บทที่หก

1861 คำ
วางปากกาทันทีที่สลักชื่อลงยังใบทะเบียนสมรส ตามด้วยใบหย่าพร้อมกับข้อสัญญาที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ คำพูดย่อมเป็นคำพูดเมื่อสัญญาว่าจะใช้ชีวิตเป็นภรรยาของเขาแค่หกเดือน นาวินจึงไม่รอช้ารีบเร่งให้ทนายร่างเอกสารขึ้นมาราวกับกลัวเธอบิดพลิ้ว “เสร็จแล้วนะครับ” นายทะเบียนว่าพร้อมยื่นเอกสารทั้งใบทะเบียนสมรสพร้อมใบหย่าที่ถูกเซ็นเอาไว้เรียบร้อย จะมีข้อบังคับใช้ภายหลังหกเดือนข้างหน้าถ้าฝ่ายชายเอาไปยื่น “ขอบคุณนะคะ” กลายเป็นเธอที่ตอบกลับอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อร่างสูงของคนไร้มารยาทพุ่งตัวออกไปทันทีหลังธุระเสร็จสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาแม้แกล้งราบเรียบแค่ไหน แต่การกระทำเมื่อสักครู่นี้พิมพ์พลอยรู้ดีว่าเขาไม่สบอารมณ์ ช่างสิไม่เห็นต้องสนใจ “ขอบคุณ คุณอิทธิมากนะคะที่มาเป็นธุระให้” หันไปไหว้ตัวแทนกฎหมายฝ่ายสามี และก็ได้รับแต่รอยยิ้มเอ็นดู “ยินดีครับคุณหนูพิมพ์” ทำไมนาวินเกลียดชังผู้หญิงคนนี้นักหนา เนื้อแท้พิมพ์พลอยเป็นคนน่ารักสดใสแค่ไหนอิทธิรู้ดี เพราะเขาคลุกคลีกับบ้านพงพิพัฒน์มาเนินนาน หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน แม้นาวินจะเว้นระยะห่างกับเธอมากขึ้น แต่หญิงสาวรู้ดีว่ามันไม่ได้ปลอดภัยเลยสักนิดเดียว อารมณ์แปรปรวนของเขา พร้อมจะทำอะไรที่ขาดสติได้ตลอดเวลา วันนี้คนตัวเล็กเดินทางมายังที่นัดหมายเพื่อเจรจากับพรีเซ็นเตอร์คนสำคัญซึ่งลูกค้าต้องการ เธอมานั่งรอยังห้องรับรองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนเรื่องมากอย่าง ‘วาริธร’ เขากำลังเดินทางมาที่นี่ “มาเร็วนะคะคุณน้องพิมพ์” ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงทักทายจากผู้จัดการร่างใหญ่ใจสาวอย่าง ‘เอมมี่’ ร้องดังด้วยจริตที่เห็นจนชินตา เคยร่วมงานกับคนตรงหน้ามาหลายครั้ง ก็หล่อนดูแลพี่สาวนอกไส้อย่างพิชชาด้วย “สวัสดีค่ะพี่เอมมี่” ยิ้มสวยประดับเรียวปาก ในขณะที่ดวงตากลมโตไม่ละสายตาจากเรือนร่างของผู้มาใหม่ ‘วาริธร’ หรือ ‘คราม’ ซุปตาร์ ไฮโซซึ่งเอาใจยากที่สุดในสามโลก “สวยขึ้นนะเนี่ย ก็คนมีความรักอะเนอะ” กล้ำกลืนจนไม่กล้า ปฏิเสธ เอ่ยแซวสนุกสนานแม้แท้จริงหล่อนจะรู้เรื่องราวระหว่างเธอ นาวิน และพิชชาหมดทุกอย่าง “ค่ะ นิดหน่อย” ระบายยิ้มอ่อนรับคำ “จะคุยกันอีกนานมั้ย” คนไร้มารยาทโพล่งขัดจังหวะ ทว่าพิมพ์พลอยกลับรู้สึกโล่งใจประหลาด เพราะไม่ต้องการให้เอมมี่ซักไซ้อะไรให้มากความ แต่เมื่อเผลอสบตาดุดันของวาริธรแล้ว