วางปากกาทันทีที่สลักชื่อลงยังใบทะเบียนสมรส ตามด้วยใบหย่าพร้อมกับข้อสัญญาที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ คำพูดย่อมเป็นคำพูดเมื่อสัญญาว่าจะใช้ชีวิตเป็นภรรยาของเขาแค่หกเดือน นาวินจึงไม่รอช้ารีบเร่งให้ทนายร่างเอกสารขึ้นมาราวกับกลัวเธอบิดพลิ้ว
“เสร็จแล้วนะครับ” นายทะเบียนว่าพร้อมยื่นเอกสารทั้งใบทะเบียนสมรสพร้อมใบหย่าที่ถูกเซ็นเอาไว้เรียบร้อย จะมีข้อบังคับใช้ภายหลังหกเดือนข้างหน้าถ้าฝ่ายชายเอาไปยื่น
“ขอบคุณนะคะ” กลายเป็นเธอที่ตอบกลับอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อร่างสูงของคนไร้มารยาทพุ่งตัวออกไปทันทีหลังธุระเสร็จสิ้น ใบหน้าหล่อเหลาแม้แกล้งราบเรียบแค่ไหน แต่การกระทำเมื่อสักครู่นี้พิมพ์พลอยรู้ดีว่าเขาไม่สบอารมณ์
ช่างสิไม่เห็นต้องสนใจ
“ขอบคุณ คุณอิทธิมากนะคะที่มาเป็นธุระให้” หันไปไหว้ตัวแทนกฎหมายฝ่ายสามี และก็ได้รับแต่รอยยิ้มเอ็นดู
“ยินดีครับคุณหนูพิมพ์” ทำไมนาวินเกลียดชังผู้หญิงคนนี้นักหนา เนื้อแท้พิมพ์พลอยเป็นคนน่ารักสดใสแค่ไหนอิทธิรู้ดี เพราะเขาคลุกคลีกับบ้านพงพิพัฒน์มาเนินนาน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน แม้นาวินจะเว้นระยะห่างกับเธอมากขึ้น แต่หญิงสาวรู้ดีว่ามันไม่ได้ปลอดภัยเลยสักนิดเดียว อารมณ์แปรปรวนของเขา พร้อมจะทำอะไรที่ขาดสติได้ตลอดเวลา
วันนี้คนตัวเล็กเดินทางมายังที่นัดหมายเพื่อเจรจากับพรีเซ็นเตอร์คนสำคัญซึ่งลูกค้าต้องการ เธอมานั่งรอยังห้องรับรองเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนเรื่องมากอย่าง ‘วาริธร’ เขากำลังเดินทางมาที่นี่
“มาเร็วนะคะคุณน้องพิมพ์” ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงทักทายจากผู้จัดการร่างใหญ่ใจสาวอย่าง ‘เอมมี่’ ร้องดังด้วยจริตที่เห็นจนชินตา
เคยร่วมงานกับคนตรงหน้ามาหลายครั้ง ก็หล่อนดูแลพี่สาวนอกไส้อย่างพิชชาด้วย
“สวัสดีค่ะพี่เอมมี่” ยิ้มสวยประดับเรียวปาก ในขณะที่ดวงตากลมโตไม่ละสายตาจากเรือนร่างของผู้มาใหม่ ‘วาริธร’ หรือ ‘คราม’ ซุปตาร์ ไฮโซซึ่งเอาใจยากที่สุดในสามโลก
“สวยขึ้นนะเนี่ย ก็คนมีความรักอะเนอะ” กล้ำกลืนจนไม่กล้า ปฏิเสธ เอ่ยแซวสนุกสนานแม้แท้จริงหล่อนจะรู้เรื่องราวระหว่างเธอ นาวิน และพิชชาหมดทุกอย่าง
“ค่ะ นิดหน่อย” ระบายยิ้มอ่อนรับคำ
“จะคุยกันอีกนานมั้ย” คนไร้มารยาทโพล่งขัดจังหวะ ทว่าพิมพ์พลอยกลับรู้สึกโล่งใจประหลาด เพราะไม่ต้องการให้เอมมี่ซักไซ้อะไรให้มากความ
แต่เมื่อเผลอสบตาดุดันของวาริธรแล้ว คนตัวเล็กหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า ชายหนุ่มขับบิ๊กไบก์มาด้วยตนเอง แต่เขาหลบซ่อนด้วยการใส่หมวกพร้อมปกปิดใบหน้าหล่อเหลาด้วยผ้าคลุมสีดำ
