างกาย
หญิงสาวทำได้เพียงกัดฟันกรอดเกลียดเขาสุดหัวใจ ถูกใจนักใช่ไหมที่หลอกล่อจนเธอพ่ายแพ้ได้ ยิ่งพิมพ์พลอยแสดงออกราวกับว่าทรมานมากเท่าไร รอยยิ้มร้ายกลับคลี่กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
…สะใจมากสินะ!
“ฉันถาม” ใบหน้าหวานร้อนวูบทันใด เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนหน้าคมคายเข้ามาใกล้จนลมหายใจสัมผัสกัน ริมฝีปากหนาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหวานนั้นเม้มเล่นยังเรียวปากสีชมพูอย่างอ้อยอิ่ง
“คะ…คุณ…ฉันต้องการคุณ” พ่ายแพ้แล้วแข็งใจต่อไปก็คงเปล่าประโยชน์อยู่ดีในเมื่อร่างกายเร่งตอบสนองเขาขนาดนี้
“หึ…คืนนี้คงไม่พอสำหรับเรา” สิ้นสุดคำพูดนาวินประกบริมฝีปากเพราะสานต่อความต้องการของพิมพ์พลอยอีกที ความร้อนแรงที่ปะทุขึ้นภายในห้องน้ำแห่งนี้มีชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้นำพาเท่านั้น
นาวินเป็นคนเดียวที่สามารถปลุกไฟปรารถนาในกายสาวให้คล้อยตามได้อย่างไม่ยากเย็น