คนตัวเล็กหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า ชายหนุ่มขับบิ๊กไบก์มาด้วยตนเอง แต่เขาหลบซ่อนด้วยการใส่หมวกพร้อมปกปิดใบหน้าหล่อเหลาด้วยผ้าคลุมสีดำ เธอจำได้เพราะชายหนุ่มซุ่มซ่ามทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ บุคลิกท่าทางรวมถึงออร่าเปล่งประกาย แม้พยายามปิดบังแค่ไหน แต่อย่าหวังว่าจะรอดสายตาอันเฉียบขาดของพิมพ์พลอย ‘ผมให้คุณเข้าไม่ได้หรอกครับถ้าไม่มีบัตรผ่านเจ้าหน้าที่ นี่มันที่จอดรถของคนในตึกนี้’ พี่ยามโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ‘ก็ผมบอกแล้วไงว่ามาคุยงาน ที่จอดรถข้างนอกไม่ว่างผมควรทำยังไงครับ’ คนตัวสูงย้อนถามด้วยน้ำเสียงขัดใจ ไม่สามารถดับอารมณ์เดือดดาลขี้หงุดหงิดระดับล้านของตนเองได้ ‘ผมไม่รู้ครับ แต่มันเป็นกฎของที่นี่ ผมขัดไม่ได้จริงๆ’ ‘ก็ผมจะยื่นบัตรประชาชนให้พี่แล้วไง’ มือหนาเอื้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ใบใหญ่ ที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเพื่อทำการยืนยันในคำพูด ‘ไม่ได้ครับ’ พิมพ์พลอยซึ่งลงมาจากรถแท็กซี่ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดิบพอดี ไม่รอช้าแม่สาวน้ำใจงามก็เลือกเข้าไปช่วย แม้จะปล่อยเซอร์แต่ปราดตาดูครั้งเดียวก็รู้ว่าที่เขาใส่นั้นมันแบรนด์เนมตัว และหญิงสาวจำได้ทันทีว่าเขาคือใคร! ‘พี่ยามคะ’ ‘อ้าวคุณพิมพ์’ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างบึกหันไปหาผู้มาใหม่ ‘พิมพ์ว่าเขาจะน่าจะมาคุยงาน อนุญาตให้จอดได้ค่ะ’ เธอเลือกอธิบายโดยไม่ระบุว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ซุปตาร์หนุ่มจึงหันมองคนตัวเล็กคล้ายสงสัย ไม่แน่ใจว่าเขามีคำถามอะไรหรือเปล่า …ก็แค่อยากช่วยเท่านั้นแหละ ‘คุณเข้าไปจอดเถอะค่ะ’ ชายหนุ่มพยักหน้าในจังหวะเดียวกันกับที่เร่งรีบเก็บกระเป๋าสตางค์ โดยคนไม่ระวังตัวไม่ล่วงรู้ว่ามันร่วงหล่นลงยังพื้นถนนตั้งแต่เมื่อไหร่ บรื้นนนนนน ~ แม้ออกตัวไปด้วยความเร็วแต่ยังคงได้ยินเสียงรถคันใหญ่อยู่ดี พิมพ์พลอยก้มเก็บของไว้ เพราะมั่นใจว่ามีโอกาสคืนให้วาริธรแน่นอน คิดแล้วอดขำไม่ได้ ซุปตาร์ขี้โมโหน่าจะอายพอสมควรที่เธอสบโอกาสรู้ว่าผู้ชายแสนเซอร์คือคนเดียวกับดาราหนุ่มไฮโซที่มีภาพลักษณ์หล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว “ไหนข้อเสนอครับ” ราวกับหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถาม “ค่ะ อย่างที่เคยแจ้งพี่เอมมี่ไปคร่าวๆ คือลูกค้าสนใจอยากได้คุณครามมาเป็นพรีเซ็นเตอร์รถหรูที่เขานำเข้ามาคู่กับพรีเซ็นเตอร์เก่าอย่างคุณพิชชาค่ะ” “คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าผมเลือกรับงานมาก