เธอจำได้เพราะชายหนุ่มซุ่มซ่ามทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ บุคลิกท่าทางรวมถึงออร่าเปล่งประกาย แม้พยายามปิดบังแค่ไหน แต่อย่าหวังว่าจะรอดสายตาอันเฉียบขาดของพิมพ์พลอย
‘ผมให้คุณเข้าไม่ได้หรอกครับถ้าไม่มีบัตรผ่านเจ้าหน้าที่ นี่มันที่จอดรถของคนในตึกนี้’ พี่ยามโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
‘ก็ผมบอกแล้วไงว่ามาคุยงาน ที่จอดรถข้างนอกไม่ว่างผมควรทำยังไงครับ’ คนตัวสูงย้อนถามด้วยน้ำเสียงขัดใจ ไม่สามารถดับอารมณ์เดือดดาลขี้หงุดหงิดระดับล้านของตนเองได้
‘ผมไม่รู้ครับ แต่มันเป็นกฎของที่นี่ ผมขัดไม่ได้จริงๆ’
‘ก็ผมจะยื่นบัตรประชาชนให้พี่แล้วไง’ มือหนาเอื้อมหยิบกระเป๋าสตางค์ใบใหญ่ ที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงเพื่อทำการยืนยันในคำพูด
‘ไม่ได้ครับ’ พิมพ์พลอยซึ่งลงมาจากรถแท็กซี่ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดิบพอดี ไม่รอช้าแม่สาวน้ำใจงามก็เลือกเข้าไปช่วย แม้จะปล่อยเซอร์แต่ปราดตาดูครั้งเดียวก็รู้ว่าที่เขาใส่นั้นมันแบรนด์เนมตัว
และหญิงสาวจำได้ทันทีว่าเขาคือใคร!
‘พี่ยามคะ’
‘อ้าวคุณพิมพ์’ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่างบึกหันไปหาผู้มาใหม่
‘พิมพ์ว่าเขาจะน่าจะมาคุยงาน อนุญาตให้จอดได้ค่ะ’ เธอเลือกอธิบายโดยไม่ระบุว่าผู้ชายคนนี้คือใคร ซุปตาร์หนุ่มจึงหันมองคนตัวเล็กคล้ายสงสัย ไม่แน่ใจว่าเขามีคำถามอะไรหรือเปล่า
…ก็แค่อยากช่วยเท่านั้นแหละ
‘คุณเข้าไปจอดเถอะค่ะ’ ชายหนุ่มพยักหน้าในจังหวะเดียวกันกับที่เร่งรีบเก็บกระเป๋าสตางค์ โดยคนไม่ระวังตัวไม่ล่วงรู้ว่ามันร่วงหล่นลงยังพื้นถนนตั้งแต่เมื่อไหร่
บรื้นนนนนน ~
แม้ออกตัวไปด้วยความเร็วแต่ยังคงได้ยินเสียงรถคันใหญ่อยู่ดี พิมพ์พลอยก้มเก็บของไว้ เพราะมั่นใจว่ามีโอกาสคืนให้วาริธรแน่นอน
คิดแล้วอดขำไม่ได้ ซุปตาร์ขี้โมโหน่าจะอายพอสมควรที่เธอสบโอกาสรู้ว่าผู้ชายแสนเซอร์คือคนเดียวกับดาราหนุ่มไฮโซที่มีภาพลักษณ์หล่อเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว
“ไหนข้อเสนอครับ” ราวกับหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินคำถาม
“ค่ะ อย่างที่เคยแจ้งพี่เอมมี่ไปคร่าวๆ คือลูกค้าสนใจอยากได้คุณครามมาเป็นพรีเซ็นเตอร์รถหรูที่เขานำเข้ามาคู่กับพรีเซ็นเตอร์เก่าอย่างคุณพิชชาค่ะ”
“คุณรู้ใช่มั้ยครับว่าผมเลือกรับงานมาก และผมไม่ชอบความวุ่นวาย” แม้อยากกรอกตามองบนในความเรื่องมากของคนตรงหน้า แต่แสร้งยิ้มหวานตอบกลับไป ทำไงก็ณฟ้ารีเควสต์ว่าลูกค้าต้องการเขานี่นา
เบ้าหน้าฟ้าประทานขนาดนี้ต่อให้นิสัยเสียแค่ไหน ก็คงยอมรับได้มั้ง!
“รู้ค่ะ ไม่ต้องห่วงบริษัทเราสามารถปฏิบัติตามข้อสัญญาได้ทั้งหมดคุณครามไม่ปวดหัวแน่นอน”
“ดีครับ…ดี” ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะในลำคอนั่นหมายความว่าอะไร พิมพ์พลอยรู้สึกร้อนวูบประหลาด เหมือนว่าเขาจับตาดูในทุกการกระทำของเธอ
“ค่ะ ยังไงเซ็นสัญญาตรงนี้นะคะ”
“คุณจะมาดูแลงานนี้เองใช่มั้ย” ปากว่าในขณะที่มือดึงเอกสารมาอ่านเพื่อตรวจทาน ผลประโยชน์ของตนเองย่อมสำคัญที่สุดสำหรับเขา
“ถ้าคุณครามหมายถึงเรื่องถ่ายโฆษณา จะมีณฟ้าดูแลเรื่องนี้อยู่ค่ะ ส่วนฉันหน้าที่คือประสานงานทำตามความต้องการของลูกค้า”
“ผมหมายถึงคุณจะไปดูการถ่ายโฆษณารึเปล่า” เหมือนสัมผัสถึงความไม่พอใจจากเจ้าของยิ้มร้ายนั่น
“คงไม่ค่ะ”
“แล้วผมจะกล้ามั่นใจได้ยังไงว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
“คราม!” เอมมี่หันไปปรามวาริธร ทว่าชายหนุ่มกลับยักไหล่ราวกับไม่ใส่ใจ ในเมื่อทั้งหมดที่เขาพูดเป็นความจริง
“ถ้าคุณไม่ได้ดูแลงานนี้ผมก็ไม่มั่นใจ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันประสานงาน” เธอยังยืนยันคำเดิม
“ไม่รู้นะ ถ้าอยากร่วมงานกันคุณต้องมาดูแลผม”
“ว้าย! ครามพูดอะไรออกไป” เอมมี่ยกมือป้องปาก อยากจะตีลูกชายแรงๆ ที่กล้าคิดกล้าพูดเสียเหลือเกิน
ถ้าพิมพ์พลอยมาคุมงานนี้เองเท่ากับว่ามีโอกาสที่จะปะทะกับพิชชา หล่อนไม่อยากจินตนาการว่างานทั้งหมดจะปั่นป่วนวุ่นวายเพียงใด
ติ๊ด! ติ๊ด!
เหมือนเสียงเครื่องมือสื่อสารจะขัดจังหวะสงครามขนาดย่อม เอมมี่ร้อนรนแต่ก็ต้องรับสายสำคัญเมื่อคนที่โทรมาคือ ‘พิชชา’
“พี่ขอตัวสักครู่นะคะ”
“ค่ะ” พิมพ์พลอยพยักหน้ารับรู้
“สรุปคุณไม่รับปากใช่มั้ย” รู้ว่าอยากก่อกวนแต่ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มทำไปเพื่ออะไร ไม่พอใจอะไรกับบริษัทหรือมีปัญหากับคนตรงหน้ากันแน่
‘เธอทำอะไรให้เขานักหนา!’ แค่คิดแล้วอยากทึ้งหัวตัวเองแรงๆ สักที ไม่น่ารับปากไอ้ฟ้าเลย
“งั้นผมขออนุญาตไม่เซ็น”
“นี่คุณ!”
“ยังไงครับหรืออยากเปลี่ยนใจแล้ว” ยักคิ้วถามด้วยมาดกวน
“โอเคฉันจะไปดูแลคุณ” อยากตบปากตัวเองสักร้อยครั้งที่ดันเผลอรับปากเขาไปเรียบร้อยเสียแล้ว
“ครับ หวังว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด ถ้าไปถ่ายโฆษณาแล้วไม่เจอคุณผมพร้อมยกกอง” รู้แหละว่าตั้งใจขู่เข็น นัยน์ตาคมเข้มสีน้ำตาลแม้จะแสดงออกว่าหยอกล้อ แต่เธอแปลความหมายมันออก ต่อให้เขาจะแกล้งพูดจาเนิบนาบไม่มีแสดงออกถึงความหยาบคาย
แต่ดวงตาคู่นี้มันบอกว่า ถ้าใครขัดใจเมื่อไรชายหนุ่มพร้อมทำอย่างที่พูด!
“ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงหนักๆ กลับไป ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเซ็นเอกสารมากมายอย่างไม่เกี่ยงงอน
“นี่ของคุณ” พิมพ์พลอยหยิบกระเป๋าสตางค์ที่เขาทำตกไว้ ส่วนเธอเองก็ดันมีน้ำใจ จึงเก็บไว้เพื่อรอยื่นให้กับคนตรงหน้า
“คิดว่าจะไม่คืนซะแล้ว”
“…”
“ถ้าคุณทำตามที่ผมบอก ผมสัญญาจะพยายามทำตัวน่ารักกับคุณ” วินาทีที่รับกระเป๋ามาราวกับมือหนาตั้งใจสัมผัสยังหลังมือ
คนตัวเล็กตกใจจนปล่อยมันร่วงลงสู่โต๊ะไม้ฉับพลันคล้ายของร้อน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์รวมถึงคำพูดแปลกๆ ของเขาทำเอาเธอประหม่า
ไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่ก็ไม่โง่ถึงขั้นดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
พ่อซุปตาร์รูปหล่อนี่กำลังเต๊าะเธอ!
“อ้าว เรียบร้อยแล้วเหรอ”
“ครับพี่เอมมี่” ประตูบานใหญ่เปิดออก ก็ได้เห็นว่าทุกอย่างคลี่คลายเรียบร้อยจนเอมมี่ยิ้มให้พิมพ์พลอยด้วยความโล่งใจ
‘พี่เอมมี่สบายใจที่ได้ส่วนแบ่งค่าโฆษณาแต่เธอนี่สิหนักใจ’ คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจพลางฝืนยิ้มกลับไป
“ไปดื่มด้วยกันสิคะวันนี้ ฉลองที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง” หล่อนยิ้มแย้มเชิญชวน
“ไปสิครับ” ยังไม่ทันที่พิมพ์พลอยจะปฏิเสธ วาริธรก็รีบหันไปรับปากทันทีราวกับรอคอยโอกาสนี้มาเนินนาน
“เอ้…วันนี้เชื่อฟังแปลกๆ นะ”
“ผมเป็นเด็กดีของพี่อยู่แล้ว” แม้ตอบกลับเอมมี่ แต่นัยน์ตาระยิบระยับเลื่อนไปมองร่างบางราวกับต้องการสื่อความนัยว่า ทั้งหมดหมายถึงเธอไม่ใช่ผู้จัดการ!
“ว่าไงคะน้องพิมพ์สะดวกรึเปล่า”
“คือพิมพ์…”
“จะไม่ไปเหรอครับ” นั่นไม่ใช่คำถามแต่มันคือประโยคคำสั่งต่างหาก วาริธรกำลังบีบบังคับกันอยู่ เพราะจดจ้องคาดคั้นรอคอยคำตอบเหลือเกิน
“…”
“ไปสิจ๊ะน้องพิมพ์” พิจารณาใบหน้าอ้อนวอนของเอมมี่ก็ได้แต่เห็นใจ พิมพ์พลอยเม้มปากแน่นสนิทเพราะไม่รู้ต้องทำยังไงดี
ไหนจะเอมมี่ไหนจะวาริธร…อยากจะบ้าตายนี่มันวันซวยอะไร
“ไปก็ไปค่ะ” แต่เพราะนิสัยช่างใจอ่อนเพียงไม่นานก็ตอบตกลงรับปากไป โดยไม่รู้เลยว่าหายนะทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น