และผมไม่ชอบความวุ่นวาย” แม้อยากกรอกตามองบนในความเรื่องมากของคนตรงหน้า แต่แสร้งยิ้มหวานตอบกลับไป ทำไงก็ณฟ้ารีเควสต์ว่าลูกค้าต้องการเขานี่นา เบ้าหน้าฟ้าประทานขนาดนี้ต่อให้นิสัยเสียแค่ไหน ก็คงยอมรับได้มั้ง! “รู้ค่ะ ไม่ต้องห่วงบริษัทเราสามารถปฏิบัติตามข้อสัญญาได้ทั้งหมดคุณครามไม่ปวดหัวแน่นอน” “ดีครับ…ดี” ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะในลำคอนั่นหมายความว่าอะไร พิมพ์พลอยรู้สึกร้อนวูบประหลาด เหมือนว่าเขาจับตาดูในทุกการกระทำของเธอ “ค่ะ ยังไงเซ็นสัญญาตรงนี้นะคะ” “คุณจะมาดูแลงานนี้เองใช่มั้ย” ปากว่าในขณะที่มือดึงเอกสารมาอ่านเพื่อตรวจทาน ผลประโยชน์ของตนเองย่อมสำคัญที่สุดสำหรับเขา “ถ้าคุณครามหมายถึงเรื่องถ่ายโฆษณา จะมีณฟ้าดูแลเรื่องนี้อยู่ค่ะ ส่วนฉันหน้าที่คือประสานงานทำตามความต้องการของลูกค้า” “ผมหมายถึงคุณจะไปดูการถ่ายโฆษณารึเปล่า” เหมือนสัมผัสถึงความไม่พอใจจากเจ้าของยิ้มร้ายนั่น “คงไม่ค่ะ” “แล้วผมจะกล้ามั่นใจได้ยังไงว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี” “คราม!” เอมมี่หันไปปรามวาริธร ทว่าชายหนุ่มกลับยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ ในเมื่อทั้งหมดที่เขาพูดเป็นความจริง “ถ้าคุณไม่ได้ดูแลงานนี้ผมก็ไม่มั่นใจ” “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันประสานงาน” เธอยังยืนยันคำเดิม “ไม่รู้นะ ถ้าอยากร่วมงานกันคุณต้องมาดูแลผม” “ว้าย! ครามพูดอะไรออกไป” เอมมี่ยกมือป้องปาก อยากจะตีลูกชายแรงๆ ที่กล้าคิดกล้าพูดเสียเหลือเกิน ถ้าพิมพ์พลอยมาคุมงานนี้เองเท่ากับว่ามีโอกาสที่จะปะทะกับพิชชา หล่อนไม่อยากจินตนาการว่างานทั้งหมดจะปั่นป่วนวุ่นวายเพียงใด ติ๊ด! ติ๊ด! เหมือนเสียงเครื่องมือสื่อสารจะขัดจังหวะสงครามขนาดย่อม เอมมี่ร้อนรนแต่ก็ต้องรับสายสำคัญเมื่อคนที่โทรมาคือ ‘พิชชา’ “พี่ขอตัวสักครู่นะคะ” “ค่ะ” พิมพ์พลอยพยักหน้ารับรู้ “สรุปคุณไม่รับปากใช่มั้ย” รู้ว่าอยากก่อกวนแต่ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มทำไปเพื่ออะไร ไม่พอใจอะไรกับบริษัทหรือมีปัญหากับคนตรงหน้ากันแน่ ‘เธอทำอะไรให้เขานักหนา!’ แค่คิดแล้วอยากทึ้งหัวตัวเองแรงๆ สักที ไม่น่ารับปากไอ้ฟ้าเลย “งั้นผมขออนุญาตไม่เซ็น” “นี่คุณ!” “ยังไงครับหรืออยากเปลี่ยนใจแล้ว” ยักคิ้วถามด้วยมาดกวน “โอเคฉันจะไปดูแลคุณ” อยากตบปากตัวเองสักร้อยครั้งที่ดันเผลอรับปากเขาไปเรียบร้อยเสียแล้ว “ครับ หวังว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด ถ้าไปถ่ายโฆษณาแล้วไม่เจอคุณผมพร้อมยกกอง” รู้แหละว่าตั้งใจขู่เข็น นัยน์ตาคมเข้มสีน้ำตาลแม้จะแสดงออกว่าหยอกล้อ แต่เธอแปลความหมายมันออก ต่อให้เขาจะแกล้งพูดจาเนิบนาบไม่มีแสดงออกถึงความหยาบคาย แต่ดวงตาคู่นี้มันบอกว่า ถ้าใครขัดใจเมื่อไรชายหนุ่มพร้อมทำอย่างที่พูด! “ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงหนักๆ กลับไป ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเซ็นเอกสารมากมายอย่างไม่เกี่ยงงอน “นี่ของคุณ” พิมพ์พลอยหยิบกระเป๋าสตางค์ที่เขาทำตกไว้ ส่วนเธอเองก็ดันมีน้ำใจ จึงเก็บไว้เพื่อรอยื่นให้กับคนตรงหน้า “คิดว่าจะไม่คืนซะแล้ว” “…” “ถ้าคุณทำตามที่ผมบอก ผมสัญญาจะพยายามทำตัวน่ารักกับคุณ” วินาทีที่รับกระเป๋ามาราวกับมือหนาตั้งใจสัมผัสยังหลังมือ คนตัวเล็กตกใจจนปล่อยมันร่วงลงสู่โต๊ะไม้ฉับพลันคล้ายของร้อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์รวมถึงคำพูดแปลกๆ ของเขาทำเอาเธอประหม่า ไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่ก็ไม่โง่ถึงขั้นดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ พ่อซุปตาร์รูปหล่อนี่กำลังเต๊าะเธอ! “อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอ” “ครับพี่เอมมี่” ประตูบานใหญ่เปิดออก ก็ได้เห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายเรียบร้อยจนเอมมี่ยิ้มให้พิมพ์พลอยด้วยความโล่งใจ ‘พี่เอมมี่สบายใจที่ได้ส่วนแบ่งค่าโฆษณาแต่เธอนี่สิหนักใจ’ คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจพลางฝืนยิ้มกลับไป “ไปดื่มด้วยกันสิคะวันนี้ ฉลองที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง” หล่อนยิ้มแย้มเชิญชวน “ไปสิครับ” ยังไม่ทันที่พิมพ์พลอยจะปฏิเสธ วาริธรก็รีบหันไปรับปากทันทีราวกับรอคอยโอกาสนี้มาเนินนาน “เอ้…วันนี้เชื่อฟังแปลกๆ นะ” “ผมเป็นเด็กดีของพี่อยู่แล้ว” แม้ตอบกลับเอมมี่ แต่นัยน์ตาระยิบระยับเลื่อนไปมองร่างบางราวกับต้องการสื่อความนัยว่า ทั้งหมดหมายถึงเธอไม่ใช่ผู้จัดการ! “ว่าไงคะน้องพิมพ์สะดวกรึเปล่า” “คือพิมพ์…” “จะไม่ไปเหรอครับ” นั่นไม่ใช่คำถามแต่มันคือประโยคคำสั่งต่างหาก วาริธรกำลังบีบบังคับกันอยู่ เพราะจดจ้องคาดคั้นรอคอยคำตอบเหลือเกิน “…” “ไปสิจ๊ะน้องพิมพ์” พิจารณาใบหน้าอ้อนวอนของเอมมี่ก็ได้แต่เห็นใจ พิมพ์พลอยเม้มปากแน่นสนิทเพราะไม่รู้ต้องทำยังไงดี ไหนจะเอมมี่ไหนจะวาริธร…อยากจะบ้าตายนี่มันวันซวยอะไร “ไปก็ไปค่ะ” แต่เพราะนิสัยช่างใจอ่อนเพียงไม่นานก็ตอบตกลงรับปากไป โดยไม่รู้เลยว่าหายนะทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม